ปัญหา “นอนไม่หลับ” เป็นอะไรที่กวนใจการใช้ชีวิตประจำวันอย่างมาก ไม่ว่าจะทำงานหรือเรียนหนังสือ ร่างกายจะล้า สมองคิดงานไม่ออก มึนๆ อึนๆ เหมือนแรมชีวิตต่ำ ตาจะปิด ยิ่งถ้าเติมคาเฟอีนเข้าไป ยิ่งรู้สึกปวดหัว บางครั้งก็อาจลามมาถึงสภาพจิตใจ สภาวะอารมณ์แปรปรวนเอาได้ง่ายๆ วันนี้ผู้เขียนเลยอยากมาแชร์เคล็ดลับที่ใช้ได้ผลกับตัวเอง ทำยังไงให้นอนหลับสิ่งแรกคือ “สังเกตตัวเอง” เช็กก่อนว่ามีเรื่องอะไรให้เครียดหรือทำให้คิดในหัวตลอดเวลาหรือไม่ หากว่ามีปัญหา ให้ลองหาทางออกดูก่อน อาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด แต่ลองไขข้อข้องใจของตัวเองให้ได้สักข้อ เพื่อให้เราสามารถปลดล็อกทางความคิดได้ระดับหนึ่ง แล้วสมองจะเริ่มผ่อนคลายลง ช่วยให้เรานอนหลับได้ ส่วนตัวผู้เขียนเองเวลามีเรื่องทุกข์ใจในที่ทำงาน ถูกเจ้านายตำหนิ หรืองานไม่ประสบผลตามที่คาดหวัง ก็จะมีความกังวลใจ ทำให้นอนไม่หลับ ผู้เขียนจะใช้เวลาก่อนนอนสัก 10 นาทีเท่านั้น เพื่อไตร่ตรองตัวเองว่าเราพลาดตรงไหน เพราะบางครั้งเราอาจมองข้ามจุดเล็กน้อยไป แต่ถ้ายังหาไม่เจอ ก็เลือกที่จะปล่อยวาง บอกกับตัวเองว่าเราทำดีที่สุดแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเริ่มต้นใหม่“ออกกำลังกาย” ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่ช่วยให้เรานอนหลับพักผ่อนได้ง่ายและยาวนานขึ้น เนื่องจากเมื่อเราออกกำลังกาย จะทำให้เสียเหงื่อ เหนื่อยล้า เพลีย ร่างกายจึงต้องการ "การพักผ่อน" ซึ่งการออกกำลังกายก็สามารถทำได้ง่ายๆ อาจจะวิ่งเหยาะๆ เดินเร็วรอบหมู่บ้าน เต้นแอโรบิกตามคลิปในยูทูบ หรืออาจเล่นโยคะ ก็จะมีท่าที่ช่วยเรื่องการนอนหลับเช่นกัน ส่วนตัวผู้เขียนจะเน้นคาดิโอ เต้นแอโรบิกอยู่ในห้องพักค่ะ เมื่อก่อนเคยไปวิ่งที่สนามกีฬาใกล้คอนโดฯ และสมัครยิมออกกำลังกายไว้ แต่พอมีสถานการณ์โควิด เลยปรับเปลี่ยนเป็นออกกำลังกายที่ห้องแทนค่ะ ทุกคนสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความถนัด เพราะแค่ขยับก็เท่ากับออกกำลังกายแล้ว“กำจัดสิ่งรบกวน” ในการนอน ก็เป็นอีกปัจจัยที่ช่วยให้เรานอนหลับได้ อย่างเช่น ปิดไฟให้หมดทุกดวง ทั้งเครื่องมือสื่อสารหรือปลั๊กไฟต่างๆ รวมถึงปิดหน้าต่าง ผ้าม่าน เพื่อป้องกันไม่ให้แสงจากภายนอกเล็ดลอดเข้ามารบกวนสายตาเราได้ ผู้เขียนมักมีปัญหากับแสงไฟจากสวิตช์รางปลั๊กพ่วง เวลาจะนอนต้องปิดทุกอันค่ะ ไม่งั้นนอนไม่หลับ“อย่ากินดึก” เพราะการกินอาหารก่อนนอน ทำให้ร่างกายยังทำงานอยู่ กระตุ้นให้เราหลับไม่ลง ควรกินอาหารก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้อาหารที่เรากินเข้าไปย่อยเสียก่อน สมัยก่อนผู้เขียนมักมีพฤติกรรมการกินดึกค่ะ นอกจากนอนไม่หลับแล้ว ยังทำให้เป็นกรดไหลย้อนด้วยค่ะ ตอนนี้จึงปรับเปลี่ยนตัวเอง ทำให้อาการดีขึ้นค่ะ แต่การไม่กินข้าวก็ทำให้เราหิวจนนอนไม่หลับเช่นกันนะคะ ดังนั้นควร "ปรับเวลาการกิน" ให้สมดุลกับร่างกายและการใช้ชีวิตประจำวันค่ะสุดท้ายแล้วลองเช็กตัวเองก่อนว่าเป็น “โรคนอนไม่หลับ” หรือไม่ มีอาการเหล่านี้หรือเปล่า?เพลีย ง่วง มึนความจำไม่ดี จำอะไรไม่ค่อยได้ตื่นกลางดึก หลับๆ ตื่นๆ หลับต่อยากฟุ้งซ่าน หงุดหงิดง่าย อารมณ์แปรปรวน เสี่ยงซึมเศร้าเพราะหากมีอาการข้างต้นที่กล่าวมา อาจต้องไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการรักษาด้วยวิธีการที่เหมาะสมต่อไป...ภาพประกอบบทความผลิตโดยผู้เขียน MissKTออกกำลังกายอยู่บ้านได้ที่ App TrueID โหลดฟรี !