Cover Photo by Aziz Acharki on Unsplashเมื่อสัปดาห์ก่อนตอนที่แม่ฉันในวัย 80 ปี ลุกไปเข้าห้องน้ำแล้วหกล้มสองคืนติดกัน เราลูก ๆ เกิดความหวาดหวั่นเป็นอันมากโชคดีว่าทั้งสองครั้งไม่บาดเจ็บอะไร แต่ฉันก็ยังสบายใจไม่ได้จนวันนี้ เพราะได้ยินว่าแม่เพื่อนและเพื่อนแม่ในวัยเดียวกัน ลงได้หกล้มแล้วมักไปกันใหญ่ กระดูกหักเดินไม่ได้มานักต่อนักตามสถิติ คนที่มีอายุมากกว่า 65 ปี มีโอกาสเกิดการหกล้มได้มากถึง 30% และเมื่ออายุเพิ่มเป็น 70 ปีขึ้นไป โอกาสจะเพิ่มขึ้นไปอีกเป็น 40%กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขของบ้านเราเคยให้ข้อมูลว่า อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุนั้น มาจากการหกล้มเป็นอันดับสองรองจากอุบัติเหตุบนท้องถนนข่าวเพื่อนฝูงหกล้มแล้วนอนยาว อาจทำให้วัยเก๋ายิ่งหลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย ซึ่งฉันว่าเป็นเรื่องน่าเสียดาย เพราะการออกกำลังกายนี่ล่ะคือตัวช่วยไม่ให้หกล้มImage by Myriam Zilles from Pixabayการหกล้มนั้นนอกจากความเสื่อมตามวัย ยังอาจเกิดขึ้นจากความไม่สมดุลของท่วงท่าเคลื่อนไหว ยิ่งไม่ขยับเขยื้อนร่างกาย นั่ง ๆ นอน ๆ ทั้งวัน ความสามารถในการสมดุลร่างกายตามธรรมชาติก็ลดลงเรื่อย ๆจะทำอย่างไรให้ร่างกายเคลื่อนไหวด้วยความมั่นคงขึ้นต่างหากคือคำตอบ นี่คือหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฉันพยายามผสมผสานออกกำลังกายหลายรูปแบบ ทั้งคาร์ดิโอ เสริมสร้างกล้ามเนื้อ และเสริมสร้างความสมดุล ไม่ใช่เพราะกลัวตาย แต่กลัวจะกลายเป็นคนสูงอายุที่เดินซวนเซนอกจากการเดินเร็วเพื่อช่วยเรื่องหัวใจ และยกน้ำหนักเบา ๆ เพื่อสร้างกล้ามเนื้อแล้ว ฟิตเนสแบบตะวันออกเรานี่ล่ะคือคำตอบที่ลงตัวที่สุดในเรื่องการสร้างสมดุลกายใจ จนทำให้ไทชิ และโยคะกลายเป็นวิธีการออกกำลังกายที่ฮิตระเบิดระเบ้อทั่วโลกImage by Antonika Chanel from Pixabayไทชิเป็นการออกกำลังกายแบบโลว์อิมแพค ที่ช่วยฝึกท่วงท่าเคลื่อนไหวควบคู่ไปกับการฝึกหายใจ เมื่อร่างกายและจิตใจเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ก็จะเกิดความสอดคล้องขณะเคลื่อนไหว ทำให้ร่างกายอ่อนตัวและมีความมั่นคงขึ้น มีงานวิจัยรายงานว่า ผู้สูงอายุชายหญิง 32 คน ฝึกไทชิแค่สัปดาห์ละ 2 ครั้ง เป็นเวลา 15 สัปดาห์ พบว่านอกจากปริมาณกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ร่างกายยังมีความยืดหยุ่นเพิ่มขึ้น และข้อเข่าแข็งแรงขึ้น โยคะนั้นไม่ต้องพูดมากเดี๋ยวเจ็บคอ เป็นการออกกำลังกายที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าสร้างเสถียรภาพให้กับร่างกาย เพราะผู้ฝึกโยคะต้องเคลื่อนไหวให้สอดคล้องกับการหายใจเข้าและออก ช่วยให้การหายใจมีคุณภาพมากขึ้น ร่างกายยืดหยุ่นขึ้น และมีจิตใจสงบยิ่งขึ้นImage by Pexels from Pixabayสำหรับคุณที่ยังไม่พร้อมฝึกโยคะและไทชิ หากคุณอายุไม่เกิน 60 ปี และอยากรู้ว่าตัวเองมีระบบควบคุมสมดุลร่างกายดีพอไหม สามารถทดสอบได้ด้วยการทำท่าง่าย ๆ สองสามท่าไม่ต้องใช้อุปกรณ์อะไร แค่หาที่ว่าง ๆ ยืนใกล้กำแพง หรือตรงช่องประตู เพื่อให้คุณมีอะไรพิงหากซวนเซยืนตัวตรง ขาทั้งสองชิดติดกัน ยกแขนขึ้นกอดอก แล้วหลับตาทั้งสองข้าง : สมดุลคุณดี ถ้าคุณสามารถยืนในท่านี้นาน 60 วินาทียืนในท่ากระต่ายขาเดียว ยกขาข้างหนึ่งขึ้น ยกแขนขึ้นกอดอก : สมดุลคุณดี ถ้าคุณสามารถยืนในท่านี้นาน 30 วินาทียืนในท่ากระต่ายขาเดียว ยกขาข้างหนึ่งขึ้น ยกแขนขึ้นกอดอก หลับตาทั้งสองข้าง : สมดุลคุณดี ถ้าคุณสามารถยืนในท่านี้นาน 20 วินาทีทำไมต้องทดสอบด้วยการหลับตาด้วย คุณคงสงสัยคำตอบคือคนปกติทั่วไป ใช้การมองเห็นของตาช่วยในการทรงตัว การหลับตาจะทำให้เราขาดตัวช่วย บางคนแค่หลับตาก็เสียการทรงตัวไปในทันที ดังนั้นหากเกิดทัศนวิสัยไม่ดี เช่นเกิดอุบัติเหตุหรือวูบ ก็จะหกล้มได้ง่ายImage by Johannes Plenio on Stocksnapหากคุณทำท่าเหล่านี้ได้สั้นมาก หรือทำด้วยร่างกายที่สั่นไหวไม่มีความมั่นคง ก็แปลว่าคุณมีการบ้านต้องทำ นั่นคือฝึกสร้างสมดุลให้ร่างกาย ง่าย ๆ ด้วยการฝึกยืนกระต่ายขาเดียว ขั้นเริ่มต้น : ฝึกยืนกระต่ายขาเดียววิธีนี้ฝึกเมื่อไหร่ก็ได้ ที่ไหนก็ได้ บ่อยแค่ไหนก็ได้เท่าที่มีโอกาสทำ ระหว่างยืนรอคิวยาว ๆ ที่ไหน ฝึกยืนกระต่ายขาเดียวไปพลาง ๆถ้าเป็นไปได้ ให้หันหน้าไปทางซ้ายทางขวา แหงนหน้าหรือก้มลงสลับกันไป อย่าให้สายตาคุณจ้องที่จุดเดียวนานเกิน 1 วินาที เป็นการฝึกฝนให้ร่างกายต้องฝึกสมดุลตัวเองโดยไม่มีสายตาคอยช่วย เป้าหมายคือยืนขาเดียวให้ได้มั่นคงถึง 1 นาทีขั้นแอดวานซ์ : เล่นบอลในท่ากระต่ายขาเดียว ยืนกระต่ายขาเดียวไว้ ถือลูกบอลไว้ด้วยสองมือ โยนลูกบอลให้กระทบกำแพง แล้วรอรับลูกบอลที่เด้งกลับมา วิธีนี้ทำให้สายตาคุณไปโฟกัสที่ลูกบอล ร่างกายของคุณจึงต้องฝึกสมดุลด้วยตัวเองโดยแยกจากการทำงานของสายตา เป็นการฝึกระบบสมดุลร่างกายอัตโนมัติให้ทำงานเก่งขึ้นอีก แนะนำว่าชวนเพื่อนมาเล่นโยนบอลด้วยกัน โดยเพื่อนก็ยืนกระต่ายขาเดียวด้วยจะยิ่งสนุกขึ้นฝึกแบบนี้ไม่ต้องนาน แค่วันละ 5 นาที คุณจะเซอร์ไพรส์ที่พบว่าร่างกายคุณสมดุลขึ้นมากImage by Free-Photos from Pixabayร่างกายเรามีระบบสมดุลอัตโนมัติ แต่การนั่ง ๆ นอน ๆ ทำให้มันหยุดใช้งาน พอไม่ใช้งานคุณจะรู้สึกง่อกแง่กไม่มั่นคง หากคุณเริ่มต้นฝึกสมดุลตัวเองไปเรื่อย ๆ ระบบอัตโนมัตินี้จะเริ่มทำงานขึ้นมาเอง และทำงานเก่งขึ้นเรื่อย ๆผลคือคุณจะเคลื่อนไหวด้วยความมั่นคง คุณจะบาลานซ์ตัวเองได้ง่าย ไม่หกล้มเก่งเกินไปในอนาคต