จะเกิดอะไรขึ้นกับสมองของเรา เมื่อเราตัดโซเชียลมีเดียให้เหลือเพียงเเค่ 30 นาทีต่อวัน จะเห็นได้ว่าในปัจจุบันเราต่างเห็นบทความที่ตีเเผ่ข้อเสียของการติดโทรศัพท์และสื่อดิจิตอลต่าง ๆ ที่เปรียบเทียบกับการเป็นอวัยวะที่สามสิบสามของเรากันไปเเล้ว ทว่าเราก็ปฎิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทที่สำคัญกับเราจนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของการทำงาน การติดต่อสื่อสาร หรือdigital moneyที่เราต่างใช้เเทนเงินสด ร้านค้าต่าง ๆ ในปัจจุบัน หากไม่มีคิวอาร์โค้ดเเละพร้อมเพย์ที่พร้อมตอบสนองการใช้เงินทางใหม่ ๆ ของลูกค้าเเล้ว ก็เท่ากับเป็นการตัดโอกาศทางการขายสินค้าไปได้เลยทีเดียว และพระเอกโซเชียลที่กินเวลาเราไปหลายชั่วโมงต่อวัน ดังนั้นวันนี้ ผู้เขียนจึงจะมาชี้ให้เห็นว่า หากเราลดการเข้าโซเชียลที่ไม่จำเป็นใช้โทรศัพท์เพียงเเค่30นาทีจะเกิดผลอย่างไรต่อสมองของเราโดยตรง ก่อนอื่นมารู้จักกับคำ ๆ นี้กันก่อนเลยค่ะ นั่นก็คือ Hyperfocus หรืออีกชื่อที่เรียกกันว่า over-control ที่เกิดขึ้นกับคนที่มีอาการจดจ่อกับอะไรมากๆ จนไม่สังเกตุสิ่งรอบข้าง ซึ่งตรงกับสังคมในปัจจุบันที่ประชากรส่วนใหญ่จดจ่อกับสังคมในโทรศัพท์ รับรู้โปรไฟล์ของคนข้างบ้านผ่านโซเชี่ยวแอพ จนลืมยิ้มให้กันจริงๆ และนี่คือสิ่งที่นักนักเขียนชื่อดัง Chsis Bailley New ดีกรี York best selller ที่ได้วิเคราะห์พฤติกรรมโดยรวมของการทดลองใช้โซเชียล 30 นาที ต่อวัน จะเกิดผลหลัก ๆ ต่อความคิด 3 อย่างด้วยกัน นั่นคือ 1.คุณจะสามารถคิดได้ไกล เเละกว้างขึ้น Chris Bailey ได้ให้ภาพรถรุ่นใหม่ที่ติดไปเเดงเทียบกับรถยี่ห้อเก่า ๆ สภาพทุลักทุเลบนถนนที่โล่งกว้าง กับสมองของเรา รถที่เปรียบเสมือนข้อมูลที่เรามี ดังนั้นความพอดีจึงเป็นเรื่องสำคัญ การจัดสรรข้อมูลให้ขับเคลื่อนความคิดไปได้ก็สำคัญมากพอกัน เพราะในยุคที่โลกหมุนเร็วจนวิ่งตามไม่ทันนี้ บางทีการหยุดพักเเละเดินไปช้า ๆ อย่างมั่นคงในจุดหมายของเราก็เป็นทางเลือกที่ดี เพราะจุดหมายที่ชัดเจนของเราจะเป็นตัวกำหนดหนทางที่ชัดเจนนั่นเอง2.ไอเดียใหม่บรรเจิด ที่ไม่คิดว่าจะคิดได้ 30 นาที 8 วันขึ้น ทนได้ต่อไปสบาย ผลวิจัยพบว่าเมื่อมนุษย์เราพยายามที่จะเริ่มทำอะไรสักอย่างนั้นเเล้ว การเริ่มต้นควรทำให้เป็นกิจวัตร อย่างน้อย 8 วันขั้นต่ำ เพื่อสร้างความเคยชินให้กับร่างกาย จากนั้นเเล้วเราก็จะมีเวลาจดจ่ออยู่กับความคิดของเราที่มีมากกว่า 70,000 เรื่องต่อวัน เเน่นอนว่าต้องมีสักความคิดที่ถูกใจตัวเองเเน่นอนค่ะ เเต่ถ้าหากคุณคิดว่าไม่สามารถทนกับความว่างต่อไปได้ Chist Bailey ได้ให้คำเเนะนำว่าเราสามารถหาอะไรทำได้เช่นกัน อย่างกิจกรรมที่น่าเบื่อที่สุดอย่างอ่านเงื่อนไขการอัพเดตข้อมูลของบริษัท Apple หรือการหางานอดิเรกอย่างถักไหมพรม เป็นต้น3 เวลาที่สามารถวางเเผนอนาคตของตัวคุณเอง อีกหนึ่งวิจัยที่เอามาแนบในบทความนี้ พบว่าความคิดของคนเราเมือเเบ่งเป็นสัดส่วนอดีต ปัจจุบัน เเละอนาคตเเล้วนั้นพบว่า มนุษย์เราคิดถึงอนาคตมากเท่ากันกับการที่เเราคิดถึงอดีตเเละปัจจุบันรวมกันสะอีก นั่นคือเหตุผลว่าทำไมผู้อ่านถึงสามารถคิดวางเเผนว่าตอนเย็นกินอะไร พรุ่งนี้ฝนจะตกไหม หรืออีก10ปีข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ดังนั้นหากอยากเลิกบ่นว่าไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับอนาคตหรือไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไรเเล้วละก็ ลองวางโทรศัพท์ลงสักสัปดาห์ ไม่เเน่ว่าบางทีอาจแก้ปัญหาของท่านผู้อ่านได้ เคยตระหนักหรือไม่ว่า วันๆหนึ่งที่เราใช้ชีวิตไปกับโทรศัพท์ที่เหมือนจะมีสาระเเละประโยชน์ ทว่ามันกลับกลับทำให้เราสมองทึบทื่อเเละคิดอะไรช้ามากหลายครั้ง เเม้เเต่ตอนเเชร์เงินค่าอาหารกับเพื่อนก็ยังหยิบโทรศัพท์ออกมาพึ่งเครื่องคิดเลขด้วยความเคยชิน เพราะกลัวที่จะคิดเลขผิดไป เราเคยชินกับการใช้สิ่งเหล่านี้จนหลงลืมสิ่งที่เรามีเเละเคยอยู่ได้โดยไม่มีมัน ผู้เขียนขอเเนะนำให้วางโทรศัพท์ลงสักหน่อย สนใจสิ่งรอบข้างให้มากขึ้น อาจเพียงอาทิตย์ละสองวัน เพียงละเลยสังคมเเละโซเชี่ยวบ้างและชีวิตจะมีอะไรที่ท้าทายคุณผู้อ่านได้มากมายเลยทีเดียวผู้แต่ง : Janthachaiyapoomเครติตรูปภาพจากunsplash.com : รูปภาพหน้าปกจาก Robin Worrall/ รูปภาพที่0จากKevin Ku/ รูปภาพที่1จากNicolás Flor/ รูปภาพที่2จาก Joshua Earle/ รูปภาพที่3จาก Kvalifik/ รูปภาพที่4จากFelipe Furtado เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !