รูปภาพโดย Shutterbug75 จาก pixabay ปลาดิบเอย ปลาเเซลมอนเอย ปลาทูน่าเอย ได้ยินชื่อเเล้วน้ำลายสอ ใครที่ชอบทานปลาดิบ พอได้เห็นรูปอาหารตามร้านอาหารบ้าง ในเฟสบุ๊คบ้าง ยิ่งเห็นร่างกายยิ่งโหย อยากจะพุ่งตัวไปกินให้หายอยาก โดยเฉพาะปลาเเซลมอน ปลาสีส้ม ลายสวย ๆ ครองใจใครหลายคน เเตะวาซาบินิด จิ้มโชยุหน่อย อร่อยเหาะ กินเท่าไรก็ไม่พอ มีเท่าไรจัดมาให้หมด 5555 นอกจากความอร่อยเเล้ว เรามารู้ประโยชน์ เเละ ข้อควรระวังในการทานปลาดิบกันบ้างดีกว่า จะได้อร่อย เเละดีต่อสุขภาพของเราด้วย ^^ รูปภาพโดย kondrak จาก pixabayประโยชน์ของการทานปลาดิบ ปลาดิบเป็นแหล่งอุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิ เช่นโปรตีน เป็นโปรตีนที่ย่อยง่าย ร่างกายสามารถนำไปใช้ได้ทันทีธาตุโพเเทสเซียม ช่วยลดความดันโลหิต ช่วยกำจัดของเสียในร่างกายวิตามินดี ไม่ค่อยพบในอาการชนิดอื่น ๆซีลีเนียม เป็นเเร่ธาตุชนิดหนึ่ง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระในร่างกาย ช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดข้ออักเสบ ส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกัน ไทรอยด์ทำงานดีขึ้น ปกป้องเซลล์เสื่อมสภาพ ทำให้เนื้อเยื่อต่าง ๆ เเข็งเเรงขึ้นโซเดียม เป็นปลาทะเลจะมี sodium หรือ เกลือ ผสมอยู่กรดโอเมก้า 3 สูงกว่าปลาทะเลชนิดอื่น ๆ ซึ่งมีส่วนช่วยในการทำงานของระบบประสาท เเละสมอง เสริมสร้างพัฒนาการของเด็ก หรือ ทารกในครรภ์ นอกจากนี้ทำให้อสุจิเเข็งเเรงขึ้น รูปภาพโดย Cegoh จาก pixabayช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคต่าง ๆ ลดความเสี่ยงโรคหัวใจเเละหลอดเลือดลดคอเลสเตอรอล เเละไขมัน ที่สะสมอยู่ตามผนังหลอดเลือด เสี่ยงต่อโรคหัวใจ เเละหลอดเลือดชะลออาการบวมของอาการกล้ามเนื้ออักเสบ เเละโรครูมาตอยด์ลดการเสี่ยงการเกิดมะเร็งบางชนิดกรด DHA ลดความดันโลหิต เมื่อรับประทานเป็นประจำ ช่วยพัฒนาสายตา สมอง ความจำ การเรียนรู้ลดอาการของโรคซึมเศร้าลดอาการมือเท้าเย็น สำหรับผู้ป่วยโรคเรย์นอด รูปภาพโดย luan_lrv จาก pixabayข้อควรระวัง คนส่วนใหญ่มักคิดว่า ปลาทะเลไม่มีพยาธิ ความจริงปลาทะเลก็มีโอกาสมีพยาธิได้เช่นกัน เช่น พยาธิอะนิซาคิส ( Anisakis Simplex ) สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า มักจะเจริญเติบโตในอาหารสุก ๆ ดิบ ๆ เมื่อทานเข้าไป ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายต้องการขับพยาธิออกไป จึงทำให้รู้สึกอยากอาเจียน มักจะเกิดขึ้นภายใน 1 ชั่วโมงหลังทานเสร็จ อาการจะยังเป็นต่อเนื่องช่วงระยะ 1 - 5 วัน หากพยาธิหลุดเข้าไปในทางเดินอาหาร ในช่องท้อง อาจจะเกิดก้อนในกระเพาะอาหาร ทำให้ปวดท้อง ปวดกระเพาะอาหาร ลำไล้อุดตันสารPoPs (Persistent Orangnic Pollutants) จากการวิจัยพบในเเซลมอนดิบ สูงกว่า แซลมอนที่ผ่านการปรุงอาหารถึง 26% สารปรอท ปลาดิบมีมากกว่าปลาสุก 50 - 60% พบมากในปลาทูน่า ปลากระโทงดาบ ปลาเเมกเคอเรล ส่วนปลาแซลมอน ปลาไหล ปลาเทราต์ มีปริมาณสารปรอทน้อย ไข่ปลา มีคอเลสเตอรอลสูงมาก ไม่ควรทานครั้งละมาก ๆ มีสารต้านวิตามินบี 1 ปลาดิบรวมถึงอาหารประเภทกึ่งสุกกึ่งดิบ มีสารต้านวิตามินบี1 มีกรดยูริกค่อนข้างสูง ผู้ป่วยเป็นโรคเกาต์ควรหลีกเลี่ยง หากทานมากไป อาจจะทำให้อาการกำเริบรูปภาพโดย PublicDomainPictures จาก pixabayกินอย่างไรให้ปลอดภัยเลือกซื้อปลาจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ สด สะอาด ได้มาตรฐาน ไม่มีกลิ่นคาวเมื่อซื้อปลามาควรนำไปเเช่ช่องเเข็ง ที่อุณหภูมิ -20 องศาเซลเซียส อย่างน้อย 1 ชั่วโมง เพื่อให้มั่นใจว่าปรสิตในปลาถูกทำลายเเล้ว เเต่ก็ไม่ควรเเช่ทิ้งไว้นานเกินไป ควรทานให้หมดภายใน 2 - 3 วันเมื่อเตรียมอาหารเสร็จเรียบร้อย ควรทานทันที ไม่ควรทิ้งไว้เกิน 1 - 2 ชั่วโมง เพราะอุณหภูมิห้องทำให้เชื้อเเบคทีเรียเจริญเติบโตเร็ว นอกจากทำให้เสียรสชาติ ยังทำให้ท้องเสียอีกด้วยควรทานสัปดาห์ละไม่เกิน 2 ครั้ง เพื่อให้ได้สารอาหารจากอาหารชนิดอื่นด้วย เเละควรทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ เพื่อสุขภาพที่ดีเมื่อเอาออกจากช่องเเช่เเข็ง ควรตั้งทิ้งไว้ให้ละลายเอง ไม่ควรนำไปเเช่น้ำ เพราะจะทำให้เสียรสชาติ เเละไม่ควรละลายน้ำเเข็งโดยใช้ไมโครเวฟ เพราะจะทำให้เสียคุณค่าอาหารโดยปกติร่างกายคนเรารับโซเดียมได้ไม่เกิน วันละ 2300 มิลลิกรัม ( สำหรับผู้ป่วยโรคความดันสูง โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง ไม่ควรรับโซเดียมเกิน 1500 มิลลิกรัม ) ปลาทะเลมีปริมาณโซเดียมผสมอยู่ หากทานควบคู่ไปกับโชยุ อาจจะทำให้ร่างกายได้รับโซเดียมมากเกินไป รูปภาพโดย mutantmommy จาก pixabay ดังนั้นเราจึงควรทานอาหารเเต่ละอย่าง อย่างพอดี ไม่มากไป หรือน้อยไป ให้ร่างกายได้สารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ อย่างเพียงพอ เพื่อสุขภาพที่ดีของร่างกาย เมื่อสุขภาพดี เราก็จะได้ทานอาหารที่เราชอบต่อไปค่ะ แหล่งที่มา :podpadCosmenet.in.th