ควบคุมน้ำหนัก ปรับพฤติกรรมการทานอาหาร ออกกำลังกายเป็นประจำ นอนหลับพักผ่อนก็เต็มที่ ดื่มน้ำวันละ 3 ลิตรก็ทำได้ แต่ทำไมน้ำหนักและสัดส่วนถึงไม่ลดลงกันนะ? หากใครที่กำลังเจอปัญหาเหล่านี้อยู่ ผู้เขียนมีคำตอบจากประสบการณ์ตรงมาฝากกันค่ะ คำตอบมีไม่ยากนั่นคือ “อาหารสุขภาพที่เลือกทาน” นั่นเองค่ะหลายๆคนคงสงสัยว่าอาหารเพื่อสุขภาพไม่ดีอย่างไร คำตอบคือ อาหารเพื่อสุขภาพเป็นสิ่งที่ดีค่ะ แต่ก็เปรียบเสมือนดาบสองคม เพราะหลายๆคนเข้าใจว่าพอเป็นอาหารเพื่อสุขภาพ จะกินอะไร กินมากเท่าไหร่ก็คงไม่ทำให้อ้วน แต่ความจริงแล้วถึงจะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพมากแค่ไหนก็ตาม หากเรารับประทานมากเกินไปก็ทำให้เราอ้วนขึ้นได้เหมือนกัน บทความนี้ผู้เขียนมัดรวม 13 อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่ทานมากไปก็อาจทำให้อ้วนได้มาฝากกัน มาลองเช็คกันดูค่ะว่ามีข้อไหนที่เรายังเผลอทานเยอะกันอยู่บ้าง 13 อาหารและเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ที่คุณอาจเผลอทานมากเกินไป 1.โยเกิร์ตเริ่มกันที่อาหารเพื่อสุขภาพยอดนิยมอย่าง “โยเกิร์ต” ค่ะ เพื่อนๆหลายคนอาจเลือกทานโยเกิร์ตแทนมื้อเย็น เพราะคิดว่ายังไงก็ต้องมีแคลอรีที่น้อยกว่าการข้าวสักจานแน่ๆ หากเลือกรับประทานโยเกิร์ตแบบน้ำตาลน้อยและมีไขมันต่ำก็คงไม่ใช่ปัญหาอะไรค่ะ แต่ถ้าเราไปเลือกทานโยเกิร์ตที่มีการแต่งรสชาติ เพิ่มเนื้อผลไม้และเติมน้ำตาลเข้ามา ปริมาณแคลอรีที่ได้รับอาจจะเทียบเท่ากับการกินข้าวสักจานได้เลยค่ะ โดยในโยเกิร์ตบางยี่ห้ออาจมีน้ำตาลมากกว่า 20 กรัมเลยทีเดียว!!!ข้อแนะนำในการเลือกทานโยเกิร์ตผู้เขียนแนะนำให้เลือกทานเป็นโยเกิร์ตรสธรรมชาติ ที่ไม่แต่งรสเพิ่มเติม อาจเลือกเป็นแบบที่มีไขมันต่ำหรือไขมัน 0% หรือจะให้ดียิ่งกว่าอาจเลือกทานเป็นกรีกโยเกิร์ต (Greek Yogurt) ที่มีน้ำตาลน้อยกว่าแถมยังมีโปรตีนสูงอีกด้วยค่ะ 2.โยเกิร์ตพร้อมดื่มหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า “นมเปรี้ยว” เห็นขวดเล็กๆแบบนี้แต่น้ำตาลที่แฝงอยู่กลับไม่เล็กตามขวดเลยล่ะค่ะ โดยในนมเปรี้ยวขวดเล็กๆ อาจมีน้ำตาลสูงถึง 15 กรัม!! ข้อแนะนำในการเลือกดื่มนมเปรี้ยวหลักการเลือกคล้ายกันกับโยเกิร์ตเลยค่ะ คือ พยายามเลือกทานนมเปรี้ยวรสธรรมชาติ ที่ไม่แต่งรสเพิ่มเติม นอกไปจากนี้นมเปรี้ยวหลายๆยี่ห้อที่วางขายในตอนนี้ได้เพิ่มสูตรน้ำตาลน้อยกว่า หรือใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเหมือนกันค่ะ 3.นมถั่วเหลืองหลายๆคนอาจเลือกรับโปรตีนด้วยการดื่มนมถั่วเหลือง ซึ่งนั่นไม่ใช่ความคิดที่ผิดเลยค่ะ เพราะในถั่วเหลืองอุดมไปด้วยโปรตีน วิตามินและสารสำคัญต่างๆมากมาย แต่ทั้งนี้นมถั่วเหลืองสำเร็จรูปโดยส่วนใหญ่มักมีการปรับแต่งรสชาติด้วยการเติมน้ำตาลลงไป เพื่อให้มีรสชาติที่อร่อยและดื่มได้ง่ายมากยิ่งขึ้น โดยในนมถั่วเหลืองบางกล่องหรือบางขวด อาจมีปริมาณน้ำตาลสูงเกือบ 20 กรัมเลยล่ะค่ะข้อแนะนำในการเลือกดื่มนมถั่วเหลืองก่อนการเลือกซื้อนมถั่วเหลือง ให้เพื่อนๆอ่านฉลากโภชนาการที่ข้างขวดประกอบการตัดสินใจได้เลยค่ะ พยายามเลือกขวดหรือกล่องที่มีปริมาณน้ำตาลที่ไม่สูงจนเกินไป ในบางแบรนด์อาจมีรสธรรมชาติซึ่งจะมีน้ำตาลน้อยกว่า หรือมีการปรับสูตรแบบไม่ใส่น้ำตาลเลยก็มีเหมือนกันค่ะ 4.น้ำผักและผลไม้เครื่องดื่มที่เรียกได้ว่าได้รับความนิยมมากที่สุดในกลุ่มคนที่หันมาดูแลสุขภาพ แต่จริงๆแล้วนั้นน้ำผักและผลไม้ โดยเฉพาะน้ำผักและผลไม้แบบสำเร็จรูป (ทั้งแบบสกัดเข้มข้นหรือแบบทั่วๆไป) มักมีปริมาณของน้ำตาลสูงมาก ในบางกล่องอาจสูงถึง 25 กรัมเลยทีเดียว (ปริมาณน้ำตาลที่เราควรได้รับต่อวันอยู่ที่ 24 กรัม) ยิ่งถ้าหากเราดื่มวันละ 2 ขวดหรือ 2 กล่อง ก็เท่ากับว่าเราทานน้ำตาลเข้าไปถึง 50 กรัมต่อวัน!!! หากสงสัยว่าทำไมน้ำผักและผลไม้จึงมีน้ำตาลเยอะขนาดนี้ นั่นเป็นเพราะว่าน้ำผักและผลไม้โดยส่วนใหญ่รสชาติจะไม่อร่อยค่ะ เหมือนเวลาที่เราทานผักและผลไม้สดๆ ผู้ผลิตจึงจำเป็นต้องเติมน้ำตาลเพิ่มเข้าไป เพื่อปรับรสชาติให้ทานง่ายมากยิ่งขึ้นนั่นเองข้อแนะนำในการเลือกดื่มน้ำผักและผลไม้หากเลือกได้จริงๆ ผู้เขียนอยากแนะนำให้ทานเป็นน้ำผักและผลไม้คั้นสด แบบไม่แยกกากจะดีที่สุดค่ะ เพราะเส้นใยอาหารเหล่านี้จะช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้ ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดคงที่มากกว่า แถมยังช่วยกระตุ้นระบบขับถ่ายของเราได้อีกด้วยค่ะ 5.น้ำสลัดเข้าสู่วงการรักสุขภาพเมื่อไหร่ ก็หนีไม่พ้นเมนูสลัดแน่นอนค่ะ เพราะการกินผักเยอะๆจะช่วยให้เราอยู่ท้องได้อย่างยาวนาน เรียกว่าเป็นมื้อเย็นที่ฮิตสุดๆในกลุ่มของคนที่ควบคุมน้ำหนัก ต้นเหตุของน้ำหนักส่วนเกินไม่ได้มาจากตัวสลัดเป็นหลัก แต่ส่วนใหญ่จะมาจาก “น้ำสลัด” เพราะรสชาติที่ทั้งเข้มข้น เปรี้ยว หวาน มันลงตัว โดยน้ำสลัดสำเร็จรูปบางยี่ห้อ ปริมาณ 100 กรัม มีน้ำตาลสูงถึง 15-20 กรัมเลยล่ะค่ะ ยิ่งทานเพลินก็ยิ่งเติมน้ำตาลเข้าร่างกายมากขึ้นโดยไม่ทันรู้ตัวข้อแนะนำในการเลือกน้ำสลัดตัวผู้เขียนเองปรับมาทานสลัดโดยไม่ใช้น้ำสลัดเลยค่ะ เพราะอยากเอ็นจอยไปกับรสชาติของผักและผลไม้จริงๆ แต่สำหรับใครที่ไม่ไหว ลองเปลี่ยนจากน้ำสลัดครีมเนื้อข้น มาเป็นน้ำสลัดที่มีไขมันและมีน้ำตาลน้อยกว่าอย่างน้ำบัลซามิก น้ำสลัดงา-โชยุ น้ำสลัดอิตาเลี่ยน หรืออาจใช้โยเกิร์ตรสธรรมชาติแทนน้ำสลัดก็ได้เช่นกันค่ะ 6.ชาเขียวพร้อมดื่มพอควบคุมน้ำหนัก หลายๆคนอาจจะอยากทานของหวานๆในช่วงระหว่างวัน เลยเลือกดื่มน้ำชาเขียวแช่เย็นสักขวด ชาเขียวพร้อมดื่มที่เห็นสีใสๆแบบนี้ บางขวดอาจมีน้ำตาลสูงถึง 50 กรัมเลยล่ะค่ะ ซึ่งเป็นปริมาณน้ำตาลสำหรับ 2 วันเลยทีเดียว ถึงจะคุมอาหารเข้มแค่ไหน แต่มาเจอเครื่องดื่มน้ำตาลสูงแบบนี้เข้าไปก็แทบจะไม่เห็นผลข้อแนะนำในการเลือกชาเขียวพร้อมดื่มเลือกดื่มเป็นชาเขียวสำเร็จรูปสูตรน้ำตาลน้อยกว่า หรือสูตรที่ไม่ใส่น้ำตาลเลยจะดีที่สุดค่ะ ข่าวดีก็คือช่วงนี้แบรนด์ชาเขียวต่างๆเริ่มหันมาจับกลุ่มลูกค้าที่ดูแลสุขภาพมากยิ่งขึ้น และเริ่มมีชาเขียวที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล รสชาติยังหวานอร่อยเหมือนเดิมแต่น้ำตาลเป็น 0 ซึ่งดีต่อผู้บริโภคมากๆค่ะ 7.เครื่องดื่มรังนกเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพที่อยู่คู่กับชาวไทยมาอย่างยาวนานอย่างรังนก โดยเรามักจะซื้อเป็นของขวัญไปไหว้ผู้หลักผู้ใหญ่ในช่วงเทศกาลสำคัญต่างๆ เช่น วันปีใหม่ วันสงกรานต์ วันพ่อหรือวันแม่ จริงๆแล้วตัวรังนกเองมีคุณประโยชน์มากมายค่ะ แต่น้ำตาลที่แฝงมากับน้ำในขวดนี่แหละคือสิ่งที่เราต้องดูให้ดีก่อนเลือกทานค่ะ เห็นขวดขนาดเล็กไปจนถึงขวดขนาดกลางๆ แต่บางขวดอาจมีน้ำตาลผสมอยู่ค่อนข้างมาก หากดื่มวันละหลายขวด หรือดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจจะเกิดภาวะน้ำตาลเกินได้ข้อแนะนำในการเลือกดื่มรังนกผู้เขียนแนะนำให้เลือกดื่มรังนกสูตรที่มีน้ำตาลน้อยกว่า หรือสูตรที่ใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาลแทน และควรดื่มรังนกในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ดื่มมากจนเกินไป อยากให้มองว่าเครื่องดื่มกลุ่มนี้เหมาะกับการใช้ดื่มบำรุงร่างกายมากกว่าที่จะทานเป็นอาหารหลักค่ะ 8.เครื่องดื่มเพื่อบำรุงความงาม (Beauty Drinks)ปัจจุบันตลาดของเครื่องดื่มเพื่อความงามเติบโตมากขึ้น มีเครื่องดื่มผสมวิตามินให้เราเลือกดื่มมากมายหลากหลายยี่ห้อ โดยเฉพาะสาวๆที่ต้องการบำรุงผิวพรรณให้สวยใสเสมอก็มักจะเลือกดื่มเป็นประจำ โดยเครื่องดื่มเพื่อบำรุงความงามบางขวดมีน้ำตาลตั้งแต่ 10-40 กรัมเลยทีเดียวค่ะข้อแนะนำในการเลือกเครื่องดื่มบำรุงความงามก่อนเลือกซื้อ ผู้เขียนแนะนำให้เพื่อนๆพลิกอ่านฉลากโภชนาการเพื่อความชัวร์ค่ะ เพราะบางเจ้า บางแบรนด์ก็จะมีปริมาณน้ำตาลไม่เท่ากัน และเลือกขวดที่มีน้ำตาลน้อยกว่าแทน ทั้งนี้หากต้องการบำรุงผิวโดยไม่อยากรับน้ำตาลส่วนเกิน อาจเลือกทานเป็นผลิตภัณฑ์เสริมอาหารแบบเม็ด หรือทานจากอาหารสดๆจะดีที่สุดค่ะ 9.กราโนล่า (Granola)อาหารเพื่อสุขภาพที่ได้รับความนิยมอย่างกราโนล่า มีหลากหลายรูปแบบทั้งแบบที่ตักจากถุง แบบถ้วยพร้อมทาน หรือแบบอัดแท่ง จริงๆแล้วนั้นกราโนล่าจัดเป็นธัญพืชที่มีคุณค่าทางอาหารและมีกากใยสูงมากค่ะ แต่สิ่งที่ทำให้เราอ้วนจากการทานกราโนล่าคือ ส่วนผสมอื่นๆที่ผู้ผลิตผสมเข้าไปในกราโนล่าค่ะ เช่น น้ำเชื่อม น้ำผึ้ง ช็อคโกแล็ต ผลไม้อบแห้ง ตลอดจนธัญพืชต่างๆ เมื่อไหร่ที่เราทานเข้าไปในปริมาณที่มากเกินไปเพราะรสชาติที่หวานกลมกล่อมและความอร่อยของส่วนผสมมากมายหลายอย่าง ก็อาจจะทำให้เราทานเยอะเกินไปได้ค่ะข้อแนะนำในการเลือกทานกราโนล่าพยายามเลือกทานกราโนล่าที่มีส่วนผสมเพิ่มเติมเช่น ผลไม้อบแห้ง ช็อคโกแล็ต ธัญพืช ฯลฯ ในปริมาณไม่มากเกินไปค่ะ รวมถึงเลือกสูตรที่มีปริมาณน้ำตาลที่น้อยกว่า หรือบางแบรนด์จะเติมน้ำตาลที่ไม่ขัดสีแทน ที่สำคัญควรตรวจดูฉลากโภชนาการก่อนทานว่าน้ำหนักต่อหน่วยบริโภคมีปริมาณเท่าไหร่ ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประมาณ 35 กรัมค่ะ 10.ผลไม้อบแห้งพอขึ้นชื่อว่าเป็นผลไม้แล้ว หลายๆคนเลยทานได้ในปริมาณมากๆเพราะคิดว่าไม่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มเหมือนกับอาหารทอดหรืออาหาร Fast Food ปริมาณแคลอรีอาจจะน้อยกว่าก็จริงค่ะ แต่ปริมาณน้ำตาลในผลไม้อบแห้งมีสูงมาก ยิ่งผลไม้ที่ผ่านการอบจนน้ำในผลไม้ระเหยออกไปหมด แต่น้ำตาลยังเหลือเท่าเดิม เช่น จากที่เราเคยทานสตรอเบอร์รี่สดๆประมาณ 10 ลูกก็เริ่มอิ่ม แต่กลับกันหากเป็นสตรอเบอร์รี่อบแห้ง 20-30 ลูกก็ทานได้สบายมาก รับน้ำตาลไปแบบเต็มๆข้อแนะนำในการทานผลไม้อบแห้งพยายามเลือกทานผลไม้อบแห้งที่มีปริมาณน้ำตาลน้อยๆ เช่น แอปเปิลอบแห้ง ฝรั่งอบแห้ง เป็นต้น และควรจำกัดปริมาณการทานผลไม้อบแห้งก่อนทานทุกครั้ง ไม่ทานไปเรื่อยๆจนกว่าจะอิ่มค่ะ จะให้ดีที่สุดผู้เขียนแนะนำให้เลือกทานเป็นผลไม้สดๆจะช่วยให้เราอิ่มท้องได้ดีกว่าและไม่เผลอทานเข้าไปในปริมาณมากได้ค่ะ 11.ถั่วอบแห้งเป็นอีกของว่างที่สายสุขภาพเลือกทานกันค่ะ เพราะใช้ทานแทนขนมขบเคี้ยวได้เป็นอย่างดี เป็นไขมันชนิดดีที่จำเป็นต่อร่างกาย แถมยังช่วยให้เราอิ่มได้อย่างยาวนาน แต่อย่างไรแล้วเราก็ต้องจำกัดปริมาณของถั่วต่างๆที่ทานต่อวันค่ะ เพราะถั่วอบแห้งเหล่านี้มีปริมาณแคลอรีค่อนข้างสูง เช่น อัลมอนด์ 100 กรัม ให้พลังงานสูงถึง 576 kcal หรือแมคคาเดเมีย 100 กรัม ให้พลังงานถึง 718 kcal เลยล่ะค่ะ ซึ่งปริมาณแคลอรีขนาดนี้มากกว่าการที่เราทานข้าวขาหมูขนาดปกติ สัก 1 จานเสียอีกค่ะ ความกรุบกรอบ ยิ่งเคี้ยวยิ่งมันของถั่วทำให้เราเผลอทานเข้าไปในปริมาณมากได้ง่ายๆ จนสุดท้ายแคลอรีเกินความต้องการ ก็ยิ่งทำให้เราอ้วนได้ข้อแนะนำในการทานถั่วอบแห้งผู้เขียนจะใช้วิธีกำหนดปริมาณการทานถั่วอบแห้งต่อวันค่ะ จะอยู่ที่ 30-40 กรัม (ประมาณ 1 กำมือ) ต่อวัน โดยจะเลือกซื้อถั่วอบแห้งที่เป็นซองเล็กๆขนาดพอดีทานใน 1 วันค่ะ แล้วแบ่งทานเป็นช่วงๆเอา หรือซื้อแบบถุงใหญ่แล้วนำมาชั่งใส่กระปุกเล็กๆเอาไว้สำหรับทาน 1 วัน วิธีนี้จะช่วยให้เราทานในปริมาณที่เหมาะสม ไม่เผลอทานมากไปค่ะ ประสบการณ์ยิ่งคุมอาหาร แต่น้ำหนักก็ไม่เปลี่ยนแปลงรายการอาหารเพื่อสุขภาพเหล่านี้ที่ผู้เขียนหยิบยกมา มาจากประสบการณ์ของผู้เขียนเองล้วนๆเลยค่ะ ช่วงที่เริ่มหัดคุมอาหารใหม่ๆและมีความคิดว่าอาหารเพื่อสุขภาพทานเท่าไหร่ ทานยังไงก็ไม่อ้วน ถึงจะอ้วนก็คงไม่อ้วนเท่าอาหารแย่ๆ อย่าง ขนม ของทอด หรืออาหารไม่มีประโยชน์ต่างๆอย่างแน่นอน พอตอนที่ได้ทานอาหารเพื่อสุขภาพก็จะไม่ค่อยสนใจเรื่องปริมาณเลยค่ะ เรียกว่า อิ่มเมื่อไหร่ก็หยุดเมื่อนั้น โดยพฤติกรรมที่ผู้เขียนเคยทำมา เช่นทานสลัดหรือสลัดโรลแทนข้าวเย็น น้ำหนักจะเพิ่มได้อย่างไร ก็ในเมื่อมีแต่ผักและผลไม้ทั้งนั้น แต่ความจริงคือราดครีมสลัดเยอะมาก ซื้อน้ำผลไม้คั้นสดทานเป็นประจำ แต่เป็นแบบแยกกากและคุณพ่อค้าก็ใจดีเพิ่มน้ำเชื่อมมาให้ด้วยเสมอ แต่ก็ยังคิดว่าดีต่อสุขภาพอยู่ของว่างเพื่อสุขภาพก็ต้องไม่ขาด วันไหนที่หิวขนมก็จะทานพวกกราโนล่า ใส่ถั่วอบแห้งต่างๆ รวมถึงเพิ่มผลไม้อบแห้งเข้าไปด้วย โดยแทบจะไม่ได้ชั่ง ตวงหรือวัดปริมาณเลย ได้แต่กะเอาตามความรู้สึก หากทานหมดแล้วและยังไม่อิ่มท้อง ก็จะเพิ่มกล้วยหอมเข้าไปอีก 1 ลูกเวลามีเครื่องดื่มเพื่อความงามออกมา เช่น เครื่องดื่มผสมวิตามิน น้ำผลไม้สกัดเข้มข้น ก็จะเลือกซื้อมาลองดื่มเสมอๆค่ะ เพราะคิดว่าคงไม่ทำให้เราอ้วน แต่ความจริงมื้อหลักระหว่างวันก็กินมาจนเกือบเกินแคลอรีที่ต้องการไปแล้ว พอเวลาผ่านไปนานๆเข้า จะวัดสัดส่วน ชั่งน้ำหนักอย่างไรก็รู้สึกว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงของร่างกายน้อยมาก ทั้งๆที่คิดว่าตัวเองก็เลือกทานแต่ของดีแล้ว พอได้มานั่งทบทวนและหาข้อมูลให้ดีอีกครั้ง ก็พบว่าปัญหาของตัวเองคือการทานอาหารเพื่อสุขภาพในปริมาณที่มากเกินไปนั่นเองค่ะ หลังจากนั้นจึงเริ่มควบคุมอาหาร ทั้งอาหารเพื่อสุขภาพหรืออาหารทั่วไป โดยทานให้อยู่ภายใต้แคลอรีต่อวันของตัวเองและเริ่มเห็นผลว่าสัดส่วนเริ่มดีขึ้นค่ะ อาหารเพื่อสุขภาพ ก็อาจทำลายสุขภาพได้ หากเราทานมากเกินไปอาหารและเครื่องดื่มทั้งหมดที่ผู้เขียนหยิบยกขึ้นมานี้ไม่ได้สร้างอันตราย หรือปัญหาใดๆให้กับร่างกายเราได้เลยค่ะ หากเราเลือกทานในปริมาณที่พอเหมาะ ไม่ทานเยอะเกินความต้องการของร่างกาย เพราะอะไรที่มากเกินไปก็ย่อมส่งผลเสียต่อร่างกายได้เหมือนกันค่ะ หลักการสำคัญของการดูแลสุขภาพหนีไม้พ้น การกินให้พอดีที่ใช้ เลือกกินของที่ดีและมีประโยชน์ให้ได้ 80% ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ เพียงเท่านี้สุขภาพดีก็จะเป็นของทุกท่านอย่างแน่นอนค่ะ ขอบคุณภาพประกอบจาก canvaภาพปกบทความ โดย Pavel Madalina's Images ภาพประกอบบทความ : ภาพที่ 1 โดย pixelshot / ภาพที่ 2 โดย sergeyryzhov / ภาพที่ 3 โดย SherSor / ภาพที่ 4 โดย Madalina Gabureanu's Images / ภาพที่ 5 โดย Fudio / ภาพที่ 6 โดย Ika Rahma / ภาพที่ 7 โดย Marharyta Fatieieva / ภาพที่ 8 โดย Mizina / ภาพที่ 9 โดย igorr1 / ภาพที่ 10 โดย dionisvero แหล่งที่มาของข้อมูล21 Diet Foods That Can Make You Gain Weight By Jillian Kubalaกินอาหารดีๆมากเกินไป อาจทำให้อ้วน30 Healthy Foods That Could Wreck Your Diet By Min-Ja Lee and Christine Mattheis *STAR COVER"อย่ามัวแต่ดู มาดังกัน"*ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ขอชวนทุกคนมาสนุกโคฟให้เหมือน นักแสดงนำซีรีส์ "คืนนับดาว" คิมหันต์ (ไบร์ท), นับดาว (ใหม่ ดาวิกา) หรือ แทนคุณ (ออฟ จุมพล)พร้อมลุ้นรับเงินรางวัลมูลค่ารวมกว่า 7,000 บาท (5 รางวัล) โคฟคนที่ใช่ ไลค์คนที่ชอบ`ร่วมสนุกได้ที่ ทรูไอดีคอมมูนิตี้ ห้อง cover บนแอปทรูไอดี`คลิกเลย >> https://ttid.co/UAnK/7y9jfqkqอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://bit.ly/3O1cmUQSTAR COVER คืนนับดาว ส่งภาพเข้ามาได้วันนี้ ถึง 15 มิถุนายนนี้