ประเทศไทยมีสภาพอากาศที่ร้อนมาก ร้อนไม่พอยังเป็นร้อนชื้นอีกต่างหากซึ่งอากาศแบบนี้พวก "เห็บ" มักจะเจริญเติบโตได้ดีแน่นอนเมื่อมีเห็บก็ต้องมีสุนัขและพวกเห็บนี้แหละเป็นสาเหตุที่สำคัญเลยที่นำโรคมาสู่สุนัขสัตว์เลี้ยงที่น่ารักของคุณบอกเลยว่าเป็นปัญหาที่แก้ไม่ขาดจริงๆ และโรคที่ทำให้เกิดอันตรายต่อสุนัขของคุณจากเห็บก็คือ พยาธิเม็ดเลือด Free-Photos จาก Pixabay" />ภาพจาก pixabay ของ Free-Photo ฟังดูแล้วพยาธิเม็ดเลือดนี่ดูไม่ใช่โรคของสัตว์เลยน่าจะเป็นโรคของคนมากกว่าแต่ฟังไม่ผิดค่ะ โรคนี้มีอยู่จริงๆ และมีทั้งสุนัขและแมวเลยแต่บทความจะขอพูดถึงสุนัขโดยตรงซึ่งจริงๆ แล้วโรคนี้พบได้บ่อยมากเป็นอีกหนึ่งโรคที่สร้างความรำคาญในการหายใจให้กับสุนัข มีผลกระทบต่ออวัยวะอื่นๆของสุนัขรวมทั้งมีโอกาสเสี่ยงที่สุนัขของคุณจะเสียชีวิตด้วย ขอเล่าประสบการณ์โดยตรงของCJONIA ขอแทนตัวเองว่า "เนีย" นะคะ เนียมีสุนัขทั้งหมด 3 ตัวคือขาว ดำ น้ำตาล ซึ่งก็ใช้ชีวิตเลี้ยงดูตามปกติและบ้านของเนียเลี้ยงสุนัขแบบเปิด (เลี้ยงแบบปล่อยให้สุนัขสามารถออกไปข้างนอกบ้านเองได้และกลับมาบ้านเอง) และปัญหาก็เกิดจากตรงนี้เพราะนอกจากสุนัขของเนียจะกลับบ้านเองแล้วยังพาเห็บกลับบ้านมาด้วยทำให้ต้องอาบน้ำเป็นประจำอีกทั้งยังต้องมียาป้องกันเห็บตลอด แต่ว่าเหตุการณ์เกิดจากช่วงหน้าฝนที่อากาศแปรปรวนมากๆฝนตกบ้างไม่ต้องบ้างทำให้อากาศร้อนชื้นและอยู่ๆก็ร้อนไปเลย ตอนนั้นเองสุนัขขาวของเนียมักจะชอบมีอาการจามบ่อยๆ ตอนแรกก็ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ผ่านมาสักประมาณสองวันหลังจากสุนัขของเนียจาม สุนัขของเนียจามเป็นเลือด ซึ่งความคิดทั่วไปที่ไม่ได้มีความรู้เรื่องโรคของสุนัขมากนักก็คิดว่าน้องสุนัขกำเดาไหลจึงหาอะไรเย็นๆให้กินรวมทั้งเปิดพัดลมให้แต่ว่าสุนัขขาวก็จามไม่หยุดแถมยังมีเลือดออกหายบ้างมาบ้าง เนียจึงเริ่มกังวลสิ่งแรกที่ทำคือเข้าGoogle หลังจากนั้นเนียพบว่าปกติ สุนัขจะไม่กำเดาไหล ทำให้มั่นใจแน่ๆว่ามันผิดปกติ เนียก็หาข้อมูลไปเจอกับ โรคพยาธิเม็ดเลือด ซึ่งไม่คิดว่าสุนัขของเนียจะเป็นหรอกนะคะ แค่แบบบังเอิญเจอแต่พออ่านยิ่งชัดเจนแต่เวลานั้นที่เนียหาข้อมูลมันก็ดึกมากๆแล้ว ทำให้ต้องพาสุนัขของเนียไปหาสัตวแพทย์พรุ่งนี้ พอเช้ามา ช็อคเลยค่ะทุกคนคือเหมือนเกิดเหตุฆาตกรรมเลือดนองเต็มพื้นเยอะมากแต่น้องสุนัขของเนียยังไม่ตายนะคะยังคงจามอยู่ นั้นทำให้เนียต้องรีบพาน้องไปโรงพยาบาลสัตว์แต่ทุกคนคือที่เนียไปโรงพยาบาลยังไม่เปิดดังนั้น ทำให้เนียต้องหาโรงพยาบาลอีกทีก็เจอค่ะหลังจากให้หมอดูอาการซึ่งการตรวจก็ไม่มีอะไรมากค่ะ คือบอกอาการของสุนัขให้หมอฟังและหมอก็บอกว่าขอดูท้องสุนัขหน่อยเราก็ช่วยกันพลิกน้องสุนัขค่ะและพบว่าท้องของสุนัขมีรอยแดงๆเป็นจ้ำๆ วินิจฉัยได้ว่าเป็น โรคพยาธิเม็ดเลือด คุณหมอก็ฉีดยาให้น้องสุนัขและจ่ายยา ซึ่งมี ยาบำรุงเลือดกับยาฆ่าเชื้อให้น้องสุนัขกินทั้งหมด 14 วัน วันละ 2 เม็ดทั้งสองตัวยาเลย ถ้ามีอาการอีกก็ให้น้องสุนัขกลับมาตรวจใหม่อีกทีหากไม่มีก็ไม่ต้องมาแล้ว Free-Photos จาก Pixabay" />ภาพจาก pixabay ของ Free-Photo หลังจากให้ยากับสุนัข วันแรกที่เนียให้ยาน้องก็เริ่มดีขึ้นเลยคือจามแต่ไม่มีเลือดออกมา วันที่สองไม่มีอาการจามแล้วแต่หน้าท้องยังมีรอยแดงๆจ้ำๆอยู่ หลังจากนั้นวันที่สามถึงวันที่สิบสี่อาการคือเป็นปกติแล้วและรอยแดงๆก็หายไป (น่าเสียดายที่ระหว่างตอนเกิดเนียไม่ได้ถ่ายรูปเก็บเอาไว้แต่อย่าเลยดีกว่าเพราะมันน่ากลัวเหมือนกันนะคะ) LUM3N จาก Pixabay" />ภาพจาก pixabay ของ LUM3N มาทำความรู้จักกับโรคพยาธิเม็ดเลือดกันดีกว่า สาเหตุ โรคพยาธิเม็ดเลือด เกิดจาก เชื้อโปรโตซัว และริคเก็ตเซียหลายชนิดและจะติดสุนัขได้มากจากเห็บที่ดูดเลือดของสุนัขและปล่อยเชื้อเข้าไปที่เลือดของสุนัขระหว่างที่กำลังดูด โรคนี้สามารถเกิดได้กับสุนัขทุกสายพันธุ์ ไม่จำกัดเพศ อาการ สุนัขเกิดความเครียด มีไข้อ่อนๆ และมีอาการซึม ไม่อยากอาหาร (ดีที่สุนัขของเนียยังคงกินอาหารเก่งแสดงว่าอยู่ในระยะที่ไม่รุนแรง) น้ำหนักลดลง เหนื่อยง่าย ถ่ายอุจจาระเป็นเลือด (หากถึงขั้นนี้นับได้ว่าช่วงระยะอาการที่รุนแรงแล้ว) เป็นอัมพาตและถึงขั้นเสียชีวิตได้ Jerzy Górecki จาก Pixabay" />ภาพจาก pixabay ของ JerzyGorecki วิธีป้องกัน เนื่องด้วยที่ว่าเชื้อนี้มีเห็บเป็นตัวนำดังนั้นวิธีที่เราจะต้องทำคือ กำจัดเห็บออกให้หมด แม้ว่าจะดูเป็นวิธีที่แสนจะยากแต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้เลยโดยสำหรับคนเลี้ยงสุนัขแล้วต้องรู้จักยาป้องกันเห็บหมัด ปัจจุบันนี้ยาป้องกันเห็บมีทั้งแบบเม็ด ฉีด และทา ทำให้เหล่าคนรักสุนัขสะดวกในการใช้งานมากๆ สำหรับเนียแล้วเลือกแบบฉีดให้สุนัขเพราะคิดว่าน่าจะเป็นทางป้องกันได้ดีสำหรับคนที่เลี้ยงสุนัขแบบเปิดอย่างเนียและยังมีปลอกคอที่สามารถไล่เห็บได้ด้วยโดยจะเป็นกลิ่นของสมุนไพรหลังจากเนียใช้สุนัขก็ไม่ได้ไม่ชอบหรือกัดทิ้งคิดว่าน่าจะได้ผลใช้งานดี อาบน้ำสุนัขให้สะอาด ขั้นตอนนี้สำคัญมากเหมือนกันเพราะความสะอาดของสุนัขดีทั้งต่อสุนัขเองและเจ้าของด้วยสำหรับแนะนำคือให้อาบน้ำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง หรือสองอาทิตย์ครั้งก็ได้แต่อย่าอาบน้ำทุกวันเพราะสุนัขจะมีชั้นผิวมันที่ทำให้ไม่ระคายเคืองผิวอยู่หากอาบบ่อยจนเกินไปจะทำให้มีปัญหาเรื่องผิวหนังได้ พาสุนัขไปพบสัตวแพทย์ สำคัญมากที่จะพาสุนัขไปพบหมอเพราะว่าสุนัขควรได้รับการตรวจร่างกายเป็นประจำเพื่อตรวจว่ามีโรคอะไรเกิดขึ้นหรือไม่ ยิ่งถ้าเป็นสุนัขที่มีสายพันธุ์ก็จะมีโรคเฉพาะเป็นของสายพันธุ์ตัวเองแต่ทั้งนี้ไม่ว่าจะพันธุ์ทางหรือพันธุ์อะไรก็ควรนำสุนัขไปตรวจเช่นกันเพื่อสุขภาพร่างกายที่ดีของสุนัขเรา สุดท้ายนี้ขอขอบคุณทุกคนที่อ่านบทความมาถึงตอนจบหวังว่าจะเป็นบทความดีๆที่มีประโยชน์ สุนัขเป็นเพื่อนคนสำคัญดังนั้นเราควรดูแลและให้ความสำคัญต่อสุนัขของคุณเอง Sven Lachmann จาก Pixabay" />ภาพจาก pixabay ของ Seaq68 ขอขอบคุณภาพหน้าปกจาก pixabay ของ Fran__