10 วิธีเตรียมตัวเองก่อนบริจาคเลือด ต้องทำยังไงบ้าง ที่ควรรู้ อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล เราต่างก็รู้กันแล้วว่า การบริจาคเลือดเป็นหนึ่งในการให้ที่ยิ่งใหญ่และมีความหมายมากที่สุด เพราะเลือดทุกหยดที่เราสละไปสามารถช่วยชีวิตผู้อื่นได้จริงๆ ค่ะ แต่ก่อนที่เราจะก้าวเท้าเข้าไปบริจาคเลือด หลายคนอาจสงสัยว่า ทำไมต้องเตรียมตัวเองด้วย คำตอบง่ายๆ เลยก็คือ การเตรียมตัวที่ดีไม่ได้มีแค่ประโยชน์ต่อตัวเราเองเท่านั้น แต่ยังส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพของเลือดที่เราบริจาค และความปลอดภัยของผู้รับเลือดปลายทางด้วยค่ะ ดังนั้นการเตรียมความพร้อมจึงไม่ใช่แค่เรื่องของขั้นตอน แต่เป็นหัวใจสำคัญที่ทำให้การบริจาคเลือดของเรามีคุณค่าและปลอดภัยสูงสุด ลองนึกภาพดูสิคะว่า ถ้าเราไปบริจาคเลือดโดยไม่ได้เตรียมตัวอะไรเลย ไม่ได้นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ไม่ได้ทานอาหาร หรือไม่ได้รู้ขั้นตอนล่วงหน้า เราอาจจะรู้สึกอ่อนเพลีย หน้ามืด หรืออาจไม่ผ่านการคัดกรองตั้งแต่แรก ทำให้เสียเวลาและเสียความตั้งใจไปเปล่าๆ การเตรียมตัวอย่างพิถีพิถันก่อนบริจาคเลือดจึงเป็นเหมือนการลงทุนเล็กๆ น้อยๆ เพื่อให้การทำความดีครั้งนี้ราบรื่น มีประสิทธิภาพ และทำให้เรารู้สึกดีกับตัวเองที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการช่วยชีวิตเพื่อนมนุษย์ได้อย่างเต็มภาคภูมิค่ะ แล้วเราต้องเตรียมตัวเองยังไงบ้าง ในบทความนี้เราจะมารู้กันค่ะ กับข้อมูลที่น่าสนใจดังต่อไปนี้ 1. ศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับศูนย์บริจาคเลือด การบริจาคเลือดนั้นเป็นเรื่องดี แต่ก่อนจะก้าวขาไปที่ศูนย์บริจาคเลือด เราควรสละเวลาสักนิดเพื่อศึกษาข้อมูลก่อน เกี่ยวกับศูนย์บริจาคเลือดที่เราจะไปให้ดี เพราะว่าการเตรียมตัวที่ดีจะทำให้เรามั่นใจได้ว่า การบริจาคเลือดของเราจะเป็นไปอย่างราบรื่นและได้บริจาคโลหิตตามที่เราตั้งใจเอาไว้ ลองนึกดูสิว่าถ้าเราไม่รู้ล่วงหน้าว่าศูนย์บริจาคที่เราจะไปมีมาตรการคัดกรองอย่างไร มีข้อจำกัดอะไรบ้าง เปิดบริการตอนไหน ไปได้ทุกวันไหมหรือเฉพาะบางวัน ถ้าเราไม่รู้เราอาจไปเสียเที่ยว ดังนั้นการศึกษาข้อมูลล่วงหน้า จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของการแสดงความรับผิดชอบต่อตนเองและผู้รับเลือดด้วย เพราะเลือดของเรามีค่า และการบริจาคเลือดที่มาจากความพร้อมและข้อมูลที่ถูกต้องย่อมดีกว่าค่ะ 2. ทำความเข้าใจขั้นตอนการบริจาคเลือด ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลหรือหน่วยเคลื่อนที่ การทำความเข้าใจขั้นตอนการบริจาคเลือดล่วงหน้าเป็นสิ่งสำคัญมากค่ะ หลายคนอาจคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ไม่เห็นจำเป็นต้องรู้ก่อนเลย แต่แท้จริงแล้วการที่เราทราบลำดับขั้นตอนตั้งแต่การลงทะเบียน การคัดกรอง การเจาะเลือด ไปจนถึงการพักผ่อนหลังบริจาค จะช่วยให้เราคลายความกังวลและเตรียมตัวได้อย่างถูกต้อง ยิ่งไปกว่านั้นยังช่วยประหยัดเวลาทั้งของตัวเราเองและเจ้าหน้าที่ด้วย เพราะเราจะรู้ว่าต้องเตรียมเอกสารอะไร กรอกข้อมูลส่วนไหนบ้าง หรือต้องปฏิบัติตัวอย่างไรในแต่ละช่วงเวลา การรู้ขั้นตอนเหล่านี้ล่วงหน้าจึงไม่ใช่แค่การเตรียมพร้อมทางกาย แต่ยังเป็นการเตรียมพร้อมทางใจให้เรามั่นใจและสบายใจ ตลอดกระบวนการบริจาคเลือดค่ะ 3. สวมเสื้อผ้าที่สบายและแขนเสื้อพับขึ้นได้ง่าย หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมต้องซีเรียสเรื่องนี้ด้วย? ลองนึกภาพดูสิคะว่าถ้าเราใส่เสื้อแขนยาวรัดรูปหรือเสื้อผ้าที่อึดอัด เวลาพยาบาลจะหาเส้นเลือดหรือสอดเข็ม ก็จะทำได้ยากลำบาก แถมตัวเราเองก็จะรู้สึกไม่สบายตัวเอามากๆ ยิ่งตอนที่เลือดกำลังไหลออก การได้อยู่ในชุดที่ผ่อนคลาย ไม่บีบรัด จะช่วยให้ร่างกายเราไม่เกร็ง ผ่อนคลาย และช่วยให้การบริจาคเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้สะดวกและรวดเร็ว ไม่ต้องเสียเวลามาดึงรั้งเสื้อผ้าให้ยุ่งยาก ดังนั้นการเตรียมเสื้อผ้าที่เหมาะสม จึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวกสบายส่วนตัวเท่านั้น แต่ยังเป็นการช่วยให้กระบวนการบริจาคเลือดทั้งของตัวเราเอง และบุคลากรทางการแพทย์เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพที่สุดด้วยค่ะ 4. ผ่อนคลายและลดความกังวล อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม คือ การผ่อนคลายและลดความกังวลค่ะ เพราะหลายคนอาจจะรู้สึกตื่นเต้นหรือกลัวเข็มเป็นเรื่องธรรมดา แต่ความเครียดและความกังวลเหล่านี้สามารถส่งผลต่อการบริจาคเลือดได้โดยตรงเลยนะคะ ลองคิดดูสิคะว่าถ้าเราเกร็งหรือใจเต้นแรง จะทำให้เจ้าหน้าที่ประเมินอาการได้ยากขึ้น หรือบางคนอาจมีอาการหน้ามืดเป็นลมหลังบริจาคได้ง่ายกว่าปกติ การที่เราพยายามทำใจให้สบาย หายใจเข้าลึกๆ ออกช้าๆ หรือฟังเพลงเบาๆ ก่อนและระหว่างบริจาค จะช่วยให้ร่างกายอยู่ในภาวะที่พร้อมที่สุด เลือดก็จะไหลเวียนได้ดีขึ้น ทำให้การเจาะเลือดเป็นไปอย่างราบรื่น ไม่เจ็บปวดมากนัก และยังช่วยลดโอกาสที่จะเกิดอาการไม่พึงประสงค์หลังบริจาคอีกด้วย การทำใจให้สบายจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความรู้สึก แต่เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของการเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการทำความดีครั้งนี้ค่ะ 5. เตรียมเอกสารประจำตัว หลายคนอาจคิดว่าทำไมต้องยุ่งยากขนาดนั้น? แต่การมีบัตรประชาชนหรือเอกสารยืนยันตัวตนที่ถูกต้องและชัดเจนนั้นมีความสำคัญมาก เพราะศูนย์บริจาคเลือดจำเป็นต้องใช้ข้อมูลของเราเพื่อบันทึกประวัติการบริจาค ใช้เพื่อตรวจสอบข้อมูลเบื้องต้น และที่สำคัญที่สุดคือเพื่อให้แน่ใจว่า เลือดที่บริจาคไปนั้นมาจากบุคคลที่ระบุตัวตนได้ชัดเจน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของมาตรการความปลอดภัยและความถูกต้องของธนาคารเลือด ลองนึกดูสิคะว่าถ้าไม่มีเอกสารประจำตัว เจ้าหน้าที่ก็ไม่สามารถยืนยันตัวตนของเราได้ การบริจาคเลือดก็อาจทำไม่ได้ หรืออาจเกิดความผิดพลาดในการบันทึกข้อมูล การเตรียมเอกสารให้พร้อมจึงไม่ใช่แค่เรื่องของความสะดวก แต่เป็นเรื่องของความปลอดภัย ความถูกต้อง และการแสดงความรับผิดชอบต่อกระบวนการบริจาคเลือดทั้งหมดค่ะ 6. แจ้งข้อมูลที่เกี่ยวกับสุขอนามัยตามจริง สิ่งที่สำคัญที่สุดและห้ามละเลยเด็ดขาดเลย คือ การแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสุขอนามัยและที่เกี่ยวกับร่างกายของเราตามความเป็นจริงค่ะ หลายคนอาจจะรู้สึกเกรงใจหรือไม่กล้าบอกเรื่องบางเรื่อง แต่เชื่อเถอะว่าข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญต่อความปลอดภัยของทั้งตัวเราเองและผู้รับเลือดเป็นอย่างมาก เพราะเจ้าหน้าที่จะใช้ข้อมูลเหล่านี้ในการคัดกรองว่าเรามีคุณสมบัติพร้อมที่จะบริจาคเลือดหรือไม่ มีภาวะใดที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพของเลือด หรือเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยที่ได้รับเลือดหรือไม่ ลองคิดดูสิคะว่าถ้าเราปกปิดข้อมูลบางอย่าง เช่น เพิ่งไปสักมาหรือเพิ่งไม่สบาย แล้วเลือดของเรามีบางอย่างแฝงอยู่ ผลที่ตามมาอาจร้ายแรงถึงชีวิตของผู้ป่วยได้เลยนะคะ การแจ้งข้อมูลอย่างซื่อสัตย์จึงไม่ใช่แค่การทำตามขั้นตอน แต่เป็นการแสดงความรับผิดชอบสูงสุดต่อชีวิตของผู้อื่น และเป็นการรับรองว่าเลือดทุกหยดที่เราบริจาคไปนั้นบริสุทธิ์และเหมาะสมอย่างแท้จริงค่ะ 7. หลีกเลี่ยงการเจาะหู เจาะตามร่างกาย หรือสัก ก่อนที่เราจะไปบริจาคเลือดมีข้อสำคัญที่เราควรใส่ใจเป็นพิเศษนั่นคือ การหลีกเลี่ยงการเจาะหู การเจาะตามร่างกาย หรือการสักในช่วงเวลาก่อนบริจาคค่ะ หลายคนอาจสงสัยว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น? สาเหตุก็เพราะว่าการเจาะหรือสักเหล่านี้เป็นการเปิดบาดแผลสู่ภายนอก ซึ่งมีความเสี่ยง แม้ว่าสถานที่บางแห่งจะดูสะอาด แต่ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะแฝงอยู่ในกระแสเลือดของเรา โดยที่เรายังไม่แสดงอาการ ซึ่งอาจเป็นอันตรายอย่างยิ่งต่อผู้ป่วยที่จะได้รับเลือดจากเราค่ะ ที่โดยปกติแล้วศูนย์บริจาคเลือดจะมีระยะเวลากำหนด ที่ต้องงดเว้นการบริจาคเลือดหลังจากการเจาะหรือสัก เพื่อให้แน่ใจว่าเรามีคุณสมบัติเหมาะสม ซึ่งการระมัดระวังเรื่องนี้จึงไม่ใช่แค่กฎเกณฑ์ที่ตั้งขึ้นมาลอยๆ แต่เป็นมาตรการสำคัญที่ช่วยปกป้องทั้งผู้บริจาคและผู้รับเลือดให้ปลอดภัยอย่างแท้จริงค่ะ 8. มาถึงสถานที่บริจาคเลือดก่อนเวลา หนึ่งในเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่จะช่วยให้การบริจาคของเราเป็นไปอย่างราบรื่น คือ การมาถึงสถานที่บริจาคเลือดก่อนเวลาที่กำหนดค่ะ หลายคนอาจคิดว่าไปตรงเวลาก็พอแล้ว แต่การไปถึงก่อนสัก 15-30 นาทีนั้น มีข้อดีหลายอย่างเลยนะคะ อย่างแรกเลยคือเราจะมีเวลาผ่อนคลาย ไม่ต้องรีบร้อน ไม่ต้องกังวลเรื่องหาที่จอดรถ หรือเดินหาสถานที่ นอกจากนี้ยังมีเวลาพอที่จะกรอกเอกสารเบื้องต้น