ในปัจจุบันการดูแลสุขภาพเป็นที่นิยมกันมากขึ้น ในกลุ่มวัยรุ่นหนุ่มสาว ตลอดจนผู้สูงอายุ ที่หันมาเลือกรับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ ควบคู่ไปกับการออกกำลังกาย ซึ่งในช่วงเวลาว่างที่ดูจะมีอยู่อย่างจำกัดของคนในเมืองหลวงที่สูญเสียเวลาส่วนใหญ่ไปกับการทำงาน และการเดินทาง น้อยคนนักที่จะมีเวลาให้สำหรับการฟิตเนสอย่างจริงๆ จังๆ ทำให้การดูแลสุขภาพอย่างการออกกำลังการเป็นเรื่องยากสำหรับใครหลายๆ คนเลยทีเดียว ซึ่งในวันนี้ผู้เขียนมีเรื่องราวสำหรับการดูแลสุขภาพง่ายๆ ตามแบบฉบับคนล้านนามานำเสนอ นั่นก็คือการฟ้อนเจิง เพื่อสุขภาพ สำหรับคำว่า “ฟ้อน” ก็เป็นที่รู้จักกันที่ในหมู่คนทั่วไปอยู่แล้ว ส่วนคำว่า “เจิง” หรือคำว่าเชิง มีที่มาจากชั้นเชิงการต่อสู้ของคนล้านนาในอดีต เมื่อนำสองคำนี้มารวมกันก็แปลความหมายได้ว่า ลีลาท่ารำการต่อสู้นั่นเอง ฟ้อนเจิง เป็นศิลปะการแสดงที่แฝงไปด้วยความอ่อนช้อยและดุดัน ผสมผสานกัน ในปัจจุบันการฟ้อนเจิง ถูกนำมาประยุกต์เป็นท่ารำสำหรับเคลื่อนไหว กายบริหารในหมู่คนรักสุขภาพเป็นจำนวนมากในเขตภาคเหนือ โดยเฉพาะกลุ่มสตรีแม่บ้าน พ่อบ้าน กลุ่มหนุ่มสาว ที่ใฝ่ใจรักในศิลปะแขนงนี้ ฟ้อนเจิงเป็นการแสดงลีลาท่ารำการต่อสู้ด้วยมือเปล่า เมื่อถูกนำมาประยุกต์ เป็นท่วงท่าการออกกำลังกายจึงเป็นการบริหารร่างกายได้อย่างครบทุกสัดส่วนทำให้ร่างกายที่ถูกบริหารตามแบบฉบับการฟ้อนเจิง มีความแข็งแรง ทั้งยังเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เผาผลาญพลังงานแบบ คาร์ดิโอ อีกด้วย ในภาคเหนือมีการฝึกการออกกำลังกายแบบฟ้อนเจิง ตามสำนักต่างๆ ตามบ้านพ่อครู หรือ “สล่าเจิง” (ผู้เชี่ยวชาญการฟ้อนเจิง และการการต่อสู้) และโรงเรียงเรียนที่จัดหลักสูตรการเรียนการสอน การฟ้อนเจิงด้วยมือเปล่า สามารถฝึกได้แทบทุกที่ ขอเพียงมีบริเวณที่กว้างเพียงพอสำหรับการย่างเท้าเพียงเล็กน้อย และไม่ต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ เลย ใช้เพียงมือเปล่าและเท้าสอดประสานกันตามท่วงท่าลีลา ชั้นเชิงที่ถูกถ่ายทอดผ่านพ่อครูแม่ครูสำนักต่างๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถบริหารร่างกายเพื่อสุขภาพได้แทบทุกที่ทุกเวลา เห็นไหมครับว่าการฟ้อนเจิงนอกจากจะเป็นการบริหารร่างกาย แล้วยังนำมาใช้เป็นการแสดงอวดให้ผู้ชมได้ดูเพื่อความสนุกสนาน สวยงาม ได้อีกด้วยครับ ครั้งหน้าผู้เขียนจะนำเสนอท่วงท่าลีลาการฟ้อนเจิงเบื้องต้นให้ผู้อ่านทุกท่านได้ลองฝึกดูครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความต่อไป ครั้งหน้าครับ ปล.ที่มาภาพจากผู้เขียนเองครับ^^