สวัสดิครับเพื่อน ๆ บทความนี้จะมาแชร์ประสบการณ์ รักษาไส้ติ่งอักเสบ แบบไม่ต้องผ่าตัด ด้วยการรับยาฆ่าเชื้อ ที่โรงพยาบาลของรัฐ เรื่องราวเริ่มต้นที่ตัวผมในวัยอย่างก้าวเข้าสู่เลขสี่ กับเช้าวันหนึ่งที่ตื่นขึ้นมาด้วยอาการปวดท้องด้านขวาแบบจุกแน่น โดยที่ตอนนั้นไม่รู้เลยว่าไส้ติ่งได้อักเสบไปแล้วรอคิวตรวจโรคกับโรงพยาบาลของรัฐเช้าวันนั้นผมได้ตื่นมาด้วยอาการปวดท้องด้านขวา ซึ่งคล้ายกับการปวดโรคกระเพาะ จากกรดเกิน ด้วยความที่ได้กินอาหารไปก่อนนอน ผมคิดว่าเหมือนทุกครั้งที่ตื่นมาแล้วจะปวดท้องจากกรดในกระเพาะ จึงได้เอายาลดกรดมากินแล้วนอนต่อแต่อาการกลับไม่ดีขึ้น กลับเริ่มปวดหัวและคลื่นไส้เหมือนอาหารเป็นพิษจึงเข้าห้องน้ำไปถ่ายท้อง แต่ก็ออกมาตามปกติไม่ได้ท้องเสีย จากนั้นเริ่มมีอาการเหงื่อออกมือเท้าและปวดหัวอย่างมาก ทำให้ผมหายามาทานเพิ่มทั้งแก้ปวดหัวไมเกรน แก้คลื่นไส้ และพารา ด้วยความคุ้นชินว่าอาการถัดไปอาจเป็นบ้านหมุนซึ่งต้องไปโรงพยาบาลเพื่อรับยาทางสายน้ำเกลือจึงรีบไปโรงพยาบาลเมื่อมาถึงผมเข้าไปที่จุดอุบัติเหตุฉุกเฉินก่อน ด้วยความที่ยังเช้าอยูประมาณเจ็ดโมงเช้า แต่เจ้าหน้าที่ได้ตรวจวัดความดันและแจ้งว่าถ้าความดันปกติให้รอตรวจหมอโรคทั่วไป และความดันผมก็ดันปกติ อาจเพราะกินยากมาก่อนหน้านี้ และระหว่างเดินทางมาอาการก็เริ่มดีขึ้นแล้ว จึงรอตรวจกับหมอโรคทั่วไป ซึ่งตามเวลาก็ประมาณได้ว่ากว่าจะได้รับการตรวจคงหลังสามโมงเช้าเมื่อได้รับการตรวจจากหมอโรคทั่วไปโดยการกดหน้าท้องด้านขวา ซึ่งตอนนั้นผมหายปวดแน่นท้องแล้วอาจด้วยฤทธิ์ของยาที่กินไปก่อนหน้านี้ แต่ก็ยังมีความรู้สึกเจ็บนิด ๆ เมื่อโดนกด หมอจึงให้ไปตรวจปัสสาวะ และตรวจเลือด รอผลตรวจอีกชั่วโมง แต่ว่าติดเที่ยงจึงรอฟังผลตอนบ่าย ผลออกมาคือมีการติดเชื้อในเลือด จึงให้แอดมิท โดยตั้งข้อวินิฉัยว่าเป็นโรคถุงน้ำดีอักเสบ ว้าวุ่นเลยทีนี้ก่ะแค่มารับยากลับบ้านนอน ได้นอนโรงพยาบาลซะงั้นแอดมิทในโรงพยาบาลของรัฐด้วยโรคไส้ติ่งอักเสบหลังจากเซ็นเอกสารยินยอมเรียบร้อย ด้วยความคุ้นเคยจึงแจ้งจองห้องพิเศษเตรียมไว้ก่อนเลย แต่ต้องไปรอที่หอผู้ป่วยชายก่อนระหว่างนั้นได้รับป้าย ห้ามกินน้ำและอาหาร ผมที่พึ่งกินข้าวไปได้แค่สามคำ ไข่ต้มหนึ่งฟอง กับน้ำอึกเดียว ก็สงสัยว่าให้งดทำไม พยาบาลเอาน้ำเกลือมาใส่ให้เรียบร้อย นอนรอหมอมาตรวจ หมอมาซักถามอาการและกดท้องอีกรอบ เอาเครื่องอัลตราซาวด์มาตรวจแต่ไม่เห็นอะไร จึงส่งไปศูนย์เอ็กซเรย์เพื่อตรวจอัลตราซาวด์กับหมอเฉพาะทางโดยตรวจ ผลออกมาว่าถุงน้ำดีปกติแต่ที่ตับมีรอยโรค ผมนี่ใจเสียไปแล้วตับฉันเป็นอะไรหรอประสบการณ์เข้าเครื่องตรวจ CT Scanนอนรอซักพักก็ถูกพาเข้าไปตรวจด้วยเครื่อง CT Scan จะบอกว่าแอบกลัวเพราะเคยฟังเขาเล่ามาว่าลอดอุโมงมืด ๆ แต่มาถึงแล้วสว่างมากสงสัยจะเป็นคนละอย่างกัน ตอนที่เข้ารับการตรวจเขาจะให้เรานอนนิ่ง ๆ ห้ามขยับเด็ดขาด เตียงจะดึงเข้า ๆ ออก ๆ และจะสั่งให้เราหายใจเข้า กลั้นหายใจ และหายใจได้ วนซ้ำไปมา สักพักจะบอกว่าจะทำการฉีดสีจะทำให้รู้สึกร้อนวูบวาบตามเส้น ห้ามกลืนน้ำลายและขยับตัว เขาได้เอาไรบางอย่างเข้าทางสายน้ำเกลือจากน้ำก็รู้สึกได้จากแขนข้างนั้นมาจนถึงแถวหน้าอก บอกเขาสั่งให้หายใจเข้าก็รู้สึกร้อนวูบวาบเต็มอกเลย แล้วให้กลั้นหายใจไว้ บอกเลยว่าแทบกลั้นไม่ไหว พอสั่งให้หายใจออกทีนี้วูบวาบไปทั่วร่างเลย แต่โดนสั่งห้ามขยับ แล้วก็เสร็จการตรวจ ไปนอนรอหมออ่านผลที่หอผู้ป่วยชายเข้ารับการรักษาไส้ติ่งอักเสบแบบไม่ต้องผ่าตัด วันที่หนึ่งหมอได้แจ้งผลมาว่าเราเป็นไส้ติ่งอักเสบ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ปวดท้องมากเหมือนที่เคยได้ยินมาว่าปวดไส้ติ่งอักเสบจะต้องเป็นแบบรอบสดื้อด้านขวาแบบมาก ๆ ของเราคือปวดแค่นิดเดียวเรียกว่าถ้าไม่กดก็คงไม่เจ็บ พยาบาลแจ้งว่าถ้าเป็นแบบหนักจะต้องเตรียมผ่าตัดใน 24 ชั่วโมง ตอนนี้ให้รอดูอาการไปก่อน เนื่องจากอาการผมไม่ได้หนักสามารถช่วยเหลือตัวเองได้จึงได้ย้ายไปห้องพิเศษได้ โดยการรักษาจะเป็นการให้ยาฆ่าเชื้อทางสายน้ำเกลือ วันละสามครั้งเวลาหกโมงเช้า บ่ายสอง และสี่ทุ่ม และให้งดน้ำ งดอาหาร คืนแรกผมจึงนอนหลับสบายเข้ารับการรักษาไส้ติ่งอักเสบแบบไม่ต้องผ่าตัด วันที่สอง (หิวโหยทั้งน้ำและอาหาร)ในตอนแรกคิดว่าวันนี้คงได้กลับบ้านแล้วเพราะอาการเราไม่ได้เป็นหนักคงได้ยากลับไปกิน แต่หมอบอกว่าต้องนอนดูอาการว่าลดลงไหมถ้าเป็นหนักขึ้นจะได้ผ่าได้เลย แต่สำหรับกรณีของผม มีทางเลือกให้สองแบบคือผ่าตัดออกวันนี้เลย หรือรับการรักษาแบบรับยาฆ่าเชื้อจนกว่าจะหายอย่างน้อยสิบวัน ซึ่งมีข้อดีข้อเสียต่างกัน ผมจึงเลือกแบบไม่ผ่า โดยการรักษาจึงเป็นการรับยาฆ่าเชื้อสามเวลา และมีการเปลี่ยนน้ำเกลือเป็นสูตรมีน้ำตาลเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้ แต่มันก็ไม่ได้สดชื่นขึ้นนะเพราะหิวทั้งน้ำและอาหารเลย ได้แต่มองคนเฝ้าไข้กิน ส่วนอาการในวันนี้ที่หมอกดท้องรู้สึกได้เลยว่าเริ่มเจ็บมากกว่าเมื่อวาน จะมีพยาบาลเก็บข้อมูลว่าถ่ายหนักถ่ายเบาวันละกี่ครั้ง วันแรกผมยังไม่ถ่ายเพราะมันไม่ได้กินไรเลยเข้ารับการรักษาไส้ติ่งอักเสบแบบไม่ต้องผ่าตัด วันที่สาม (ได้กินน้ำแล้ว)ในเมื่อเลือกรักษาแบบไม่ผ่าแน่นอนแล้วหมอจึงอนุญาติให้ทานน้ำได้เย้ กระหายเป็นอย่างมาก นอกจากน้ำแล้วสามารถทานน้ำผลไม้ หรือนมได้ด้วย แต่ด้วยความที่ผมทานนมวัวตอนท้องว่างมักจะท้องเสียเลยทานเป็นนมถั่วเหลืองแทน พอท้องได้กินครั้งแรกก็รู้สึกจี๊ดๆตรงที่เจ็บอยู่นิด ๆ แต่ได้ทานแค่นมก็เลยมีลมเยอะมากในลำไส้ แทมทุกมื้อที่ทานสักไม่เกินสองชั่วโมงก็ถ่ายแล้ว แถมถ่ายเหลวด้วยแต่ไม่ได้ปวดท้องแบบท้องเสีย พยาบาลบอกว่าเพราะมีเชื้ออยู่จึงขับออกมา การรักษาในวันนี้มีให้ทานยาเพิ่มหลังอาหาร ส่วนยาทางสายน้ำเกลือลดลงเหลือแค่ก่อนนอนเข้ารับการรักษาไส้ติ่งอักเสบแบบไม่ต้องผ่าตัด วันที่สี่ (ได้กินอาหารแล้ว)เมื่อทานนมได้ไม่ปวดท้องมากขึ้น จึงได้รับอนุญาติให้ทางอาหารเหลวได้ และเปลี่ยน จะบอกว่ามื้อแรกคืออร่อยสุดโหยหามานาน แต่ทานแล้วท้องไส้ก็ปั่นป่วนอยู่ด้วยความที่มีอาหารเข้าไปไล่ลมออกมา แต่ก็ไม่ได้ทรมานแต่อย่างใด การรักษาในวันนี้เหมือนเมื่อวานทานยาฆ่าเชื้อหลังอาหาร และรับแจ้งข่าวดีว่าพรุ่งนี้ถ้าผลตรวจเลือดไม่ติดเชื้อแล้วสามารถกลับบ้านได้ และคืนนี้หลังได้ยาเสร็จแล้วสามารถถอดสายน้ำเกลือได้ ผมที่พึ่งขอให้พยาบาลแทงเข็มใหม่เพราะเริ่มปวดที่จุดเดิมก็เลยรู้สึกว่าอ้าวโทนแทงฟรีเลยแทนที่จะเจ็บจุดเดียวเข้ารับการรักษาไส้ติ่งอักเสบแบบไม่ต้องผ่าตัด วันที่ห้า (ได้กลับบ้านแล้ว)เช้ามาเจาะเลือดแต่เช้ารอฟังผลตามคาดกลับบ้านได้ ทำเอกสารขอใบรับรองแพทย์ จ่ายค่ารักษา ด้วยความที่สามารถเบิกได้จึงจ่ายเพียงส่วนต่างค่าห้องพิเศษไม่กี่คืน หมอกำชับว่ายังอยู่ในขั้นตอนการรักษาอยู่ให้ระมัดระวังเรื่องการกินอาหารที่เสี่ยงทำให้ท้องเสีย เพราะจะทำให้แยกไม่ออกว่าปวดท้องแบบไหน หากมีอาการปวดแบบเดิมอีกให้รีบกลับมาและแจ้งว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบ ถ้าผล CT Scan พบว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบก็สามารถเลือกรักษาแบบเดิมได้แต่หมอแนะนำให้ผ่าตัดเสียจะดีกว่า เพราะในปีแรกจะมีโอกาสเป็นซ้ำได้มากกว่าคนทั่วไป หากเกินหนึ่งปีแล้วก็จะมีโอกาสเท่ากับคนทั่วไป ยาที่ได้รับมาให้กินต่อเนื่องจนครบสิบวัน และมีนัดติดตามอาการอีกสองอาทิตย์หลังเข้ารับการรักษาไส้ติ่งอักเสบแบบไม่ต้องผ่าตัด (หายแล้วเย้)กลับมาบ้านอาการที่ยังมีอยู่คือระแวง และต้องปรับการกิน เวลาปวดท้องนิดหน่อยก็ระแวงไปว่าไส้ติ่งอักเสบอีกหรือป่าว ยาที่ได้มามีสองตัวกินหลังอาหารเช้า-เย็น กับกินหลังอาหารสามมื้อ เป็นยาฆ่าเชื้อทั้งคู่ ในวันแรก ๆ จะมีการถ่ายเหลวอยู่ จึงไม่เหมาะจะเดินทางไปไหนต้องอยู่ติดห้องน้ำไว้ก่อน เพราะจะถ่ายหลังทานอาหารตลอดทุกมื้อ จนค่อย ๆ ปรับตัวเหลือวันละครั้ง และไม่ถ่ายเหลว หลังตรวจติดตามก็แน่ชัดแล้วว่าเราหายแล้วจากการรักษาไส้ติ่งอักเสบแบบไม่ต้องผ่าตัดด้วยการับยาฆ่าเชื้อ แต่ก็ยังต้องเฝ้าระวังต่อไปความคิดเห็นหลังเข้ารับการรักษาไส้ติ่งอักเสบแบบไม่ต้องผ่าตัดเรียกว่าเป็นครั้งแรกกับโรคนี้ ถ้าเป็นสมัยก่อนรักษาได้วิธีเดียวคือผ่าตัด แต่ก็มีญาติที่เคยรักษาวิธีนี้แล้วต้องกลับมาเป็นอีกครั้งแล้วต้องผ่าก็เชียร์ให้เราผ่าเลยจะได้ไม่ต้องเสียเวลาเป็นอีกรอบ แต่ด้วยความกลัวของเราในเมื่อมีทางเลือกเราก็ของเลือกแบบไม่ผ่าไว้ก่อน ซึ่งมันก็มีข้อแตกต่างกันอยู่นะถ้าเลือกผ่าก็เสี่ยงแค่การเข้ารับการผ่าตัด ผ่าเสร็จวันสองวันก็ได้กลับบ้านแล้ว แต่ถ้าเลือกรักษาด้วยยาก็ต้องรอดูอาการซึ่งในระหว่างนั้นถ้าอาการมันไม่ดีขึ้นก็ต้องโดนผ่าตัดอยู่ดี ถ้าใครไม่ได้กลัวการผ่าตัดไม่อยากเสียเวลารักษานานก็แนะนำให้เลือกวิธีผ่าตัดไปเถอะ แต่ใครกลัวยังตัดสินใจไม่ได้ก็ลองรักษาไส้ติ่งอักเสบแบบไม่ต้องผ่าตัดด้วยการับยาฆ่าเชื้อไปก่อนได้นะ ไม่น่ากลัวมีแค่หิวเท่านั้นเอง ยังไงก็ฝากรักษาตัวกันให้ไม่เป็นโรคดีที่สุด หวังว่าผมคงไม่มีโอกาสได้มาแชร์ประสบการณ์ผ่าไส้ติ่งอักเสบอีกนะ ขอละหายขาดไปเลยลาทีไส้ติ่งอักเสบเครดิตภาพปก และภาพถ่ายทั้งหมด ตกแต่งด้วย Canva โดยผู้เขียนนายอบบทความที่เกี่ยวข้อง5 เมนูจากส้มที่ไร้สารตกค้างอร่อยปลอดสารพิษเมนู ดอกโสนผัดซอสเห็ดหอมเจ ได้สารอาหารมีประโยชน์ต่อร่างกายรู้หรือไม่ ไข่เน่า กินได้มีประโยชน์ บำรุงสมองเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !