อันตรายจากการนอนกรน“แม่นอนกรนดังจังเลยครับ” จริงอยู่ตามที่ลูกบอกเพราะแม้แต่ตัวเองก็ยังรู้สึกว่าตัวเองนอนกรนแล้วสะดุ้งตื่น แม้ว่าอาการกรนดังและหยุดหายใจจะพบได้บ่อยมากในผู้ชายทั่ว ๆ ไปที่เริ่มมีอายุมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออายุเกิน 50 ปีขึ้นไป แต่ในผู้หญิงก็เป็นได้เช่นกัน บางคนอาจยังมีความรู้สึกว่าเป็นภาวะปกติที่สามารถพบได้บ่อย ไม่มีอันตรายใด ๆ แต่หารู้ไม่ว่าอาการนอนกรนเป็นเหมือนอาการเตือนให้เราสามารถโยงใยไปถึงภาวะหยุดหายใจในขณะนอนหลับ ซึ่งถือว่าเป็นภัยเงียบที่คุกคามโดยไม่รู้ตัว ซึ่งถ้าปล่อยทิ้งไว้โดยไม่ได้รักษา จะสามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพระยะยาวได้ นั่นคือ มีโอกาสเกิดปัญหาต่าง ๆ อย่างมากมาย อาทิเช่น โรคหลอดเลือดในสมองและหัวใจมีความผิดปกติ ความดันโลหิตสูงโดยเฉพาะอย่างยิ่ง คุมไม่ได้ด้วยยาลดความดันในกระแสเลือดสูงผิดปกติ ความจำลดลงด้วยเหตุนี้ฉันจึงเริ่มสังเกตอาการของตนเองและเริ่มที่จะศึกษาผลกระทบของการนอนกรนต่อไปว่า ถ้าปล่อยให้ภาวะหยุดหายใจในขณะหลับทิ้งไว้นานโดยไม่ได้รับการรักษา อาจทำให้มีอาการผิดปกติในช่วงกลางวัน ได้แก่ อาการง่วงผิดปกติ จนมีผลรบกวนชีวิตประจำวัน ซึ่งคนที่มีอาการจะง่วงมากในเวลากลางวันมากผิดปกติ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองไม่ได้อดนอนในคืนก่อนหน้านั้น ซึ่งฉันก็มีอาการเช่นนั้นจริง ๆ จากการศึกษาพบว่า บ่อยครั้งที่ระดับออกซิเจนในกระแสเลือดของผู้ป่วยลดลงไปเหลือ 80%ในขณะกำลังนอนหลับ จากระดับ 98-100% ในช่วงตื่น ซึ่งส่งผลให้เมื่อตื่นนอนตอนเช้าแล้วไม่ค่อยสดชื่น รู้สึกอ่อนเพลียและง่วงนอนช่วงกลางวัน ทั้ง ๆ ที่ใช้เวลากับการนอนถึง 7-8 ชั่วโมงต่อคืนฉันจึงไปรับการรักษาโดยการตรวจภาวะหยุดหายใจขณะหลับ (Sleep Lab) ที่ รพ.พระมงกุฎ วันที่เข้ารักษา วิธีการตรวจ เจ้าหน้าที่ได้ทำการติดเครื่องมือวัดอะไรต่าง ๆ มากมาย และเราต้องเริ่มเข้านอนประมาณ 20.00-21.00 น. โดยเราสามารถทำอะไรได้ตามปกติที่เคยทำก่อนนอน ระหว่างที่เรานอนหลับจะมีเจ้าหน้าที่คอยควบคุมเครื่องมือวัดต่าง ๆ อยู่ที่ห้องข้างนอก ปรากฏว่า กราฟที่คอยวัดการหายใจแสดงให้เห็นว่า ฉันมีการหยุดหายใจเป็นช่วง ๆ จนกระทั่งตอนเวลาประมาณตีสามปรากฏว่ามีอาการหยุดหายใจนานขึ้น เจ้าหน้าที่จึงปลุกเพื่อนำเอาอุปกรณ์ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าเครื่องเป่าลม (CPAP) มาครอบที่จมูก เมื่อเพิ่มความดันของลมจากเครื่อง อาการหยุดหายใจก็ค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ เป็นผลทำให้ระดับออกซิเจนกลับขึ้นมาเกือบปกติเท่าตอนตื่น นอกจากนั้นก็ยังช่วยให้หลับลึกดีขึ้นอีกด้วย ส่งผลให้มีอาการสดชื่นหลังตื่นเพราะได้นอนหลับสนิทสรุปแล้วคุณหมอก็แนะนำให้รักษาโดยใช้เครื่อง CPAP หลังจากใช้เครื่องแล้วใหม่ ๆ ก็จะรู้สึกรำคาญแต่พอนานไปก็ชินที่สำคัญคือช่วยให้นอนหลับดีขึ้นและลดอาการหยุดหายใจขณะหลับ นั่นก็หมายถึงลดความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดในสมองและหัวใจผิดปกติ และยังสามารถควบคุมความดันโลหิตสูงได้อีกด้วย ขอบคุณภาพประกอบจาก www.pixabay.com ภาพประกอบที่1/ ภาพประกอบที่ 2/ ภาพประกอบที่ 4