สวัสดีค่ะเพื่อน ๆ วันนี้หมาดำรำพันจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักกับลูกเหมรหรือที่เรียกกันว่าลูกโคลงเคลง ซึ่งแต่ละพื้นที่จะมีชื่อเรียกที่แตกต่างกันออกไป แต่สำหรับจังหวัดสงขลาบ้านของหมาดำรำพันจะเรียกกันว่า...ลูกเหมร) เมื่อพูดถึงลูกเหมร เชื่อเลยว่าเด็ก ๆ สมัยนี้คงไม่มีใครรู้จัก แต่ถ้าไปพูดกับคนที่มีอายุ 30+ เชื่อได้เลยว่าต้องรู้จักแน่ ๆ เพราะถ้าย้อนเวลากลับไปเมื่อ 25 ปีที่แล้ว เด็ก ๆ ในสมัยนั้นรวมถึงตัวของหมาดำรำพันด้วยชอบหาผลไม้ที่ขึ้นแถว ๆ ข้างทางหรือริมสวนริมรั้วกินเป็นประจำ (เนื่องจากครอบครัวของคนชนบทค่อนข้างจะลำบากเลยไม่มีเงินซื้อผลไม้ดี ๆ ให้กินบ่อย ๆ) เพราะส่วนใหญ่ผลไม้พวกนี้มันขึ้นเองตามธรรมชาติ เช่น ลูกหว้า กำชำ ลูกหวาย ลูกโทะ ลูกแสงขันหรือยับเยี่ยว ลูกข้าวเย็น และอีกมากมายหลายชนิด (เป็นอย่างไรบ้างคะที่กล่าวมารู้จักสักชนิดไหม..อิอิ) รวมไปถึงลูกเหมรที่หมาดำรำพันจะกล่าวถึงในวันนี้ ต้นลูกเหมรหรือโคลงเคลงจะมีลักษณะเป็นพุ่ม ๆ สูงประมาณ 1 – 3 เมตร ต้นจะมีสีออกแดง ๆ และจะขึ้นเองตามธรรมชาติไม่ต้องปลูกให้เสียเวลา แต่ถ้าเราอยากจะนำไปปลูกก็สามารถนำเมล็ดของมันมาปลูกได้ ส่วนดอกของลูกเหมรเป็นสีม่วงอ่อน ใบจะเป็นรูปคล้าย ๆ หอกและผิวของใบจะสาก ๆ แถวบ้านหมาดำรำพันนิยมนำมารูดปลาไหล (เพื่อขัดเมือกออกจากตัวของมัน) และใบของมันสมัยเด็ก ๆ คุณยายนำมาต้มน้ำจากนั้นเอาน้ำมาใช้ล้างแผลที่เป็นหนองเพื่อให้เชื้อหนองหมดไปจากแผลและเพื่อไม่ให้เกิดเป็นแผลเป็น ส่วนของผลสุกของลูกเหมรจะเป็นสีม่วงปนดำพอรับประทานเข้าไปรสชาติจะออกหวาน ๆ แต่ถ้าสุกไม่เต็มที่ก็จะออกฝาด ๆ นิดหน่อย ถ้าเราทานเข้าไปเยอะ ๆ ภายในปากทั้งลิ้นและฟันจะเป็นสีม่วงจนถึงน้ำเงิน ลูกเหมรนอกจากจะเป็นผลไม้ของเด็ก ๆ ในชนบทแล้วยังมีประโยชน์อย่างอื่นอีกมากมาย เช่น ใบของมัน (ยอดอ่อน ๆ) สามารถนำมารับประทานเป็นผักเหนาะร่วมกับน้ำชุบได้ (ผักเหนาะคือผักที่ใช้เป็นเครื่องเคียงที่ไว้สำหรับรับประทานคู่กับน้ำพริก ส่วนน้ำชุบก็คือน้ำพริก) ผลสุกนอกจากคนจะรับประทานได้แล้วสัตว์จำพวกนกก็ยังมาจิกกินอีกด้วย และในสมัยนี้ก็มีหลายบ้านนำต้นเหมรมาปลูกเพื่อตกแต่งบ้าน แต่สำหรับแถวบ้านของหมาดำรำพันก็ยังคงขึ้นอยู่ข้างทางเช่นเดิม *** เครดิตภาพทั้งหมดโดยผู้เขียน