สวัสดีค่ะ เพื่อนๆชาวทรูไอดี วันนี้ NuvOHeritage อยากมาแบ่งปันประสบการณ์กับเพื่อนๆ แค่เพียงปรับพฤติกรรมบางอย่างสักนิด เราก็สามารถพิชิตน้ำหนักส่วนเกินได้ค่ะ เป็นเกร็ดเล็กๆน้อยๆเผื่อว่าเราไม่ได้ใส่ใจ แต่เป็นเรื่องที่เราสามารถปรับหรือเปลี่ยนแปลงได้ค่ะ ไม่แน่ถ้าเราลองปรับ อาจจะได้พบมิติใหม่ของรูปร่างของเราก็ได้นะคะ สำหรับผู้เขียนก็สามารถลดน้ำหนักไปได้หลายกิโลเลยค่ะ เพียงแค่หันมาใส่ใจกับเรื่องเล็กๆน้อยๆมากขึ้นอีกนิดเท่านั้นเองแต่ขอบอกก่อนนะคะว่าอาจจะไม่ได้ผลกับคนทุกคน เพราะเราทุกคนก็มีปัจจัยต่างกัน พฤติกรรมการรับประทาน การออกกำลังกาย การทำงานภาระหน้าที่ต่างกัน การพักผ่อนก็ต่างกัน ถือว่าอยากมาแบ่งปันแลกเปลี่ยนประสบการณ์กับทุกคนแล้วกันค่ะ บางท่านอาจทำแล้วได้ผล แต่บางท่านอาจจะไม่ได้ผลก็ได้ บางคนออกกำลังกายน้ำหนักก็ลดได้ อย่างผู้เขียนน้ำหนักก็ลดนะคะ ถ้าออกกำลังกาย แต่การออกกำลังกายก็ทำให้เหนื่อยแล้วก็หิว ทำให้ต้องกลับมารับประทาน น้ำหนักที่ลดก็เลยเหมือนไม่ได้ลดน่ะค่ะ เดี๋ยวเล่าให้ฟังอีกทีละกันนะคะ มาลองอ่านกันดูค่ะ ว่าเรื่องที่ให้เรามาลองปรับมีอะไรบ้าง 1.การเคี้ยวอาหารจากการสังเกตเห็นคนที่มีรูปร่างผอม (อาจจะไม่ทุกคนนะคะ) เวลาที่รับประทานอาหาร มักจะรับประทานอาหารเสร็จช้ากว่าคนอ้วน (สังเกตว่าคนอ้วนทานเร็ว) เหตุผลที่เป็นเช่นนั้น เพราะว่าคนอ้วนมักจะไม่ได้เคี้ยวอาหารให้ละเอียด อาจจะเพราะเร่งรีบรับประทานอาหารให้เสร็จ หรือขาดความใส่ใจในการเคี้ยวอาหาร สังเกตว่าคนอ้วนมักจะทานไวแต่ไม่อิ่มและตักเพิ่ม เติมอาหาร นั่นเป็นเพราะว่าการรับประทานอาหารแล้วไม่ใช้เวลาเคี้ยวอาหารให้ละเอียด ทำให้กว่าจะไปถึงกระเพาะ ระบบย่อยต้องใช้เวลานาน ความรู้สึกอิ่มจึงมาช้ากว่า เราลองมาทานอาหารให้ช้าลงเคี้ยวอาหารให้ละเอียดขึ้น ในปริมาณเท่าคนปกติกันดูค่ะ ที่เคยต้องเติมอาหารเพราะไม่อิ่มจะลดลงค่ะ และเมื่อใช้เวลาในการเคี้ยวอาหารให้นานขึ้น ระบบย่อยอาหารก็จะดี ทำให้ขับของเสียออกมาได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ ลองสังเกต ลองทำดูนะคะ 2.การนอนหลับปกติเราควรนอนหลับพักผ่อนให้ได้วันละ 6-8 ชั่วโมง หรือบางคนอาจจะถึง 10 ชั่วโมง (อันนี้ก็ไม่แน่ใจนะคะว่าเยอะไปไหม) แต่สิ่งที่ค้นพบจากการใช้เวลาในการพักผ่อนนอนหลับไป พบว่าน้ำหนักสามารถลดได้ค่ะ น่าจะเป็นเพราะเวลาที่เราหลับไป อวัยวะในร่างกายได้ดึงสารอาหารมาใช้ ในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และใช้เผาผลาญส่วนเกิน ดึงไขมันมาใช้ทดแทนอาหารที่เราไม่ได้รับประทานในช่วงที่กำลังพักผ่อนนอนหลับ สังเกตง่ายๆ ถ้าเรานอนนานๆ ตื่นขึ้นมานิ้วมือของเราจะผอมแห้งลงเนื่องจากมีการดึงน้ำในร่างกายไปใช้ แต่สำหรับตัวผู้เขียนบางครั้งการอดนอนหรือนอนดึกและตื่นเช้าก็ทำให้น้ำหนักลดได้นะคะ แต่ไม่แนะนำค่ะ แนะนำให้ใช้เวลานอนหลับพักผ่อนให้เต็มที่ตามที่สมควรทำดีกว่าค่ะ 3.การออกกำลังกายจากประสบการณ์ของผู้เขียนนะคะ เคยใช้เวลาว่ายน้ำ หรือ เล่นเครื่องเล่นในฟิตเนส (ลู่วิ่ง ปั่นจักรยาน ฯลฯ) ใช้เวลา 1 ชั่วโมง จะลดน้ำหนักได้ 1 กิโลกรัมค่ะ แต่เนื่องจากเราจะใช้เวลาออกกำลังกาย หลังเลิกเรียน หรือหลังเลิกงาน ก่อนรับประทานอาหารเย็น ความรู้สึกหิวโหยก็จะตามมมาค่ะ บางคนอาจจดื่มน้ำระหว่างพักในช่วงเวลาออกกำลังกาย หรือหาผลไม้ที่ไม่มีน้ำตาลสูงมารับประทานเพื่อลดอาการหิวนะคะ และหลังออกกำลังกายก็ไม่ได้กลับไปทานอาหารเย็นทำให้ลดน้ำหนักได้ผล ก็อยากจะบอกว่าการออกกำลังกายเป็นสิ่งที่ดี เป็นสิ่งที่ถูกต้อง ที่ควรทำ บางคนอาจจะหาธัญพืชหรือโปรตีนมาทานเพื่อให้อิ่มท้องหลังจากที่ออกกำลังกาย และน้ำหนักไม่เพิ่ม ก็เป็นปัจจัยของแต่ละบุคคลค่ะ ส่วนตัวผู้เขียนก็ตามที่เล่านะคะ หลังจากออกกำลังกาย น้ำหนักลด แล้วหิวก็ไปรับประทาน ยิ่งถ้าได้กลับไปรับประทานอาหารช้า ยิ่งจะรับประทานมากกว่าปกติ ทำให้น้ำหนักไม่ลดหรืออาจจะเพิ่มขึ้นอีกค่ะ เราอาจจะต้องเลือกเวลาที่เหมาะสมในการออกกำลังกาย และเวลาการรับประทานอาหาร และ โดยการเลือกอาหารรับประทานก็สำคัญค่ะ 4.การใช้ชีวิตประจำวันเราสามารถเอาท่าทางในชีวิตประจำวันมาออกกำลังกายได้นะคะ เหมือนที่เคยมีโฆษณาว่าแค่เหวี่ยงแขนวันละ 30 ครั้ง ก็สามารถลดขนาดรอบเอวได้แล้ว การเดินขึ้้นบันไดแทนการใช้ลิฟท์ การทำงานบ้านก็สามารถเป็นการออกกำลังกายได้นะคะ (แพทย์บางท่านบอกว่าการทำงานบ้านไม่ถือเป็นการออกกำลังกาย อันนี้ก็แล้วแต่มุมมองของใครนะคะ) ตัวผู้เขียน เคยเข้ารับการอบรมเรื่องการดูแลสุขภาพ ไขมัน หัวใจ ผู้บรรยายเขานำมิวสิควิดีโอเพลง T26 โบก โบ๊ก โบก มาแนะนำ รู้สึกว่าชอบมาก เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์ที่ได้รับให้กับเพื่อนๆไปลองทำดูนะคะ เผื่อจะได้รับประโยชน์ ได้ออกกำลังกายกันบ้างค่ะ เพื่อสุขภาพของเราทุกคนนะคะ (นี่ดูมิวสิคไปก็ทำตามด้วย สนุกดีค่ะ ได้ออกกำลังกายไปด้วยเลย อิอิ) เพลง T26 โบกโบ๊กโบก (Ost.ป้าแฮปปี้ She ท่าเยอะ) - M39MovieClub 5. การฟังเพลงหลังจากข้อที่แล้ว ผู้เขียนก็นึกขึ้นมาได้ค่ะ ว่า การฟังเพลงก็ช่วยลดน้ำหนักได้ค่ะ ปกติในวันหยุด ถ้าเราอยู่บ้านเฉยๆดูรายการทีวี ดูรายการละคร เราอาจจะมีความอยากรับประทานอาหาร ไม่ว่าจะเป็นของขบเคี้ยวต่างๆระหว่างดูทีวี หรือน้ำหวาน น้ำอัดลม (อ่าวนี่มันชวนกันอ้วนนี่ 555) หรือดูรายการชวนทำอาหารหรือไปชิมร้านอร่อย นี่ก็จะทำให้เราเกิดความอยากจะรับประทานอาหารเพิ่มขึ้นอีกค่ะ ถ้าเราเปลี่ยนมาเป็นการทำเพลย์ลิสต์ เพลงสนุกๆที่ทำให้รู้สึกอยากจะเต้นขึ้นมาล่ะค่ะ จัดไว้สัก 5 - 10 เพลง ระหว่างที่ฟังเพลงสนุกๆเหล่านี้ ความรู้สึกอยากจะเต้น ออกสเต็ป การโยกก็ตามมา เท่านี้ การฟังเพลงก็สามารถช่วยเราลดน้ำหนักได้แล้วค่ะ ออกกำลังกายเฉยๆ อาจจะไม่สนุก แต่ถ้ามีเพลงสนุกๆฟัง การออกกำลังกายก็จะไม่ใช่เรื่องที่น่าเบื่ออีกต่อไปค่ะ ผู้เขียนมีเพลงไพเราะ สนุกๆ แนะนำไปลองฟังกันค่ะ เพลงสนุกพร้อมท่าเต้นฮิต กดตามลิงค์ จัดไปๆค่ะ ฟังแล้วได้ประโยชน์ค่ะ เต้นไปค่ะ อิอิ ช่วยสลายไขมัน อารมณ์ดีด้วยนะคะ6.การชั่งน้ำหนักผู้เขียนมักจะชั่งน้ำหนักทุกวันนะคะ เพราะในแต่ละวันเราอาจจะรับประทานอาหาร และ ใช้พลังงานเผาผลาญได้ไม่เท่ากัน การชั่งน้ำหนักก็จะช่วยบอกเราได้ว่าช่วงนี้ เราทานมากเกินไป ใช้พลังงานน้อยเกินไปหรือไม่ และหันมาใส่ใจสุขภาพของเรามากขึ้น ถ้าน้ำหนักเริ่มขึ้นจะได้ลดลง ไม่ทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นไปอีกค่ะ ถ้าเราไม่ค่อยได้ชั่งน้ำหนัก เราก็จะปล่อยตามสบาย ขาดวินัยในการดูแลสุขภาพ มาชั่งอีกทีน้ำหนักขึ้นไป 4 - 5 กิโลกรัม กว่าจะลดก็จะยิ่งยากขึ้นไปอีกค่ะ แต่บางท่านอาจจะชั่งสัปดาห์ละครั้ง เดือนละครั้ง หรือบางท่านอาจจะไม่ชั่งน้ำหนัก อาศัยดูจากเสื้อผ้าที่สวมใส่ถ้าคับขึ้นค่อยมาลดน้ำหนัก ก็แล้วแต่ความคิดความสะดวกของแต่ละบุคคลค่ะ สำหรับผู้เขียนคิดว่าการชั่งน้ำหนักมีประโยชน์มากค่ะ ทำให้ควบคุมและลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นค่ะ เราลองเริ่มมาสนใจในการชั่งน้ำหนักกันนะคะ แล้วจะพบว่าการชั่งน้ำหนักมีประโยชน์ในการควบคุมน้ำหนักค่ะ แต่อย่าชั่งบ่อยเกินไปจนกลายเป็นความเครียดนะคะ น้ำหนักขึ้นขีด2ขีดหรือครึ่งกิโลก็ชั่งอยู่นั่น จะเกิดความเครียดโดยไม่จำเป็น เพราะแต่ละวันที่เรารับประทานอาหารเข้าไป น้ำหนักก็ต้องเพิ่มขึ้นอยู่แล้ว แนะนำให้ชั่งตอนเช้าค่ะ จะได้มีกำลังใจ ร่างกายได้ผ่านการเผาผลาญมาแล้ว น้ำหนักจะเพิ่มหรือลดก็ดูได้จากช่วงนี้ล่ะค่ะ ถ้าข้ามคืนมาน้ำหนักขึ้นแสดงว่าเมื่อวานเรารับประทานอาหารมากเกินไป โดยไม่ได้ใช้พลังงานหรือใช้พลังงานน้อยไม่เหมาะสมกับปริมาณอาหารที่รับประทานเข้าไปค่ะ 7.การรับประทานอาหารบุฟเฟต์เปล่าค่ะเปล่า คิดว่าผู้เขียนกำลังจะห้ามรับประทานอาหารบุฟเฟต์ใช่ไหมคะ ไม่ใช่ค่ะ จากประสบการณ์ของผู้เขียนพบว่า การรับประทานอาหารแบบบุฟเฟต์ไม่ได้ทำให้น้ำหนักของเราขึ้นเสมอไปค่ะ ตัวผู้เขียนก็ชอบทานอาหารบุฟเฟต์และเขียนบทความไว้หลายร้านนคะ เช่น DOOKKI TOPOKKI, ร้านสุกี้ตี๋น้อยบุฟเฟต์ , คิงคอง ยากินิกุ บุฟเฟต์ และ เซ็นจู ชาบูแอนด์ซูชิ พรีเมียม บุฟเฟต์ และล่าสุด ชาบูเห็นหมี สาขาใหม่ Max Valu นวมินทร์ เพียงแต่เราจะต้องมีวิธีการจัดสรร วางแแผนระบบการรับประทานอาหารให้เหมาะสมค่ะ เช่น ถ้าพรุ่งนี้ตั้งใจจะไปทานอาหารบุฟเฟต์ มื้อเย็นวันก่อนหน้าก็อย่าทานอาหารให้มากเกินไป (จะได้ทานบุฟเฟต์ให้คุ้มๆ แฮ่! ไม่ใช่ค่ะจะได้ไม่มีน้ำหนักส่วนเกินสะสมก่อนไปทานบุฟเฟต์) และถ้าเลือกได้ให้ทานบุฟเฟต์เป็นมื้อเที่ยงหรือบ่ายหนึ่ง บ่ายสองนะคะ ส่วนมื้อเช้าของวันที่จะไปทานบุฟเฟต์แนะนำให้ทานอาหารน้อยๆเบาๆ เราจะได้มีพื้นที่กระเพาะทานบุฟเฟต์ได้เต็มที่ ไม่งั้นจะทานบุฟเฟต์อิ่มเร็วแล้วมาหิวตอนเย็นค่ะ เมื่อเราอิ่มอาหารบุฟเฟต์แล้ว มื้อเย็นก็ไม่จำเป็นต้องทานนะคะ เพราะเราจะยังอิ่มอยู่ค่ะ แต่ถ้าหิวจริงๆ ก็ดื่มน้ำ หรือทานผลไม้ เช่นแอปเปิ้ล ชมพู่ หรือ ฝรั่ง รองท้องแทนการอาหารมื้อเย็น อย่าทานผลไม้ประเภทส้มนะคะเพราะจะกัดกระเพาะทำให้หิวขึ้นมาอีก ข้อสำคัญคือการเลือกรับประทานอาหารบุฟเฟต์ค่ะ ถ้าเลือกได้ ควรเลี่ยงการรับประทานอาหารประเภทของทอด ของมันและพวกแป้งที่มีคาร์โบไฮเดรตเยอะๆนะคะ เพราะสังเกตว่าวันไหนไปทานบุฟเฟต์แล้วทานของทอดเยอะ น้ำหนักจะขึ้นค่ะ แต่ถ้าทานพวกเนื้อสัตว์ ผัก ผลไม้ และไม่ดื่มน้ำในปริมาณที่มากจนเกินไป น้ำหนักก็ไม่ขึ้นค่ะ ลองสังเกตลองชั่งน้ำหนักหลังวันไปรับประทานบุฟเฟต์กันดูค่ะ เปรียบเทียบ อาหารที่เราเลือกรับประทาน ว่ามีผลให้น้ำหนักขึ้นหรือไม่ เมื่อเรารับประทานบุฟเฟต์ในปริมาณที่อิ่มพอๆกันค่ะ ลองสังเกตแล้วปรับการรับประทานดูนะคะ อีกอย่างถ้าทานบุฟเฟต์แล้วใช้เวลาไปเดินย่อยอาหารหรือไปเดินทำธุระ เดินช้อปปิ้งก็ได้ค่ะ ให้ร่างกายได้เผาผลาญพลังงานที่สะสมมมา การทานบุฟเฟต์จะไม่มีผลทำให้น้ำหนักขึ้นแน่ๆค่ะ 8.Intermittent Fasting (IF) การอดอาหารเป็นช่วงๆเนื่องจากผู้เขียนมีปัญหาเรื่องปวดเข่าเพราะร่างกายมีน้ำหนักส่วนเกิน จึงไปปรึกษาแพทย์ ทางคุณหมอได้ให้คำแนะนำว่าให้ลองลดน้ำหนักอาการปวดเข่าจะดีขึ้นค่ะ โดยหนึ่งในวิธีการลดน้ำหนักที่คุณหมอได้แนะนำคือการทำ IF ทางผู้เขียนจะไม่ลงรายละเอียดแนววิชาการนะคะ เชื่อว่าทุกคนสามารถหาข้อมูลได้ แต่จะขอแชร์ประสบการณ์ความรู้ของวิธีการทำ IF แบบประยุกต์ในแบบฉบับของตัวเองที่ได้ลองทำนะคะ นั่นคือ การเปลี่ยนจากการรับประทานอาหารวันละ 3 มื้อ มาเป็นวันละ 2 มื้อ โดยได้รวบอาหารมื้อเช้ากับกลางวันมาทานเพียงมื้อเดียว ที่ภาษาอังกฤษเรียกว่า Brunch น่ะค่ะ เปลี่ยนจากการทานมื้อเช้าหกโมงครึ่ง มื้อกลางวันตอนช่วงเที่ยงมาทานมื้อเดียวประมาณ 9 โมงหรือ 10 โมง แต่ทานในปริมาณที่อิ่มเสมือนอาหารจานเดียวหนึ่งจานนะคะ ที่เลือกช่วงเวลานี้ เพราะตอนเช้าตื่นมาเราจะยังไม่รู้สึกหิวนะคะ และพอรับประทานช่วงเวลานี้ ช่วงเที่ยงถึงบ่ายเราก็จะยังไม่หิวค่ะ แต่ถ้าเกิดหิวจริงๆ แค่ดื่มนมสักกล่องหรือทานแอปเปิ้ลสักผลก็จะไม่หิวแล้วค่ะ สำหรับบางท่านอาจจะไม่สะดวกที่จะทำเช่นนี้ก็คงต้องปรับ หาเวลาการรับประทานที่เหมาะกับกิจวัตรประจำวันของตนเองนะคะ และทางผู้เขียนก็ไม่ได้ทำ IF ตลอดนะคะ เช่นวันไหนที่ตื่นเช้ามารู้สึกหิว ก็สามารถทานอาหาร 3 มื้อได้ปกติ โดยที่น้ำหนักจะยังไม่เพิ่มขึ้นค่ะ ถ้าเราไม่ได้ทานทั้ง 3 มื้อในปริมาณที่มากเกินกว่าพลังงานที่เราใช้ไปและยังมีอีกวิธีที่คุณหมออีกท่านที่สนใจเรื่องการลดน้ำหนัก คือการแบ่งย่อยมื้ออาหารออกเป็น 5 หรือ 6 มื้อ โดยแต่ละมื้อจะไม่ได้ทานอาหารในปริมาณที่เยอะนะคะ แต่ช่วยประทังความหิวได้ เช่น ในบางมื้ออาจจะทานเป็นผลไม้อย่างเดียว บางมื้อทานแค่อกไก่ต้มหรือไข่ต้ม อันนี้ก็แล้วแต่แนวความถนัดส่วนบุคคลของเรานะคะ แต่น่าจะยุ่งยากกว่าวิธีแรก จริงๆ IF นั้นมีหลายแบบ เราควรเลือกแบบที่เหมาะสมกับกิจวัตรประจำวันของเรา แบบที่เราสะดวกและมีวินัยที่สามารถทำได้ แต่ถ้าไม่สะดวกและไม่ชอบการอดอาหารก็อาจจะไม่ทำ IF แต่ปรับเป็นการลดปริมาณอาหารในแต่ละมื้อให้น้อยลงกว่าที่เคยทานเป็นประจำเท่าที่สามารถทำได้ก็ได้ค่ะ ค่อยๆลดปริมาณลงมา เราก็จะสามารถลดน้ำหนักได้ค่ะ สิ่งที่ต้องคำนึงถึงคืออาหารที่เราเลือกทาน อย่างผู้เขียนที่น้ำหนักขึ้นเพราะมักจะทานข้าวเยอะก็จะลดปริมาณข้าวในแต่ละมื้อทีละนิดก็ช่วยได้ค่ะ หรือใครที่ชอบทานของทอดลองเปลี่ยนเป็นทานแบบนึ่งหรือต้มก็ช่วยได้ค่ะ แต่ถ้าใครจะใช้วิธี IF แนะนำว่าควรปรึกษาแพทย์นะคะ เพื่อจะทำให้ถูกต้องไม่มีผลกระทบผลเสียต่อสุขภาพค่ะ เป็นยังไงคะ หวังว่าการแบ่งปันประสบการณ์ครั้งนี้ คงพอมีประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างนะคะ แค่เพียงเราลองปรับสักนิด ก็จะพิชิตน้ำหนักส่วนเกินของเราบ้างได้แล้ว ถ้าหลายคนสนใจผู้เขียนอาจจะมาแชร์ประสบการณ์อื่นๆเพิ่มเติม เพื่อเป็นทางเลือกในการปรับเปลี่ยนกิจวัตรของแต่ละคนเพื่อควบคุมน้ำหนัก ให้เราทุกคนมีสุขภาพแข็งแรง ห่างไกลจากโรค NCDs ด้วยค่ะขอขอบคุณเพื่อนๆชาวทรูไอดีที่น่ารักที่เข้ามาอ่านกันนะคะ NuvOHeritage ยังมีบทความให้ไปลองอ่านกันได้นะคะ ท่านใดที่ไม่กลัวอ้วน เราขอชวนมาหิวกันทางนี้ค่ะ นอกจากร้านบุฟเฟต์ เช่น DOOKKI TOPOKKI, ร้านสุกี้ตี๋น้อยบุฟเฟต์ , คิงคอง ยากินิกุ บุฟเฟต์ , เซ็นจู ชาบูแอนด์ซูชิ พรีเมียม บุฟเฟต์ และชาบูเห็นหมี สาขาใหม่ Max Valu นวมินทร์ ที่กล่าาวไปแล้ว ยังมีของอร่อยให้เอ็นจอยอีกหลายร้านตามไปค่ะ มีร้านชานม 2 ร้าน คือ ร้าน ONE ZO และ ร้าน Bear House ร้านกาแฟ สตาร์บัคส์ และร้านขนมและชานมล่าสุด Bunny Shake สาขารามอินทรา 109 หรือจะทานไอศครีมแนะนำ The Sweet Chaos พรีเมียม เจลาโต้ นะคะ สนใจติดตามอ่านกันได้ตามลิงค์ชื่อไปได้เลยค่ะสำหรับบทความล่าสุด ของ NuvOHeritage เป็นซีรีส์และเพลงนะคะ ก็มี สร้างพลังบวกผ่านซีรีส์ Mental Coach Jegal , รวมผลงานเด่น The Voice All Stars รอบBattle, 5 ดาวเด่น ตัวเต็งลุ้นแชมป์ The Voice All Stars และล่าสุดๆ รวมดาวเด่น The Voice All Stars รอบ Semi Final และร้านอาหารญี่ปุ่นที่คงทานไม่อ้วน (ถ้าไม่ทานเยอะเกินไปนะคะ อิอิ) SUSHiPLUS ร้านซูชิสายพาน เปิดใหม่ ที่แฟชั่นไอส์แลนด์ ช่วยอ่านเป็นกำลังใจให้ผู้เขียนได้นะคะขอบคุณผู้อ่านชาวทรูไอดีที่น่ารักทุกท่านสำหรับการติดตามนะคะเครดิต ขอขอบคุณมิวสิควิดีโอจากเว็บไซต์ www.youtube.com และ M39MovieClub ด้วยนะคะขอขอบคุณ เพลง T26 โบกโบ๊กโบก (Ost.ป้าแฮปปี้ She ท่าเยอะ) - M39MovieClub สำหรับภาพประกอบบทความ เป็นภาพของผู้เขียนวาดและออกแบบเองค่ะ #ปรับปรุง #น้ำหนัก #ควบคุมน้ำหนัก #สุขภาพ #ความอ้วน #กินบุฟเฟต์ #ปรับพฤติกรรม #ลด อยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้