ทำความเข้าใจขั้นตอน หรือสอบถามข้อสงสัยกับเจ้าหน้าที่ได้ก่อนที่จะถึงคิวของเรา การได้เตรียมตัวและทำใจให้สบายก่อนเริ่มกระบวนการบริจาคจริง จะช่วยลดความตื่นเต้นและทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ซึ่งส่งผลดีต่อการบริจาคเลือดโดยตรง แถมยังช่วยให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ง่ายขึ้น เพราะไม่ต้องเร่งรีบกับการรับผู้บริจาคที่มาถึงกะทันหัน การมาถึงก่อนเวลาจึงไม่ใช่แค่การตรงต่อเวลา แต่เป็นการแสดงความพร้อมและความใส่ใจในการทำความดีครั้งนี้อย่างแท้จริงค่ะ 9. แจ้งให้คนใกล้ชิดทราบ การแจ้งให้คนใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวหรือเพื่อนทราบล่วงหน้า เป็นเรื่องที่ควรทำอย่างยิ่งค่ะ หลายคนอาจคิดว่าเรื่องส่วนตัว ไม่เห็นต้องบอกใครเลย แต่การบอกกล่าวไว้ก่อนมีประโยชน์หลายอย่างเลยนะคะ อย่างแรกคือเพื่อความสบายใจของคนรอบข้าง เผื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือเรามีอาการผิดปกติหลังบริจาค พวกเขาจะได้ทราบและสามารถให้ความช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที นอกจากนี้ยังเป็นการเตือนให้ตัวเราเองระมัดระวังเป็นพิเศษหลังการบริจาค เช่น งดยกของหนัก หรือหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ต้องใช้แรงเยอะ ซึ่งคนใกล้ชิดอาจช่วยดูแลหรือเตือนได้อีกทางหนึ่ง การบอกกล่าวจึงไม่ใช่แค่การแจ้งข่าว แต่เป็นการสร้างความอุ่นใจและเผื่อเหลือเผื่อขาด ในกรณีที่เราต้องการความช่วยเหลือหลังจากการทำความดีครั้งนี้ค่ะ 10. วางแผนกิจกรรมหลังบริจาค อีกหนึ่งเรื่องที่เราควรใส่ใจ คือ การวางแผนกิจกรรมหลังบริจาคเลือดให้ดีค่ะ หลายคนอาจคิดว่าบริจาคเสร็จก็จบ แต่จริงๆ แล้วร่างกายของเราต้องใช้เวลาฟื้นตัวสักพัก การที่เราวางแผนไว้ล่วงหน้าว่าจะไม่ไปยกของหนัก ออกกำลังกายหักโหม หรือทำงานที่ต้องใช้แรงเยอะๆ ในวันนั้น จะช่วยให้ร่างกายเราได้พักผ่อนอย่างเต็มที่และฟื้นตัวได้เร็วขึ้น ลองนึกดูสิคะว่าถ้าเราบริจาคเลือดเสร็จแล้วรีบไปทำกิจกรรมที่ใช้พลังงานมากทันที อาจทำให้รู้สึกอ่อนเพลีย วิงเวียน หรือหน้ามืดได้ง่ายกว่าปกติ การวางแผนที่ดีจึงหมายถึงการจัดสรรเวลาให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ ดื่มน้ำเยอะๆ และรับประทานอาหารที่มีคุณค่าทางอาหารสูง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากที่จะช่วยให้เรากลับมาแข็งแรงได้โดยเร็วค่ะ และทั้งหมดนั้นคือแนวทางสำหรับตัวเองก่อนไปริจาคเลือดค่ะ ซึ่งทุกข้อล้วนเป็นองค์ประกอบที่ช่วยให้การบริจาคเลือดของเราเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และมีประสิทธิภาพสูงสุด ยิ่งเราเตรียมตัวดีเท่าไหร่ ก็จะยิ่งลดความกังวลและเพิ่มความมั่นใจในการให้เลือดได้มากขึ้นเท่านั้น และสำหรับใครที่เพิ่งอยากจะบริจาคเลือดเป็นครั้งแรก และยังไม่รู้จะเริ่มต้นจากตรงไหนดี ผู้เขียนขอแนะนำให้เริ่มจากจุดที่ง่ายที่สุดและสำคัญที่สุดก่อนเลยค่ะ นั่นคือการศึกษาข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับคุณสมบัติของผู้บริจาคเลือด เช่น อายุ น้ำหนัก สุขอนามัยทั่วไป และข้อห้ามต่างๆ จากเว็บไซต์ทางการของศูนย์บริจาคเลือดที่เราสนใจ หลังจากนั้นค่อยๆ ศึกษา ขั้นตอนการบริจาคเลือดแบบคร่าวๆ เพื่อให้เห็นภาพรวมของกระบวนการ เมื่อเข้าใจเบื้องต้นแล้ว การเตรียมตัวด้านอื่นๆ เช่น การดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนให้เต็มที่ และงดเว้นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก่อนบริจาคก็จะตามมาเองค่ะ ซึ่งการเริ่มต้นจากข้อมูลพื้นฐานจะช่วยให้เราคลายความกังวล และรู้สึกมั่นใจที่จะก้าวเข้าสู่การเป็นผู้ให้ที่ยิ่งใหญ่ได้อย่างง่ายดายค่ะ ซึ่งแนวทางต่างๆ ในบทความนี้ผู้เขียนยังต้องประยุกต์ใช้ตลอดเวลาค่ะ เพราะมีโอกาสได้ไปบริจาคเลือดในหลายลักษณะและในหลายสถานที่ โดยบางครั้งเวลาในการบริจาคเลือดจะถึงตอนเที่ยงเท่านั้น ซึ่งพบได้มากสำหรับหน่วยเคลื่อนที่ของสภากาชาดไทยที่ออกมาตามอำเภอค่ะ สำหรับโรงพยาบาลชุมชนผู้เขียนเคยไปบริจาคมาแล้วเหมือนกัน โดยจากที่มีประสบการณ์มานั้น โรงพยาบาลรับเฉพาะวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ในตอนบ่ายเท่านั้น ซึ่งก็ไม่รู้เปลี่ยนเวลาใหม่ไหม เพราะไม่ได้ไปมานานแล้วค่ะ อย่างของคลังเลือดกลาง โรงพยาบาศรีนครินทร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น และที่อื่นๆ โดยเฉพาะตามหน่วยงานราชการ มักเปิดทำการตามเวลาการทำงานของหน่วยงานราชการค่ะ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็บอกไม่ได้อีก เพราะบางครั้งเจ้าหน้าที่ออกหน่วย เจ้าหน้าที่มีน้อยหรือถ้าโรงพยาบาบาลเล็กๆ อาจไม่สะดวกรับเลือด แบบนี้ก็มีเหมือนกันค่ะ ซึ่งหลากหลายมากค่ะ ดังนั้นก็อย่างที่บอกค่ะว่าการเตรียมความพร้อมก่อนไป การตรวจสอบเวลาในการบริการก็สำคัญ เพราะเราจะได้ไม่ไปแบบงงๆและเสียเวลานะคะ ยังไงนั้นลองอ่านทำความเข้าใจดีๆ อีกสักรอบก่อนก็ได้ค่ะ ด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากสนใจเนื้อหาเช่นนี้อีก อย่าลืมกดติดตามหรือบุ๊กมาร์กโปรไฟล์ไว้ เพื่อรับข้อมูลใหม่ๆ ในบทความต่อไป และถ้าต้องการอ่านบทความทั้งหมดโดยผู้เขียน ให้กดดูโปรไฟล์ได้เลยค่ะ #เตรียมตัวบริจาคเลือด #ข้อควรรู้บริจาคเลือด #บริจาคโลหิต #BloodDonationTips เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Freepik จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1-2 โดยผู้เขียน, ภาพที่ 3 โดย benjamin lehman จาก Unsplash และภาพที่ 4 โดย Lara Far จาก Unsplash เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 12 วิธีลดอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูง มีอะไรบ้าง ที่คุณควรรู้! วิธีดูแลตัวเองหลังบริจาคเลือด มีอะไรบ้าง รีวิวบริจาคเลือด หน่วยรับบริจาคโลหิตสภากาชาดไทย เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !