จะบำบัดอาการภูมิแพ้ด้วยการออกกำลังกายได้อย่างไร ซึ่งในในปัจจุบันคนส่วนมากก็ให้ความสนใจกับการออกกำลังกายเป้นส่วนใหญ่ การออกกำลังกายสำหรับผู้ป่วยภูมิแพ้ ถือเป็นการซ่อมแซมภูมิคุ้มกันที่บกพร่องให้กลับมาแข็งแรงและทำงานได้อย่างปกติดังเดิม ช่วยให้ภูมิคุ้มกันของเราทำงานได้อย่างปกติ สำหรับเราคิดว่าออกกำลังกายเป็นหนึ่งในวิธีฟื้นฟูสร้างภูมิต้านทานในตัวเราให้ดีขึ้น เราเป็นคนนึงที่มีอาการโรคภูมิแพ้ๆเมื่อเจอฝุ่น หรืออากาศเย็นๆนิดหน่อยก็น้ำมูกไหลและจาม อาการโรคภูมิแพ้จริงๆแล้วถือว่าอันตรายและเป็นอาการเรื้อรังซึ่งไม่ได้เหมือนไข้หวัด ที่พอกินยาแล้วก็หาย แต่โรคภูมิแพ้ทำให้ร่างกายเราอ่อนแอและสามารถนำพาโรคอื่นๆมาสู่เราด้วย ยิ่งถ้าใครเป็นหวัดและเป็นภูมิแพ้ด้วยนี่ก็ถือว่า เสี่ยงมากๆเพราะว่าถ้าร่างกายเราอ่อนแอโรคอื่นๆสามารถเข้ามาแทรกแซงได้ง่ายกว่าคนปกติเราเคยไปหาหมอ หาทางรักษา พยายามหายาวิตามินซีอะไรที่เค้าว่าดี ลองมาหมดแล้วแต่พอหยุดทานไปสักพักก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติที่อธิบายว่า “การดูแลสุขภาพด้วยการออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุด เพราะมีงานวิจัยยืนยันชัดเจนว่า การออกกำลังกายสามารถรักษาโรคภูมิแพ้ในระบบทางเดินหายใจและโรคพ่วงจากภูมิแพ้ได้ เนื่องจากจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของปอด หัวใจ และทำให้การไหลเวียนของเลือดดีขึ้น เมื่อระบบทางเดินหายใจของคนไข้เป็นปกติ จะช่วยให้หายใจสะดวกขึ้น ไม่มีเสมหะไหลลงคอ จึงไม่เป็นหวัดและติดเชื้อง่าย” และจนสุดท้ายเราก็ลองหันมาออกกำลังกาย โดยเราเริ่มจากการ 1. Warm Up และวิ่งช่วงเย็นๆหลังเลิกงาน การอบอุ่นร่างกายเป็นการเตรียมความพร้อมให้ร่างกาย เพื่อเพิ่มอุณหภูมิภายในให้สูงขึ้นสามารถลดอาการบาดเจ็บได้ปัจจุบัน “การวิ่ง” ยังเป็น เทรนด์ที่มาแรงในหลายๆ ประเทศ ซึ่งเหตุผลที่ผู้คนหันมาวิ่งกันมากขึ้นเหตุผลหลักก็เพื่อรักษาสุขภาพและลดอัตราการเกิดโรคร้าย เมื่อได้วิ่ง ทำให้เรารู้สึกว่าร่างกายเปลี่ยนแปลงไป อาการโรคภูมิแพ้ที่รุมเร้าอยู่เป็นระยะก็ค่อยๆ ลดลงอย่างชัดเจนตั้งแต่ 2 เดือนแรก การวิ่งให้ประโยชน์ กับเรามาก แม้ภูมิแพ้จะยังไม่หายขาด แต่อาการก็ลดลงมาก 2.โยคะ โยคะจุดเด่นของการเล่นโยคะก็คือเรื่องของ อาการจากโรคภูมิแพ้ถือว่าเป็นโรคที่ผู้คนที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้นั้น นิยมเลือกการรักษาด้วยโยคะบำบัดมากไม่เป็นรองโรคอื่นๆเลย การฝึกเล่นโยคะจึงเป็นผลดีต่อคนที่เป็นโรคภูมิแพ้อย่างมาก เพราะการเล่นโยคะเป็นการผ่อนคลาย เพราะต้องฝึกวิธีการหายใจเข้าออก และการฝึกหายใจเข้าออกนั้นต้องกำหนดว่าเมื่อหายใจเข้าต้องหายใจให้สุดลม หายใจ และเมื่อหายใจออกนั้นก็ต้องหายใจออกไปให้สุดเช่นกัน การหายใจโดยวิธีนี้ สามารถช่วยให้น้ำมูกแห้งและลดลงได้ เมื่อเวลาที่หายใจเข้าออกปกติจะเริ่มรู้สึกว่าหายใจได้สบายขึ้นโล่งขึ้น ดังนั้น ซึ่งเป็นผลดีมากต่อคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ อาการภูมิแพ้นั้นที่เป็นมาจากการหายใจและต้องการอากาศที่บริสุทธิ์ และเราควรเล่นโยคะไปพร้อมๆกับการกินยารักษาโรคภูมิแพ้ค่ะ 3. ว่ายน้ำ เป็นหนึ่งในกิจกรรมออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคภูมิแพ้ เพราะการฝึกหายใจใต้น้ําและการกลั้นหายใจก็เป็นการช่วยให้ลมหายใจยาวขึ้น ออกซิเจนจึงเข้าสู่ปอดได้มากขึ้น มีผลให้ระบบหมุนเวียนโลหิตดี ส่งผลให้ภูมิชีวิตดี และมีอาการแพ้น้อยลงตามไปด้วย ท่าที่เราว่ายน้ำนั้น เราใช้ท่ากบ เพราะเราอ่านมาจากหนังสือ ชีวจิต ท่ากบนั้นนอกจากช่วยในการขยายปอดแล้ว ยังเป็นท่าที่มีความเสี่ยงต่ําที่จะทําให้น้ําเข้าจมูก แถมยังช่วยฝึกควบคุมการหายใจให้มีระเบียบได้อีกด้วย และแถมในหนังสือชีวจิตยังแนะนำอีกว่าควรเลือกว่ายน้ําใน "สระเกลือ" แทนสระว่ายน้ําที่ผสมสารคลอรีน เพื่อหลีกเลี่ยงอาการแสบ ระคายเคืองจมูก ทั้งนี้ผู้ช่วยศาสตราจารย์แพทย์หญิงอรพรรณ โพชนุกูล แพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคภูมิแพ้ในเด็ก โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต และผู้ช่วยเลขานุการสมาคมโรคภูมิแพ้ โรคหืด และวิทยาภูมิคุ้มกันแห่งประเทศไทย แนะนําผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้และโรคหืดให้ออกกําลังกายอย่างน้อยที่สุดสัปดาห์ละ 3 ครั้ง ครั้งละ 20-30 นาที ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นค่ะ 4. ทานอาหารที่มีประโยชน์ นอกจากจะออกกำลังกายแล้วการทานอาหารที่มีประโยชน์ก็สำคัญนะคะถ้าเรารู้จักเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเหมาะสมจากสาเหตุของการเกิดโรค ก็อาจเปลี่ยนเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยป้องกันการเกิดอาการภูมิแพ้ได้เช่นกัน การะทานอาหารเราควรคำนึงถึงเรื่องอาหารที่มีฤทธิ์ร้อน และฤทธิ์เย็น เพราะร่างกายของเราหากไม่มีความสมดุล มีภาวะร้อนเกินหรือเย็นเกิน ร่างกายจะแสดงอาการป่วยและภาวะของโรคต่างๆ ออกมา และอาหารสู้ภูมิแพ้ที่เราพอหาทานได้และทานเป้นประจำก็คือ สลัดไก่และน้ำมันมะกอก น้ำมะพร้าวและเนื้อมะพร้าวด้วยก็ได้ น้ำส้ม กล้วยน้ำว้า ยำสารพัดนึก การผู้ที่ป่วยเป็นโรคภูมิแพ้กันบ่อยก็เนื่องจากบ้านที่เราอยู่อาจจะฝุ่นละอองมากไป แม้แต่ที่นอนก็อาจจะมีไรฝุ่นอยู่มาก และยังมีเลี้ยงสัตว์และชอบเล่นกับเค้าบ่อยๆ ขนสัตว์ก็จะยิ่งก่อให้เกิดอาการแพ้และเป็นภูมิแพ้หนักกว่าเดิม เพราะฉนั้นเราควรหมั่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ ดูดซับฝุ่นทุกวัน พยามห่างจากสัตว์เลี้ยง เครื่องประจำอากาศก็ควรถอดล้างทำความสะอาดสม่ำเสมอ เพราะมันเป็นแหล่งสะสมฝุ่นและเชื้อโรคไว้เยอะ หากมีเครื่องกรองอากาศด้วยก็จะดีเพราะถือว่าช่วยได้ในระดับหนึ่งเลยค่ะ