ภาพประกอบปกบทความจาก Unsplash เมื่อเรามีอาการเป็นหวัดคัดจมูกน้ำมูกไหล หรือผื่นคันขึ้นตามตัว หนึ่งในยาที่เราจะมองมาเพื่อใช้ในการบรรเทาอาการเหล่านี้ก็คือ “ยาแก้แพ้” นั่นเอง แต่เวลาที่ไปซื้อยาหรือไปหาหมอที่โรงพยาบาล คุณหมอหรือเภสัชกรก็จะอาจจะบอกว่ายาแก้แพ้ตัวนี้กินแล้วง่วงนะ หรือ ยาแก้แพ้ตัวนี้ไม่ทำให้ง่วง จนหลายคนอาจจะสงสัยว่า เอ๊ะ ! ทำไมยาแก้แพ้ถึงมี 2 แบบ คือ “แบบกินแล้วง่วงนอน” กับแบบที่ “กินแล้วไม่ง่วงนอน” มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กันในบทความนี้กันค่ะ ภาพประกอบวาดโดยผู้เขียน ทำไมยาแก้แพ้ถึงมี 2 แบบ ? การที่ยาแก้แพ้ที่มีใช้กันอยู่ในปัจจุบันแบ่งเป็นแบบกินแล้วง่วง และกินแล้วไม่ง่วงนั้น เป็นเพราะเดิมทีในขั้นตอนการคิดค้นยาแก้แพ้ขึ้นมาเป็นครั้งแรก โครงสร้างยาแก้แพ้ที่กินแล้วง่วงถูกคิดค้นขึ้นมาจนสำเร็จออกมาเป็นยาได้ก่อน และภายหลังจึงได้มีการคิดค้นโครงสร้างยาที่กินแล้วไม่ง่วงตามมา ซึ่งหลังจากที่โครงสร้างสารที่ทำเป็นยาแก้แพ้ชนิดกินแล้วไม่ง่วงถูกผลิตออกมาเป็นยาได้สำเร็จ จึงทำให้ยาแก้แพ้ถูกแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม คือยาแก้แพ้รุ่นแรก หรือ รุ่นเก่า ที่กินแล้วทำให้ง่วง กับยาแก้แพ้รุ่นที่สอง หรือ รุ่นใหม่ ที่กินแล้วไม่ทำให้ง่วงนั่นเอง ภาพประกอบวาดโดยผู้เขียน ทำไมยาแก้แพ้รุ่นเก่าถึงกินแล้วง่วง ? สาเหตุที่เรากินยาแก้แพ้รุ่นเก่าอย่างเช่น CPM หรือยาแก้แพ้เม็ดสีเหลืองที่เป็นยาสามัญประจำบ้านมีจำหน่ายทั่วไปแล้วทำให้รู้สึกง่วงนอนนั้น เป็นเพราะว่าโครงสร้างของยาแก้แพ้รุ่นเก่าสามารถเดินทางผ่านเข้าไปยังสมองของเราแล้วไปออกฤทธิ์จับกับตัวรับในสมอง จึงทำให้เกิดการง่วงนอนตามมาได้ ขณะที่ยาแก้แพ้รุ่นใหม่จะถูกดัดแปลงโครงสร้างไปจึงไม่สามารถเข้าสู่สมองแล้วทำให้ง่วงนอนได้นั่นเอง หรือยาแก้แพ้รุ่นใหม่บางชนิดที่ผ่านเข้าสมองได้ก็จริง แต่ด้วยโครงสร้างที่ถูกออกแบบใหม่ทำให้ยาถูกขับออกมาจากสมองได้ จึงกินแล้วไม่ทำให้ง่วงนอนเช่นกัน ภาพประกอบวาดโดยผู้เขียน แล้วควรเลือกกินยาแก้แพ้แบบไหนดี ? ถ้าพูดเรื่องของประสิทธิภาพในการลดการภูมิแพ้ของยาแก้แพ้ทั้งสองกลุ่มนั้นจริง ๆ แล้วไม่ค่อยแตกต่างกันเท่าไรนัก อาจจะแตกต่างกันได้บ้างในเรื่องของระยะเวลาการออกฤทธิ์ แต่ถ้าหากต้องการจะเลือกรับประทานยาระหว่าง “แบบง่วง” และ “แบบไม่ง่วง” เราก็อาจจะประเมินดูว่า หลังกินยาแล้วเราจะต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ อีกหรือไม่ หากเรายังต้องทำงาน เรียนหนังสือ ขับรถ หรือทำงานกับเครื่องจักร ก็ควรเลือกรับประทานยาแก้แพ้แบบไม่ง่วง แต่หากเราต้องการกินยาแล้วนอนหลับพักผ่อน ก็ควรเลือกรับประทานยาแก้แพ้รุ่นเก่า เพราะฤทธิ์ยาที่ทำให้ง่วงซึมจะช่วยให้เรานอนหลับได้ง่ายขึ้น สรุปก็คือ ยาแก้แพ้แบบง่วงหรือแบบไม่ง่วงนอนนั้นให้ผลในการรักษาอาการแพ้ไม่แตกต่างกัน แต่หากยังต้องทำกิจกรรมต่าง ๆ ก็ควรเลือกรับประทานยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วงจะดีกว่า และหากมีปัญหาสงสัยใด ๆ เพิ่มเติม ก็สามารถปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรได้เลย ข้อมูลในบทความ โดยผู้เขียน (เภสัชกร)