พูดถึงยาสมุนไพรของไทย ก็มีอยู่หลายชนิด แต่ละชนิดมีสรรพคุณต่าง ๆ กันไป แต่ตอนนั้นเราเอง ยังไม่ได้ใช้สมุนไพร เมื่อครั้งยังเด็ก เราเป็นไข้บ่อย ๆ เป็นแผลในปาก ที่เกิดจากร้อนใน เราเป็นบ่อยมาก กินอาหารทีไร แสบปากไปหมด แม้แต่ดื่มน้ำก็แทบไม่อยากให้ถูกปากเลย พอเป็นไข้ปุ๊บ คุณแม่ก็จัดมาเลยจ้า พาราเซตามอลละลายน้ำ รสจะขม ๆ เปรี้ยว ๆ พอปากเป็นแผลปั๊บ มาเลยจ้า ยาม่วง เยนเชียนไวโอเลต ป้ายจนปากม่วงไปหมด ยิ้มที ฟันสวยเลย พอโตขึ้นมาหน่อย ก็เริ่มมองหาสมุนไพรแก้ไข้ แก้ร้อนใน มาแทนยาแผนปัจจุบันที่ต้องกินบ่อย ๆ ทาบ่อย ๆ ก็มารู้จักยาเขียว ซึ่งก็มีหลายยี่ห้อ แต่ที่เราเคยเห็นก็มี ยาเขียวตราใบห่อ อันนี้เห็นโฆษณาในโทรทัศน์ แล้วที่เราใช้ประจำคือ ยาเขียวตราใบโพธิ์ ยาเขียวตราใบโพธิ์ มีสรรพคุณที่ระบุไว้ข้างซองคือ แก้ไข้ ร้อนใน กระหายน้ำ แก้ไข้หัดเหือด อีสุกอีใส วิธีทานยานี้ ตามที่ระบุไว้คือ ละลายน้ำดอกไม้เทศหรือน้ำดอกมะลิสด แต่เวลาเราจะกินจริง ๆ คงไม่ได้หา หรือหาไม่ได้หรอก ก็ละลายกับน้ำดื่มเปล่า ๆ นี่แหละ ได้ผลเหมือนกัน ยาเขียวตราใบโพธิ์ประกอบด้วย จันทน์เทศ จันทน์แดง พิศนาศน์ ใบพิมเสน ใบสมี สมุนไพรดี ๆ ทั้งนั้นเลย ขนาดรับประทาน ผู้ใหญ่รับประทานครั้งละ 7-10 เม็ด เด็กรับประทานครั้งละ 1- 5 เม็ด วันละ 1-3 ครั้ง รับประทานได้ทุกเวลา ไม่จำกัดว่าจะต้องก่อนหรือหลังอาหาร เราเองถ้าเป็นไข้ ก็จะทานเวลามีไข้ ครั้งละ 7 เม็ด ละลายน้ำ รสชาติก็จะเป็นเฝื่อน ๆ ขม ๆ เย็น ๆ เล็กน้อย ทานยากอยู่นะ หน้าเบ้เลยเชียว แต่ถ้าจะให้เด็กทานล่ะ ต้องหาวิธีหลอกล่อนิดหน่อยจ้า เวลาลูกเป็นไข้ ทานยาลดไข้แผนปัจจุบันบ่อยไป ก็กลัวตับลูกพัง เราก็จัดมาเลย เฮลซ์บลูบอยสีแดง ที่จริงใช้สีอะไรก็ได้ แล้วแต่ความชอบ แต่เราชอบสีแดง แล้วก็มะนาว น้ำดื่มเล็กน้อย เทผสมกันเลย ให้ได้รสชาติหวาน ๆ เปรี้ยว ๆ แล้วใส่ยาเขียวลงไป คนจนละลายเข้ากัน แล้วแต่ว่าจะใส่กี่เม็ด พอได้กินลูกชอบรสชาตินี้ ถึงกับขอทานอีก หมดปัญหาทานยายากไปเลยจ้า ถ้าเป็นไข้อีสุกอีใส ทายาเขียวลงไปนี่ ตุ่มทะลุออกมาเชียว เพราะยาเข้าไปกระทุ้งให้ออกมาให้หมด จะได้ไม่หลบใน ตุ่มออกมาเยอะ ก็ยาเขียวละลายน้ำทา ๆ ชโลม ๆ ลงไป ก็ช่วยให้อาการคัน ๆ แสบ ๆ ลดลงไปได้บ้าง ยิ่งใครถ้าชอบทานทุเรียน ลำไย ทานเสร็จก็ทานยาเขียวตราใบโพธิ์ตามเลยจ้า แก้ร้อนในได้ดีนักแล เอาเป็นว่า มียาเขียวตราใบโพธิ์ติดบ้าน ติดตู้ยาไว้ มีประโยชน์แน่นอน ราคาไม่แพง ซองละ 10 บาท หรือซื้อยกโหล ก็ได้ราคาถูกลง แต่คงทานไม่ทัน เพราะยาจะหมดอายุภายใน 5 ปีหลังวันผลิต แต่ถ้าแกะซองแล้ว จะหมดอายุภายใน 1 ปี หลังวันที่แกะ แต่ไม่เกินวันหมดอายุที่ระบุไว้นะจ๊ะ ภาพทั้งหมดโดย ผู้เขียน