เหตุผลในการดื่มกาแฟ ของเราสัมพันธ์กับการนอนค่ะ เนื่องจากเราอยากจะนอนดึกใช่ไหมคะ ก็คิดว่าการดื่มกาแฟสองทุ่ม จะทำให้เราอยู่ได้ถึงเช้าโดยที่ไม่ง่วง และไม่ต้องนอน เรียกได้ว่าโต้รุ่งนั่นแหละ แต่พฤติกรรมแบบนี้คือผิดมากๆ นะคะ เพราะนอกจากเราจะไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มในเวลากลางคืน ตามที่ร่างกายควรได้รับเพื่อพักผ่อนจากความเหนื่อยล้ามาตลอดทั้งวันแล้ว เรายังไปเพิ่มภาระให้ร่างกายโดยการอดนอนหลายชั่วโมง ไปปั่นการบ้าน ปั่นงาน ซึ่งจะต้องใช้สายตาและสมองอย่างหนักหน่วง ทำให้ร่างกายเราสะสมความเหนื่อยเอาไว้ สุขภาพร่างกายก็จะมีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆดังนั้น สำหรับใครที่เป็นสายดื่มกาแฟเพื่อโต้รุ่งเหมือนเรา ควร ‘ปรับเปลี่ยน’ พฤติกรรมดังนี้ค่ะ1. ไม่ดื่มกาแฟเกินสี่โมงเย็นกาแฟที่เราดื่มเข้าไปจะทำให้ไม่ง่วง 4-8 ชม. ดังนั้นหากดื่มเกินเวลาสี่โมง อาจส่งผลให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืนได้ และถึงแม้การโต้รุ่งจะทำให้ให้เราปั่นงานได้ทัน แต่เมื่อกาแฟหมดฤทธิ์ตอนเช้าตรู่ ก็จะทำให้เราอ่อนเพลียจนต้องงีบหลับตอนเช้า ซึ่งนั่นเป็นอุปนิสัยการนอนที่ไม่ดี เพราะเรานอนไม่เป็นเวลาค่ะ ถ้าเป็นไปได้เราควรที่จะนอนหลับตอนกลางคืนในช่วงเวลาสี่ทุ่มถึงตีสอง ซึ่งเป็นเวลาที่ร่างกายซ่อมแซมตัวเองเต็มที่ พอเราตื่นขึ้นมาก็จะได้รู้สึกสดชื่นเสมือนร่างกายได้รีเซ็ทใหม่ และพร้อมที่จะกลับมาทำงานอย่างเต็มที่ทั้งวัน อย่างช่วงนี้เราก็นอนช่วงห้าทุ่ม และตั้งเวลาปลุกตอนตีสาม ก็รู้สึกไม่ได้เพลียมาก และไม่ได้ปวดหัวเหมือนตอนนอนไม่พอด้วยค่ะ 2. ค่อยๆ จิบกาแฟทีละนิด ไม่ดื่มรวดเดียวหมดการจิบกาแฟเข้าไปทีละนิดๆ จะช่วยรักษาระดับคาเฟอีนในร่างกายให้สม่ำเสมอคงที่ อยู่ได้นาน จะทำให้เราไม่ง่วงนานกว่า และยังเป็นการหาอะไรทำ เพื่อให้ร่างกายไม่อยู่นิ่งตลอดเวลา เป็นการเตือนตัวเองว่าเรายังตื่นอยู่นะ ยังมีสติจ้า เพราะเวลาเรานั่งทำงานอยู่เฉยๆ เนี่ย ไม่ว่าจะในห้องแอร์ที่บ้าน หรือว่าที่ทำงาน มันก็มีบ้างที่จะรู้สึกเคลิ้มๆ หลับ เพราะบรรยากาศรอบตัวมันสบาย เบาะก็นุ่ม ซึ่งถ้าเทียบกับการดื่มกาแฟรวดเดียว ระดับคาเฟอีนของเราจะพุ่งสูงปรี๊ดทีเดียวเลย แล้วจะค่อยๆ ลดต่ำลง ซึ่งทำให้เราง่วงเร็วกว่าปกติได้ค่ะ 3. ไม่ดื่มกาแฟที่มีคาเฟอีนเกินกว่า 300 มิลลิกรัมต่อวันเขาว่าไม่ควรดื่มกาแฟเกินสองแก้วต่อวัน แต่นั่นไม่จริงค่ะ เราควรต้องโฟกัสที่ปริมาณคาเฟอีน มากกว่าปริมาณกาแฟที่ดื่มเข้าไป ซึ่งก็แตกต่างกันไปตามประเภทและชนิดกาแฟ ส่วนตัวเราเป็นสายประหยัด และค่อนข้างขี้เกียจออกไปข้างนอก เราเลยเลือกซื้อกาแฟกระป๋องมาตุนที่บ้าน 2-3 กระป๋อง ซึ่งราคาไม่แพงเลยค่ะ ปริมาณคาเฟอีนเฉลี่ยต่อกระป๋องหนึ่งประมาณ 100 กว่าๆ โดยเราจะกินแค่วันละกระป๋อง เพราะแค่นี้ก็อยู่ได้ 8-10 ชม. แล้วค่ะส่วนตัวเรานะ เราแนะนำเป็นเอสเพรซโซ่ ยี่ห้อใดก็ได้ รสชาติจะไม่ขมมาก ดื่มง่ายและอร่อยค่ะ4. เลือกดื่มกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกาแฟที่มีรสหวาน แม้จะให้ปริมาณคาเฟอีนเทียบเท่ากับกาแฟรสไม่หวาน แต่เนื่องจากจะมีน้ำตาลเยอะกว่าเดิม ก็ทำให้ไม่ค่อยดีต่อสุขภาพเราเท่าไรค่ะ การกินของหวานๆ ยังทำให้เราง่วงนอนมากขึ้นไปอีก อาจไปลดประสิทธิภาพการทำงานของคาเฟอีนให้ลดลง และอาจไปเพิ่มปริมาณน้ำตาลต่อวันให้สูงขึ้นอีก เพราะวันหนึ่งเราก็ได้รับน้ำตาลจากข้าว แป้ง ในมื้ออาหารมากเพียงพออยู่แล้ว ไม่ควรไปเพิ่มน้ำตาลให้ร่างกายต้องทำงานหนักอีกค่ะ5. ไม่ดื่มกาแฟตอนท้องว่างจากที่เราหาข้อมูล การดื่มกาแฟตอนท้องว่างจะทำให้ปวดหัว เหนื่อย และอ่อนเพลีย แทนที่จะได้รับประโยชน์ก็จะได้โทษไปแทน แถมพอป่วยไปก็ปั่นงานไม่ทัน งานก็ไม่เสร็จอีก แย่แน่ๆ ค่ะ เราเลยจะไม่ดื่มกาแฟตอนท้องว่างเด็ดขาด กันไว้ดีกว่าแก้ ไม่ลองดื่มแน่นอนเชื่อว่าทุกคนดื่มกาแฟกันทุกวันอยู่แล้ว ดังนั้นการดื่มกาแฟจึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์และโทษที่ได้รับ เลือกดื่มเมื่อเราต้องการความตื่นตัว หรือไม่ให้ง่วงระหว่างวัน ไม่ดื่มเพื่อโต้รุ่งบ่อยๆ ติดต่อกันหลายวันเพื่อปั่นงาน พิจารณาถึงความจำเป็นจริงๆ หากต้องปั่นงานตอนกลางคืน อาจจะเลือกดื่มกาแฟตอนเช้าตรู่แทนไหม ตอนกลางคืนก็นอนภายในช่วงที่ร่างกายต้องการพักก็ได้ ดังนั้นจึงควรปรับให้สมดุลและเหมาะสมจริงๆ กับไลฟ์สไตล์แต่ละคน หากใครยังมีพฤติกรรมดื่มกาแฟแบบผิดๆ ก็ขอให้ปรับเปลี่ยน เพื่อสุขภาพกายและใจที่ดียิ่งขึ้นค่ะเครดิต ภาพปก โดย arifarca 1 โดย Aphiwat chuangchoem 2 โดย StockSnap3 4 โดย ผู้เขียนอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้