ไข่เยี่ยวม้า ที่หลายคนคุ้นเคยและรู้จัก จะมีลักษณะไข่ขาวเป็นวุ้นสีชา ออกดำๆ มีไข่แดงสีดำแข็ง และอาจจะมีการทาเปลือกไข่หลายๆสี แต่ส่วนมากจะเห็นสีชมพู เหตุผลที่ทาสีต่างๆ เพราะจะได้มีความแตกต่างกับไข่เค็มเพราะไข่เค็มจะเปลือกสีขาวไม่มีสี ไข่เยี่ยวม้า ก็คือการถนอมอาหารชนิดหนึ่ง โดยการใช้วัสดุดิบที่มีความเป็นด่าง มาทำให้เกิดปฏิกิริยากับไข่สด จนแปลสภาพไปเป็นไข่ ที่เรียกว่า ไข่เยี่ยวม้า โดยสารที่เป็นด่างที่ นำมาทำไข่เยี่ยวม้า ก็จะมี เกลือ หรือ สารโซเดียมคาร์บอเนต (ฟู๊ดเกรด) สำหรับการทำอาหาร ปูนขาว ขี้เถ้า และชา กระบวนการทำไข่เยี่ยวม้าเป็นอย่างไร? มีกี่วิธี วิธีการทำไข่เยี่ยวม้า จะมี 2 วิธี คือ1.วิธีการพอก โดยการนำปูนขาว เกลือ หรือ โซเดียมคาร์บอเนต น้ำชา และขี้เถ้ามาผสมนวดรวมกันจนเหนียว แล้วนำมาทำการพอกกับไข่สด แล้วนำไปเก็บไว้ในที่มืด ประมาณ1-2 เดือน ไข่ก็จะกลายแปลเปลี่ยนเป็นไข่เยี่ยวม้า ซึ่งไข่ขาวจะมีลักษณะเป็นวุ้นสีชา และไข่แดงจะมีการแข็งตัว2.วิธีการดอง โดยการนำปูนขาว ขี้เถ้า เกลือหรือโซเดียมคาร์บอเนต และชาแห้งมาทำการต้มจนเดือด แล้วนำมาพักให้เย็นโดยการกรองเอาใบชาออกก่อน แล้วจึงนำมาทำการเทใส่ลงในไข่สด ที่เตรียมไว้ในโหล ดองไว้ประมาณ 1 เดือน เราก็จะได้ไข่เยี่ยวม้าที่พร้อมทาน จะเห็นได้ว่า 2 วิธีที่ผู้เขียนนำมาเล่านี้ วิธีการดองจะทำให้ได้ไข่เยี่ยวม้าที่ไวกว่าการพอก เพราะสารละลายที่เราทำการดองจะซึมเข้าไปทางผิวไข่ได้ไวกว่า วิธีการพอก คนส่วนใหญ่จึงนิยมวิธีการดองมาก นอกจากนี้ยังมีบางคนใช้สารตะกั่ว มาทำการกระตุ้นให้เกิดเป็นไข่เยี่ยวม้าได้ไวกว่าขั้นตอนการดองแบบปกติอีกด้วย ซึ่งการใส่สารตะกั่วนี้จะเป็นอันตรายกับผู้บริโภค ทางสาธารณสุขก็จะมีการควบคุมปริมาณในการใส่สารตะกั่วไว้ไม่ให้เกินมาตรฐาน ของขั้นตอนการผลิตไข่เยี่ยวม้า เราจะสังเกตอย่างไรว่าไข่เยี่ยวม้ามีส่วนประกอบของสารตะกั่ว? จากที่ส่วนตัวของผู้เขียนได้เรียนทางด้านเคมีมา ทำให้ทราบว่าตะกั่วเป็นโลหะหนักและสามารถตกตะกอนได้กับไข่ ผู้เขียนจึงแนะนำให้ผู้ที่ทานไข่เยี่ยวม้าสังเกตุส่วนที่เป็นวุ้นสีน้ำตาลค่ะ ถ้าหากมีส่วนประกอบของตะกั่วเราจะเห็นเป็นเหมือนผงตะกอนขุ่นๆค่ะ แต่ถ้าในไข่เยี่ยวม้าไม่มีส่วนของตะกั่วเราจะเห็นบริเวณนี้เป็นสีนำตาลใส ไม่มีตะกอนใดๆ และลายดอกที่เราเห็นคล้ายลายดอกไม้ ไม่ใช่เชื้อราอย่างที่หลายคนเข้าใจนะคะ แต่เป็นลายของเกลือที่ปฏิกิริยากับไข่อย่างสมบูรณ์จนเป็นไข่เยี่ยวม้าที่มีคุณภาพค่ะ สามารถทานได้อย่างปลอดภัย ประโยชน์และโทษของไข่เยี่ยวม้ามีอะไรบ้าง?1.ไข่เยี่ยวม้า มีปริมาณโปรตีนสูง ช่วยบำรุงเลือด และให้เจริญอาหาร วิธีที่ผู้เขียนอยากแนะนำในการทานไข่เยี่ยวม้าแบบที่ไม่ได้ปรุงเป็นเมนูอื่น คือ ควรมีเครื่องเคียงที่เป็นขิง หรือผักอื่นๆ ทานด้วยกันค่ะ เพราะไข่แดงของไข่เยี่ยวม้ามีความมันมากค่ะ ควรมีเครื่องเคียงเพื่อดับความเลี่ยน2.ไข่เยี่ยวม้า มีปริมาณโซเดียมสูง โดยมาจากขั้นตอนการทำไข่เยี่ยวม้าที่ใช้เกลือดอง เราจึงบริโภคแต่พอดีอย่ามากเกินไป อาจส่งผลต่อไตที่ต้องทำงานในการขับโซเดียมออกมาจากร่างกาย 3.ไข่เยี่ยวม้าอาจมีองค์ประกอบของตะกั่ว ซึ่งในผู้ผลิตบางคนอาจใช้สารตะกั่วออกไซด์ในการผลิตเพื่อเร่งให้เกิดไข่เยี่ยวม้าที่ไวขึ้น ถึงแม้จะมีการอนุญาตของสาธารสุขให้ใช้สารตะกั่วได้แต่ห้ามเกินปริมาณที่กำหนดก็ตาม ถ้าหากเราทานบ่อยๆเป็นเวลานานๆ ก็จะมีการสะสมของสารตะกั่วภายในร่างกาย เกินที่ร่างจะรับได้ก็ได้ค่ะ ผู้เขียนแนะนำให้ทานนานๆครั้งจะดีกว่าค่ะ เพื่อให้ร่างกายได้ขับสารตะกั่วออกมาก่อน แล้วเราค่อยทานอีกค่ะ แบบทานไม่บ่อยแต่ทานได้นะคะ4. สารตะกั่ว ทำให้ผิวหมองคล้ำเหี่ยวย่น ขับถ่ายไม่สะดวก จากความรู้ที่ผู้เขียนได้เรียนรู้มาจากวิชาเคมี สารตะกั่วที่ตกค้างภายในร่างกาย จะทำให้มีอาการท้องผูก ขับถ่ายลำบาก ผิวเหี่ยวย่นดำคล้ำที่เป็นเช่นนี้เนื่องมาจากการขับถ่ายที่ไม่คล่องจึงทำให้สารตกค้างหรือของเสียค้างภายในร่างกาย จึงส่งผลสู่ผิวภายนอกที่ดูไม่สดใสค่ะ ผู้เขียนเคยมีรุ่นน้องที่สนิทกัน แล้วเขาก็ชอบทานไข่เยี่ยวม้ามากๆ และเขาก็บ่นอยู่เสมอว่าทำไมท้องผูกบ่อยจัง จนมาตอนหลังน้องเขาสังเกตุตัวเองว่า พอทานไข่เยี่ยวม้าทีไรก็มีอาการแบบนี้ตลอด น้องจึงไม่ค่อยทานมาเปลี่บนเป็นนานๆทานทีค่ะ อาการเหล่านั้นก็หายไป5.ในไข่แดงของไข่เยี่ยวม้าถ้าผู้ทานสังเกตุดีๆ เรารู้ว่าไข่แดงจะแปลเปลี่ยนเป็นแก๊สแอมโมเนีย ที่เกิดจากเกลือไฮดรอกไซด์หรือโซเดียมไฮดรอกไซด์ค่ะ และถ้าหากเราทานเข้าไปแล้วเกิดอาการแพ้หรืออาเจียน ผู้เขียนแนะให้รีบพบแพทย์ทันทีค่ะ เพราะเราก็ไม่รู้เลยว่าเป็นผลจากกลิ่นแอมโมเนียจากไข่แดง หรือ สารตะกั่ว ที่อยู่ภายในไข่ยี่ยวม้าค่ะ เครดิตภาพ:จากครีเอเตอร์ ตกแต่งภาพโดย:แอป Canva และภาพประกอบเนื้อหา โดยแอป ภาพตัดแปะ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !