สวัสดีครับผม WhiteRoom505 วันนี้ผมจะมาพูดถึงเรื่อง"โรคซึมเศร้า" ที่ผมต้องมาพูดถึงโรคนี้ก็เพราะว่าตั้งแต่ช่วงโควิด-19 เข้ามามีบทบาทในชีวิตของเราตั้งแต่เมื่อ2-3ปีก่อนมันทำให้คนรอบตัวของผมเริ่มที่จะมีอาการเป็นโรคซึมเศร้ากันมากขึ้นเรื่อยๆ จนบางทีผมเผลอไปพูดอะไรสักอย่างที่ถึงแม้ผมจะไม่ได้คิดมากอะไร แต่อีกฝ่ายเขาอาจจะนำไปคิดแล้วมันอาจจะไปกระตุ้นปมบางอย่างข้างในจิตใจเขาก็ได้ จนบางครั้งพอเราพูดคุยกันไปมาอยู่ๆเพื่อนผมมันก็ดูซึมๆไปแล้วอยู่ๆก็เงียบไปดื้อๆเลย มันเลยทำให้ผมเริ่มฉุกคิดถึงเรื่องของภัยร้ายใกล้ตัวที่เรียกกันว่า"ความกดดันและความเครียด" ซึ่งสองสิ่งนี้มันได้ทำให้คนมากมายต้องกลายมาเป็นโรคซึมเศร้ากันนักต่อนักแล้ว พอผมนึกถึงเรื่องของโรคซึมเศร้าเลยลองถามเพื่อนมันดู มันก็บอกประมาณว่าน่าจะใช่ พอกลับบ้านมันก็ได้ให้แม่พาไปหาหมอ ซึ่งผลปรากฏว่ามันเป็นจริงๆแต่โชคดีที่ว่ามันยังเป็นแค่ช่วงต้นๆของโรคซึมเศร้า ยังไม่ได้เป็นมากมายถึงขนาดทำร้ายร่างกายตัวเอง แต่ถึงกระนั้นมันก็ยังเคยคิดว่าไม่อยากมีชีวิตอยู่หรือไม่ก็อยากเดินให้รถชน ซึ่งเรื่องอะไรพวกนี้ถ้าหากเราไม่สังเกตดีๆก็แทบจะไม่รู้ตัวเลยว่าคนรอบๆตัวเราที่กำลังตกอยู่ในสภาะของความกดดันและความเครียดได้เพราะฉะนั้นในบทความนี้ผมจะมาบอกถึงอาการที่พอจะบ่งบอกว่าบุคคลคนนั้นอาจมีโอกาสเสี่ยงในการเป็น"โรคซึมเศร้า" ได้1. ทางด้านอารมณ์ จะสังเกตได้ว่าคนที่มีโอกาสเสี่ยงเป็น"โรคซึมเศร้า" จะมีลักษณะอาการที่ หงุดหงิดง่าย ใจลอย ไม่ค่อยมีสมาธิ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลยวันๆก็ได้แต่นั่งนิ่งๆหรืออาจจะเล่นแต่โทรศัพท์ทั้งวันเพื่อให้แต่ละวันมันผ่านพ้นไปโดยที่ไม่ทำอะไรเลย2. ทางด้านความคิดหรือจิตใจอีกหนึ่งลักษณะอาการของผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงเป็น"โรคซึมเศร้า" นั้นคือการที่นอนไม่ค่อยหลับ หรือ นอนไม่หลับเลย แต่อีกจำพวกหนึ่งก็นอนหลับเร็วกว่าปกติหรือหลับลึกกว่าปกติ คนกลุ่มนี้มักจะมีเรื่องเครียดๆในหัว มักจะนึกอะไรซ้ำๆวนไปวนมาในหัวอยู่ตลอดเวลาและเรื่องพวกนั้นมักจะเป็นเรื่องไม่ดีอย่างเรื่องที่โดนด่าโดนว่า หรือ โดนคนอื่นหัวเราะเยาะ คนกลุ่มนี้มักจะเก็บมาคิดเล็กคิดน้อย จนทำให้จิตใจของตัวเองค่อยๆแย่ลงเรื่อยๆ จนเป็นสาเหตุให้บางทีนอนไม่หลับ3.ทางด้านพฤติกรรม สำหรับคนที่มีลักษณะอาการนี้ ส่วนใหญ่แล้วจะเริ่มรู้สึกเบื่อหน่ายทุกสิ่งทุกอย่าง ไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลย แค่จะเล่นโทรศัพท์ยังไม่อยากเล่นเลยด้วยซ้ำ จนกระทั่งมันลามมาถึงเรื่องในชีวิตประจำวัน อย่างการทานอาหาร การออกกำลังกาย การทำความสะอาดบ้าน หรืองานบ้านต่างๆ รู้สึกไม่มีกะจิตกะใจแม้แต่จะลุกขึ้นจากเตียงนอนหรือความรู้สึกที่อยากจะนอน จนกระทั่งมันมาถึงขั้นสุดท้ายนั้นก็คือ ขั้นสุดท้าย คือ คิดไม่อยากมีชีวิตอยู่สำหรับคนกลุ่มสุดท้ายคือกลุ่มคนที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็น"โรคซึมเศร้า"แล้วก็ว่าได้คนกลุ่มนี้มักเริ่มที่จะทำร้ายร่างกายตัวเอง หรือ การพยายามจะคิดสั้น ซึ่งมันเป็นพฤติกรรมในขั้นที่มีความอันตรายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าใครก็ตามที่เคยคิดหรือตอนนี้ก็ยังคิดอยากจะตายอยู่ละก็ ผมแนะนำให้รีบพบแพทย์โดยด่วนเพราะมันพอจะมีทางรักษาให้หายขาดได้อยู่นะครับ หรือ ไม่บางคนอาจจะไม่หายขาด แต่ผมเชื่อว่าสักวันมันจะดีขึ้นเองครับในส่วนสุดท้ายนี้ ผมอยากจะให้กำลังใจสำหรับทุกๆท่านที่กำลังเหนื่อย เครียด หรือกดดันกับเรื่องราวในชีวิตต่างๆ ไม่ว่าจะหนี้สิน เรื่องที่ทำงาน หรืออะไรก็ตามแต่ ทุกๆอย่างมันมักจะมีทางออกอยู่เสมอครับ อย่าพึ่งยอมแพ้กับโชคชะตาแล้วคิดที่จะจากโลกนี้ไปเลยนะครับ ผมอยากให้คุณนึกถึงคนสำคัญรอบๆตัวของพวกคุณเองเพื่อเป็นกำลังใจว่ายังไงตัวเองก็ต้องก้าวเดินต่อไปให้ได้ หรือ ถ้าหากคนรอบๆตัวคุณไม่มีเหลืออยู่จริงๆ ผมแนะนำให้ลองมองย้อนกลับไปหาอดีตเมื่อครั้งเยาว์วัยว่าตอนนั้นคุณมีความสุขแค่ไหนหรือตอนนั้นคุณเคยมีความฝันว่าอยากจะทำอะไร เรื่องในอดีตมันมักสวยงามเสมอถึงแม้มันอาจจะมีเรื่องแย่ๆอยู่บ้าง แต่ยังไงผมก็อยากจะให้พวกคุณทุกคนที่อ่านบทความนี้อยู่ ผมอยากให้พวกคุณมองข้ามปัญหาพวกนั้นแล้วหันมาสนใจสิ่งสำคัญเพื่อที่สิ่งเหล่านั้นจะช่วยเป็นกำลังใจให้พวกคุณทุกคนสามารถก้าวเดินต่อไปได้นะครับ สู้ๆครับทุกคนๆ!!!เครดิตภาพ:ภาพหน้าปกโดยผมเอง WhiteRoom505รูปภาพที่1รูปภาพที่2รูปภาพที่3รูปภาพที่4🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”