9 แนวทางสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมสุขอนามัย ทำไงดี อ่านต่อเลย! เขียนโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในความเป็นจริงแล้วสุขอนามัยที่ดี ไม่ได้เกิดจากการทำความสะอาดเพียงครั้งคราวค่ะ แต่เป็นผลลัพธ์ของพฤติกรรมที่เราทำซ้ำทุกวันจนกลายเป็นนิสัย หลายครั้งเรามองข้ามเรื่องเล็กๆ รอบตัว เช่น การไม่ถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน การไม่เปิดหน้าต่างให้ลมผ่าน หรือการปล่อยให้ตู้เย็นรกและสะสมของหมดอายุ ปัญหาเหล่านี้อาจดูไม่รุนแรงในระยะสั้น แต่หากสะสมไปเรื่อยๆ ก็จะกลายเป็นแหล่งสะสมสิ่งที่คุกคามคนเราได้ ก่อให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และเพิ่มความเสี่ยงต่อปัญหาด้านสุขอนามัยได้โดยไม่รู้ตัว และในยุคที่เราต้องเผชิญกับฝุ่น PM2.5 การระบาดของความเจ็บป่วย และมลพิษจากสิ่งแวดล้อม การใส่ใจเรื่องสุขอนามัยในบ้าน จึงกลายเป็นเสมือนเกราะป้องกันสำคัญของครอบครัวค่ะ ดังนั้นในบทความนี้เราจะรู้กันว่า เราจะต้องทำยังไงดี ที่จะมีสวนช่วยให้บ้านสะอาด ลดเชื้อรา ลดฝุ่นละออง และสร้างบรรยากาศที่เหมาะสมต่อการพักผ่อนของทุกคนในครอบครัว โดยการนำไปทำซ้ำอย่างต่อเนื่อง ยังช่วยสร้างวัฒนธรรมการดูแลบ้านร่วมกัน ทำให้สมาชิกทุกคนมีส่วนรับผิดชอบต่อสุขอนามัยร่วมกันอีกด้วยนะคะ และต่อไปนี้คือ 9 แนวทางสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม เพื่อส่งเสริมสุขอนามัยค่ะ 1. ทำความสะอาดมือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ มือถือและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เป็นสิ่งที่เราสัมผัสเกือบตลอดทั้งวัน ไม่ว่าจะเป็นระหว่างทำงาน รับประทานอาหาร หรือก่อนนอน ทำให้สิ่งสกปรกและฝุ่นสะสมบนพื้นผิวโดยที่เราไม่ทันสังเกต การทำความสะอาดมือถืออย่างน้อยสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งจึงเป็นเรื่องสำคัญ ควรใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์นุ่มๆ ชุบน้ำยาฆ่าเชื้อที่มีส่วนผสมแอลกอฮอล์ 70% บิดหมาดๆ แล้วเช็ดบริเวณหน้าจอ เคส และขอบเครื่องให้ทั่ว อย่าลืมปิดเครื่องก่อนทำความสะอาดเพื่อความปลอดภัย วิธีนี้ช่วยลดการสะสมของสิ่งปนเปื้อนที่อาจกลับมาติดที่มือและใบหน้า การทำจนเป็นนิสัยจะช่วยให้การใช้มือถือในชีวิตประจำวันปลอดภัยและสะอาดมากขึ้น โดยเฉพาะก่อนรับประทานอาหารหรือหลังเดินทางกลับจากที่สาธารณะ นอกจากโทรศัพท์แล้ว ควรเช็ดทำความสะอาดอุปกรณ์อื่นๆ เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด รีโมตทีวี หรือหูฟังที่ใช้ทุกวันด้วย เพราะสิ่งเหล่านี้มักเป็นจุดที่ความสกปรกสะสมโดยไม่รู้ตัว การดูแลความสะอาดของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ไม่เพียงช่วยป้องกันปัญหาด้านสุขอนามัย แต่ยังทำให้อุปกรณ์ใช้งานได้นานขึ้นและดูใหม่อยู่เสมอ 2. จัดระเบียบพื้นที่เก็บอาหารแห้ง อาหารแห้ง เช่น ข้าวสาร ถั่ว พริกแห้ง หรือเครื่องเทศ มักเป็นแหล่งสะสมของแมลงมอดและฝุ่นหากเก็บไม่ดี การจัดระเบียบพื้นที่เก็บอาหารแห้งจึงสำคัญมากค่ะ ควรเลือกภาชนะที่ปิดสนิท เช่น กล่องพลาสติกหรือโหลแก้วที่มีฝาปิดแน่น เพื่อป้องกันความชื้นและแมลงรบกวน ลองแยกเก็บตามประเภทและเขียนป้ายติดระบุชื่อและวันหมดอายุไว้ด้านหน้า เพื่อให้หยิบใช้สะดวกและรู้ว่าสินค้าใดควรใช้ก่อน ช่วยลดการทิ้งของเสียโดยไม่จำเป็น นอกจากภาชนะแล้ว ควรทำความสะอาดพื้นที่เก็บอย่างสม่ำเสมอ ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นเช็ดชั้นวางทุกเดือน และตรวจสอบว่ามีเศษอาหารหรือรอยแมลงหรือไม่ หากพบอาหารที่หมดอายุหรือเสียควรทิ้งทันที เพื่อไม่ให้ปนเปื้อนกับของใหม่ การจัดระเบียบเช่นนี้ไม่เพียงทำให้ครัวเป็นระเบียบและดูน่าใช้ แต่ยังป้องกันปัญหากลิ่นไม่พึงประสงค์ และช่วยให้การทำอาหารทุกมื้อสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้นนะคะ 3. ตากผ้ากลางแดดให้แห้งสนิท การตากผ้ากลางแดดถือเป็นวิธีฆ่าเชื้อโรคแบบธรรมชาติที่มีประสิทธิภาพมาก เพราะแสงแดดมีรังสียูวีที่ช่วยทำลายจุลินทรีย์ที่สะสมบนผ้า ควรตากผ้าในที่มีแดดส่องถึงอย่างเต็มที่และมีลมพัดผ่านดี เพื่อให้ผ้าแห้งทั่วถึงทุกด้าน การกลับผ้าหรือผ้าห่มให้โดนแดดทั้งสองด้านระหว่างการตาก จะช่วยป้องกันกลิ่นอับและทำให้ผ้ามีกลิ่นหอมตามธรรมชาติ นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการตากผ้าในห้องที่ไม่มีการระบายอากาศ เพราะจะทำให้ผ้าแห้งช้าและเกิดเชื้อราได้ง่าย การทำจนเป็นกิจวัตรช่วยลดปัญหาด้านสุขอนามัยที่จะตามมาได้ และช่วยให้บ้านมีกลิ่นสะอาดขึ้น โดยเฉพาะผ้าที่ใช้บ่อยอย่างผ้าขนหนูและผ้าปูที่นอน ควรซักและตากแดดสม่ำเสมอ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกที่สะสมอยู่ การตากผ้ากลางแดดยังช่วยประหยัดพลังงาน เพราะไม่ต้องใช้เครื่องอบผ้า และทำให้เสื้อผ้ามีอายุการใช้งานยาวนานขึ้น สีไม่หม่นง่ายเมื่อซักถูกวิธีค่ะ 4. ใช้ช้อนกลางเมื่อทานอาหารร่วมกัน การใช้ช้อนกลางเป็นพฤติกรรมเล็กๆ น้อยๆ ที่ช่วยป้องกันการแพร่กระจายขอความเจ็บป่วยได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะความเจ็บป่วยที่ติดต่อผ่านน้ำลาย ดังนั้นให้ลองวางช้อนกลางในทุกจานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นอาหารในครอบครัว หรือมื้อสังสรรค์กับเพื่อน เพื่อให้ทุกคนตักอาหารลงจานของตนเองก่อนรับประทาน การทำให้เรื่องนี้เป็นนิสัยประจำโต๊ะอาหาร จะช่วยลดโอกาสการปนเปื้อนข้ามกันอย่างมากค่ะ อีกทั้งการใช้ช้อนกลางยังเป็นการแสดงถึงความใส่ใจต่อคนรอบข้างและเป็นมารยาทบนโต๊ะอาหารที่ดี หากสอนให้เด็กๆ ใช้ตั้งแต่เล็ก พวกเขาจะเติบโตมากับความตระหนักเรื่องสุขอนามัยและเรียนรู้การป้องกันความเจ็บป่วยโดยไม่ต้องบังคับ การพกช้อนกลางแบบพับได้ติดตัวเมื่อต้องไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ก็เป็นอีกวิธีที่ทำได้ง่าย และช่วยให้มั่นใจว่ามื้ออาหารนั้นสะอาด ปลอดภัย และแบ่งปันกันได้อย่างสบายใจค่ะ 5. ถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน การถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้านเป็นวิธีง่ายๆ ที่ช่วยรักษาความสะอาดของพื้นที่อยู่อาศัยได้อย่างยั่งยืน เพราะพื้นรองเท้าที่เราเดินผ่านทั้งถนน ลานจอดรถ หรือพื้นที่สาธารณะ อาจมีทั้งฝุ่น จุลินทรีย์ สารเคมี และแม้แต่คราบน้ำมันติดมาโดยที่เราไม่รู้ตัว หากเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่ถอดรองเท้า สิ่งสกปรกเหล่านี้จะกระจายไปทั่วพื้น ทำให้บ้านสกปรกง่ายและเป็นแหล่งสะสมของสิ่งสกปรกที่มองไม่เห็น ดังนั้นให้ลองกำหนดพื้นที่เฉพาะสำหรับถอดรองเท้า เช่น มุมหน้าประตูหรือชั้นวางรองเท้า เพื่อให้สะดวกและเป็นระเบียบมากขึ้น อาจเพิ่มพรมดักฝุ่นหรือถาดวางรองเท้าเพื่อป้องกันฝุ่นกระจาย การสร้างนิสัยถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้าน ยังช่วยป้องกันปัญหาสุขอนามัยในระยะยาว โดยเฉพาะครอบครัวที่มีเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือคนที่เป็นภูมิแพ้ง่าย เพราะฝุ่นและสารเคมีที่ติดมากับรองเท้าอาจกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้หรือป่วยบ่อยได้ การทำจนเป็นกิจวัตรยังช่วยยืดอายุพื้นบ้าน ลดรอยขีดข่วน และลดเวลาในการทำความสะอาดพื้นในแต่ละสัปดาห์ ทำให้บ้านดูสะอาดอยู่เสมอและน่าอยู่มากขึ้น หากต้องการให้คนในบ้านปฏิบัติตามได้ง่าย ควรเตรียมรองเท้าใส่ในบ้านไว้ให้พร้อม และจัดพื้นที่ถอดรองเท้าให้สวยงาม น่าใช้งาน เพื่อให้ทุกคนทำตามได้โดยไม่รู้สึกยุ่งยากค่ะ 6. ทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำ ตู้เย็นเป็นจุดที่เรามักละเลย เพราะคิดว่าเป็นที่เก็บของเย็นจึงปลอดภัย แต่จริงๆ แล้วตู้เย็นสามารถเป็นแหล่งสะสมของสิ่งปนเปื้อนและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้ หากไม่ได้ทำความสะอาดอย่างเป็นแบบแผน ดังนั้นให้ลองกำหนดวันทำความสะอาดทุกเดือน เริ่มจากการเก็บอาหารออกทั้งหมด ตรวจวันหมดอายุและทิ้งสิ่งที่เสียหายหรือเกินกำหนด จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นผสมน้ำสบู่หรือน้ำส้มสายชูเช็ดชั้นวางและผนังตู้เย็น เพื่อขจัดคราบและจุลินทรีย์ที่สะสม การทำเช่นนี้ช่วยลดความเสี่ยงการปนเปื้อนข้ามระหว่างอาหารและทำให้ตู้เย็นไม่มีกลิ่นอับค่ะ หลังจากทำความสะอาดเสร็จ ควรจัดเรียงอาหารให้เป็นระเบียบ โดยวางอาหารที่ใกล้หมดอายุไว้ด้านหน้าเพื่อใช้ก่อน และแยกอาหารดิบออกจากอาหารพร้อมรับประทานเพื่อลดการปนเปื้อนข้าม ควรตรวจสอบซีลยางขอบประตูตู้เย็นและเช็ดให้แห้งเพื่อลดการสะสมของเชื้อรา การทำจนเป็นนิสัยจะช่วยให้การเก็บอาหารปลอดภัยมากขึ้น ประหยัดเงินเพราะไม่ต้องทิ้งของที่เสีย และทำให้การทำอาหารทุกมื้อสะดวก รวดเร็ว และรู้สึกมั่นใจว่าอาหารที่กินสะอาดเสมอ 7. ตรวจสภาพระบบน้ำดื่มในบ้าน น้ำดื่มที่สะอาดเป็นปัจจัยสำคัญของสุขอนามัยที่ดี แต่หลายบ้านมักลืมตรวจสอบคุณภาพน้ำที่ใช้ดื่มอยู่ทุกวัน การตรวจสภาพระบบน้ำดื่มจึงเป็นสิ่งจำเป็น หากมีเครื่องกรองควรตรวจสอบเครื่องกรองน้ำอย่างน้อยทุก 6 เดือน ดูสภาพไส้กรองว่ามีคราบตะกรันหรือสิ่งสกปรกสะสมหรือไม่ หากไส้กรองเปลี่ยนสีหรือมีกลิ่นอับ ควรเปลี่ยนทันที นอกจากนี้ควรหมั่นทำความสะอาดถังเก็บน้ำภายในบ้านปีละ 1-2 ครั้ง เพื่อป้องกันการสะสมของตะกอนและจุลินทรีย์ที่อาจปนเปื้อนในน้ำดื่ม การทำจนเป็นนิสัยช่วยให้มั่นใจได้ว่าน้ำที่ดื่มสะอาด ปลอดภัย และปราศจากสิ่งปนเปื้อนที่มองไม่เห็น นอกจากนี้ยังช่วยยืดอายุการใช้งานของเครื่องกรองน้ำ ลดปัญหาน้ำไหลอุดตัน และป้องกันการเจ็บป่วยจากที่มีน้ำเป็นสื่อ หากต้องการตรวจสอบอย่างละเอียด สามารถส่งน้ำไปตรวจที่ห้องปฏิบัติการทดสอบคุณภาพน้ำปีละครั้ง เพื่อความมั่นใจว่าน้ำที่ดื่มทุกวันได้มาตรฐานด้านสุขอนามัยอย่างแท้จริงค่ะ 8. ซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนสม่ำเสมอ ผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนเป็นจุดที่สัมผัสกับร่างกายเราทุกวัน จึงเป็นที่สะสมของเหงื่อ น้ำมันจากผิวหนัง เซลล์ผิวที่หลุดร่วง รวมถึงฝุ่นและไรฝุ่นโดยที่เราไม่รู้ตัว การซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนทุก 1-2 สัปดาห์ ด้วยน้ำอุ่นและน้ำยาซักผ้าที่อ่อนโยน ช่วยขจัดสิ่งสกปรกและลดสารก่อภูมิแพ้ ที่เป็นสาเหตุของอาการคันหรือผื่นบนผิวหนังได้ หลังซักควรตากให้โดนแดดเพื่อใช้พลังงานธรรมชาติ และทำให้ผ้ามีกลิ่นหอมสะอาด การทำจนเป็นกิจวัตรจะช่วยให้เรานอนหลับสบายและรู้สึกผ่อนคลายทุกครั้งที่ถึงเวลานอน โดยเฉพาะคนที่เป็นภูมิแพ้หรือมีผิวแพ้ง่าย การซักผ้าปูที่นอนสม่ำเสมอยังช่วยลดจำนวนไรฝุ่นในห้องนอน และทำให้ห้องนอนดูสะอาดเป็นระเบียบอยู่เสมอ หากอยากเพิ่มประสิทธิภาพ ลองใช้ผ้าปูที่นอนกันไรฝุ่นและดูดฝุ่นที่นอนทุกเดือน และด้วยวิธีง่ายๆ เหล่านี้ช่วยให้เรามีสภาพแวดล้อมการนอนที่ดีต่อสุขอนามัยในระยะยาวนะคะ 9. เปิดหน้าต่างระบายอากาศทุกวัน รู้ไหมคะว่า ในแต่ละวันภายในบ้านของเรามักมีฝุ่น จุลินทรีย์ ความชื้น และกลิ่นสะสมจากการทำอาหารหรือกิจกรรมในชีวิตประจำวันโดยที่เราไม่รู้ตัว การเปิดหน้าต่างอย่างน้อยวันละ 15–30 นาที มีส่วนช่วยให้อากาศหมุนเวียน ลดความชื้นและกลิ่นอับ พร้อมพาสารระเหยออกไปนอกบ้าน โดยช่วงเช้าตรู่หรือตอนเย็นเป็นเวลาที่เหมาะสมเพราะอากาศเย็นและลมพัดเบาๆ ทำให้บ้านสดชื่นและลดการสะสมความร้อนภายในบ้านได้ดี หากบ้านอยู่ริมถนนหรือใกล้แหล่งมลพิษ ควรเลือกเปิดหน้าต่างฝั่งที่ปลอดภัยจากควันรถหรือฝุ่น และติดมุ้งลวดเพื่อป้องกันแมลง การทำเป็นกิจวัตรจะช่วยให้บ้านสะอาดขึ้น ลดเชื้อรา ลดฝุ่นลอยในอากาศ และทำให้คนในบ้านหายใจสะดวกขึ้น เหมาะสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุที่ไวต่อฝุ่น นอกจากนี้ยังช่วยให้บรรยากาศในบ้านปลอดโปร่ง ทำให้จิตใจผ่อนคลายและรู้สึกน่าอยู่มากขึ้นด้วยค่ะ จะเห็นได้ว่าการมีสุขอนามัยที่ดีไม่ใช่เรื่องซับซ้อนหรือยากเกินไป แต่เริ่มจากการสังเกตและปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันให้ค่อยๆ ดีขึ้นทีละเล็กทีละน้อย เช่น การถอดรองเท้าก่อนเข้าบ้านที่ช่วยป้องกันฝุ่น สารเคมี และจุลินทรีย์ไม่ให้เข้าสู่พื้นที่พักผ่อนของเรา หรือการเปิดหน้าต่างระบายอากาศทุกวัน เพื่อให้บ้านปลอดโปร่ง ลดกลิ่นอับและความชื้นที่เป็นต้นเหตุของเชื้อรา การตากผ้ากลางแดดให้แห้งสนิทก็เป็นการใช้พลังธรรมชาติช่วยกำจัดจุลินทรีย์ และทำให้ผ้ามีกลิ่นหอมสดชื่น ในขณะที่การซักผ้าปูที่นอนและปลอกหมอนสม่ำเสมอ ช่วยลดปัญหาไรฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ ทำให้การนอนหลับสบายและสุขอนามัยดีขึ้น และในด้านของการดูแลอาหารและน้ำดื่มก็สำคัญไม่แพ้กันค่ะ การจัดระเบียบอาหารแห้งในครัวและทำความสะอาดตู้เย็นเป็นประจำ ช่วยลดการปนเปื้อนและการเกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ การตรวจสอบวันหมดอายุและทิ้งของที่เสียหายจะช่วยป้องกันการกินอาหารที่อาจเป็นอันตราย การตรวจสภาพระบบน้ำดื่มและเปลี่ยนไส้กรองตามกำหนดช่วยให้มั่นใจว่าน้ำที่ดื่มสะอาดปลอดภัย รวมถึงการใช้ช้อนกลางเมื่อทานอาหารร่วมกัน และการทำความสะอาดมือถือหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ที่เราสัมผัสบ่อย ก็ช่วยลดการแพร่กระจายของสิ่งที่ก่อความเจ็บป่วยได้เป็นอย่างดี ที่เป็นแนวทางที่เรียบง่ายแต่ทรงพลัง โดยเมื่อเราทำได้สิ่งเหล่านี้จนกลายเป็นกิจวัตรแล้ว สุขอนามัยที่ดีจะกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตโดยไม่รู้สึกว่าต้องพยายามมากเกินไปค่ะ บ้านจะสะอาด น่าอยู่ และเป็นพื้นที่ที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน การสร้างพฤติกรรมสุขอนามัยที่ดีไม่เพียงป้องกันความเจ็บป่วย แต่ยังช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลในอนาคต ทำให้เรามีเวลาและพลังงานไปทำสิ่งที่สำคัญกว่า เช่น การพักผ่อน การทำงาน หรือการใช้เวลากับคนที่รัก ซึ่งการใส่ใจเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ในวันนี้จึงเป็นการลงทุนระยะยาวเพื่อร่างกายและจิตใจของทั้งครอบครัวนะคะ ที่โดยส่วนตัวแล้วผู้เขียนทำความสะอาดบ้านทุกวันค่ะ โดยบางวันก็ทำหลายอย่าง แต่บางวันก็ทำสิ่งที่เป็นพื้นฐานเพื่อให้บ้านสะอาด การเปิดหน้าต่างระบายอากาศทำประจำอยู่ล้วนนะคะ การเพิ่มพื้นที่สีเขียวในบ้าน การจัดการขยะและน้ำเสีย การจัดการกลิ่นไม่พึงประสงค์ต่างๆ เลือกทานอาหารที่สดใหม่ ปรุงอาหารทานเอง ปลูกผักกินเองบางอย่าง เลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตรวจสอบระบบน้ำดื่มละน้ำใช้ในบ้าน สะสางของที่ไม่จำเป็น คัดแยกขยะ เปลี่ยนของใช้ใหม่เมื่อพบว่าสภาพไม่ดี และอื่นๆ อีกหลายอย่างเลยค่ะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านเองก็ควรตะหนักและให้ความสำคัญนะคะ เพราะสิ่งแวดล้อมที่อยู่รอบตัวเราสามารถคุกคามคนเราได้ หากในตอนนั้นมีปัจจัยชักนำมาซึ่งความเจ็บป่วย ดังนั้นแนวทางสุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม จึงเป็นสิ่งที่เราไม่ควรมองข้ามค่ะ เพราะความเจ็บป่วยเกิดขึ้นแล้ว คนอื่นมาเจ็บแทนไม่ได้ หากอยากส่งเสริมด้านสุขอนามัยของเราเอง เราคนแรกต้องเป็นคนเริ่มนะคะ และด้วยความตั้งใจ ผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับผู้อ่านไม่มากก็น้อย หากคุณผู้อ่านชื่นชอบเนื้อหาแนวนี้ อย่าลืมกดติดตามหรือบันทึกโปรไฟล์ไว้ เพื่อจะได้ไม่พลาดข้อมูลใหม่ๆ ในบทความถัดไป หากสนใจอ่านบทความทั้งหมดของผู้เขียน ก็สามารถกดเข้าไปดูได้จากโปรไฟล์เช่นกันค่ะ #วิธีส่งเสริมสุขภาพ #สุขาภิบาลสิ่งแวดล้อม #สุขภาพดีมีชัยไปกว่าครึ่ง #HealthPromotion #Longevity เครดิตรูปภาพประกอบบทความ รูปภาพทำหน้าปก โดย Marymarkevich จาก FREEPIK และออกแบบหน้าปกโดยผู้เขียน ใน Canva รูปภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1-2 โดยผู้เขียน, ภาพที่ 3 โดย Freepik จาก FREEPIK และภาพที่ 4 โดย Benzoix จาก FREEPIK เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การบำบัดน้ำเสียและกำจัดสิ่งปฏิกูล 9 ทริคลดการนั่งนานเกินไป เพื่อส่งเสริมสุขอนามัย ทำยังไงจะดี 10 พฤติกรรมในครัว ทำให้จุลินทรีย์สะสมแบบไม่รู้ตัว ที่ควรรู้! วิธีส่งเสริมการนอนหลับแบบเต็มอิ่ม พักผ่อนให้เพียงพอ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !