10 วิธีที่มีประสิทธิภาพในการชาร์จพลังเมื่อคุณเหนื่อยล้าจากที่ทำงาน ไม่ว่าจะจากงานประจำที่ต้องมีการดำเนินชีวิตเหมือนเดิมทุกวัน หรืองานฟรีแลนซ์ที่แม้ว่าจะไม่มีใครมาบังคับแต่ก็ต้องคิดสร้างสรรค์งานใหม่ๆด้วยตัวเองอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะด้วยงานรูปแบบไหน ก็อาจจะทำให้หมดไฟได้เอาดื้อๆ ในวันที่ทั้งร่างกายและจิตใจมันเหนื่อยล้าเกินไปการทำงานอาจเป็นเรื่องกดดันและเครียด ทำให้เรารู้สึกเหนื่อยล้าและเหนื่อยล้า สิ่งสำคัญคือต้องให้ความสำคัญกับการดูแลตนเองและหาวิธีเติมพลังให้ร่างกาย แม้ในช่วงวันทำงานที่ยุ่งวุ่นวาย เมื่อลองไปเสาะหาวิธีต่างๆดูแล้ว 10 วิธีที่มาเขียนบทความในวันนี้ เพื่อฟื้นฟูและต่อสู้กับความเหนื่อยล้าในที่ทำงาน ลองนำกลยุทธ์เหล่านี้ไปใช้ เราจะสามารถเพิ่มและปรับปรุงความสภาวะในการทำงาน และรักษาสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานที่ดีได้ มาดูกันค่ะว่ามีอะไรกันบ้าง1. หยุดพักบ้างเป็นระยะๆเมื่อรู้สึกเหนื่อยล้าในขณะที่กำลังทำงานอยู่ คิดไม่ออก สมองไม่แล่น สมองเบลอ ให้ตั้งสติแล้วหยุดการทำงานตรงนั้นก่อน เป็นช่วงเวลาสั้นๆ เช่น 5-10 นาทีเพื่อให้ได้รับการชาร์ตพลังงานกลับมาก่อน เหมือนกับเวลาเรายกของหนักๆ ซักชิ้น เมื่อกล้ามเนื้ออ่อนล้าเราก็จะวางของลงก่อนแล้วยกขึ้นมาใหม่ ด้วยการก้าวออกจากโต๊ะ เหยียดขา ยืดเส้นยืดสาย เพื่อการผ่อนคลายอย่างรวดเร็ว จะช่วยให้จิตใจปลอดโปร่ง ลดความเครียด และดึงสมาธิกลับมาอีกครั้งเมื่อกลับไปทำงาน หรือจะงีบซัก 10 นาทีก็เป็นวิธีที่ดี แต่ก็ระวังอย่างีบในเวลาทำงานบ่อยเกินไปนะคะ2. ฝึกการหายใจลึกๆการฝึกหายใจลึกๆ เป็นวิธีง่ายๆ แต่มีประสิทธิภาพในการผ่อนคลายและฟื้นฟูพลังงาน ใช้เวลาสักครู่เพื่อมุ่งความสนใจไปที่ลมหายใจ หายใจเข้าลึกๆ ทางจมูก และหายใจออกช้าๆ ทางปาก เทคนิคนี้จะช่วยให้จิตใจสงบและเพิ่มพลังงานได้ในทันที ครั้งละอย่างน้อยซัก 5 นาที ก็น่าจะช่วยให้สมองผ่อนคลายได้บ้างค่ะ 3. รักษาร่างกายให้ชุ่มชื้นภาวะขาดน้ำอาจทำให้เหนื่อยล้ามากขึ้น ดังนั้นควรดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งวัน เก็บขวดน้ำไว้ที่โต๊ะและพยายามรักษาร่างกายไม่ให้ขาดน้ำ จิบน้ำบ่อยๆ เพื่อรักษาระดับพลังงานและรักษาระดับของน้ำในร่างกายให้เพียงพอกับการนำไปใช้กับทุกส่วนของร่างกายอวัยวะภายใน น้ำเปล่าเป็นน้ำดื่มที่ดีที่สุดที่ควรมีวางอยู่บนโต๊ะ แถมยังปลอดภัยจากที่ร่างกายอาจจะได้รับน้ำตาลเกินด้วยค่ะ4. จัดลำดับความสำคัญของการนอนหลับการนอนหลับที่มีคุณภาพเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการฟื้นฟูระดับพลังงาน สร้างกิจวัตรการนอนหลับอย่างสม่ำเสมอและตั้งเป้าการนอนหลับอย่างต่อเนื่อง 7-8 ชั่วโมงในแต่ละคืน หลีกเลี่ยงการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ก่อนนอน การดูคลิปที่ตื่นเต้นหรือเล่นเกมส์จะไปทำให้เร้าอารมณ์ ทำให้เกิดการนอนหลับได้ยากขึ้น และสร้างสภาพแวดล้อมในห้องนอนที่เหมาะกับการนอนหลับเพื่อส่งเสริมการนอนหลับพักผ่อนยามค่ำคืน5. เติมพลังให้ร่างกายด้วยของว่างเพื่อสุขภาพ:การรับประทานของว่างที่มีคุณค่าทางโภชนาการตลอดทั้งวันสามารถช่วยต่อสู้กับความเหนื่อยล้าได้ เลือกทานอาหารที่ให้พลังงาน เช่น ผลไม้ ถั่ว โยเกิร์ต และธัญพืชไม่ขัดสี ของขบเคี้ยวเหล่านี้จะให้พลังงานที่ยั่งยืนและป้องกันน้ำตาลขัดข้อง ทำให้คุณตื่นตัวและมีสมาธิ มีสแน็คถุงเล็กๆ ไว้เติมพลังงานในยามบ่ายก็ช่วยได้เยอะนะคะ6. มีส่วนร่วมในการออกกำลังกาย:การออกกำลังกายช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและหลั่งสารเอ็นโดรฟิน ทำให้คุณรู้สึกมีพลังมากขึ้น รวมการออกกำลังกายช่วงสั้นๆ เข้ากับวันทำงานของคุณ เช่น การยืดกล้ามเนื้อ การเดิน หรือการออกกำลังกายบนโต๊ะ กิจกรรมเหล่านี้จะเติมพลังให้กับร่างกายและจิตใจของคุณ ลุกเดินบ้าง อาจจะเดินไปหาเพื่อนที่แผนกอื่นบ้าง หรือใครทำงานที่บ้าน เปลี่ยนมาเดินกวาดบ้าน ทำกับข้าวบ้าง เลือดลมจะได้ไหลเวียนค่ะ 7. ฝึกสมาธิ:การทำสมาธิแบบมีสติเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการลดความเครียดและเพิ่มความชัดเจนของจิตใจ ใช้เวลาไม่กี่นาทีในแต่ละวันเพื่อฝึกสติ มุ่งความสนใจไปที่ช่วงเวลาปัจจุบัน และละทิ้งความคิดเชิงลบใดๆ การปฏิบัตินี้จะเติมพลังจิตและเพิ่มสมาธิ ทำสมาธิก่อนนอนก็ขะช่วยให้สมองผ่อนคลายและหลับได้ง่ายขึ้นด้วยนะ8 เข้าหาการสนับสนุนทางสังคมการเชื่อมต่อกับเพื่อนร่วมงานหรือเพื่อนฝูงในช่วงพักสามารถช่วยบรรเทาความเหนื่อยล้าได้ แบ่งปันเสียงหัวเราะ สนทนาแบบเบาๆ หรือขอความช่วยเหลือเมื่อจำเป็น ปฏิสัมพันธ์ทางสังคมสามารถเพิ่มขวัญกำลังใจ เพิ่มแรงจูงใจ และช่วยเพิ่มพลังงานที่จำเป็นมาก วันหยุดสุดสัปดาห์ หรือหลังเลิกงานลองนัดเพื่อนๆไปกินข้าว ซักมื้อ หรือจะยกหูโทรศัพท์โทรคุยกับเพื่อนบ้าง เสียงหัวเราะก็จะทำให้ร่างกายเราผ่อนคลายได้ค่ะ อาจจะดีกว่าแค่แชทบนมือถือนะคะ 9. มอบหมายและจัดลำดับความสำคัญของงาน:ภาระงานที่ล้นหลามอาจทำให้เหนื่อยล้าได้ เรียนรู้ที่จะมอบหมายงานและกำหนดลำดับความสำคัญที่ชัดเจน ระบุงานที่จำเป็นและมุ่งเน้นไปที่การทำงานให้เสร็จสิ้นก่อน คุณสามารถลดความเครียดและป้องกันความเหนื่อยหน่ายได้ด้วยการจัดการภาระงานอย่างมีประสิทธิภาพ งานไหนต้องทำเสร็จก่อน รีบเคลียร์ออกไม่ให้ค้างคา งานไหนที่ยังรอได้ก็ค่อยๆ ทำไปเขียนลงในตาราง timeline ให้ชัดเจนก็จะช่วยให้เห็นภาพงานที่ต้องทำได้มากขึ้นค่ะ 10 กำหนดขอบเขตและฝึกฝนการดูแลตนเองสร้างขอบเขตที่ชัดเจนระหว่างงานและชีวิตส่วนตัว ใช้เวลาให้ตัวเองนอกเวลาทำงานเพื่อทำกิจกรรมที่ทำให้คุณมีความสุขและผ่อนคลาย การทำงานอดิเรก การใช้เวลากับคนที่คุณรัก หรือการปรนเปรอตัวเองจะช่วยฟื้นฟูพลังงานและรักษาสมดุลระหว่างชีวิตและการทำงานที่ดี รวมถึงกำหนดระยะเวลาในการทำงาน และเวลาพักผ่อนให้เหมาะสม การจัดลำดับความสำคัญในการดูแลตนเองและการนำกลยุทธ์ทั้ง 10 ประการนี้ไปใช้จะช่วยให้คุณต่อสู้กับความเหนื่อยล้าและรักษาระดับความเหมาะสมได้ แล้วยังอาจจะช่วยส่งเสริมให้ผลผลิตในการทำงานได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้นด้วย จำไว้ว่าการดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญสำหรับความสำเร็จและความเป็นอยู่ที่ดีในระยะยาว ลองนำเทคนิคเหล่านี้เข้ากับกิจวัตรประจำวันก็จะสามารถชาร์จพลัง มีพลังงาน และทำหน้าที่ให้ดีที่สุดทั้งกับตัวเองและงานที่ต้องรับผิดชอบเพื่อนๆคนไหนลองนำไปใช้แล้วได้ผลอย่างไรมาคอมเม้นท์เล่าให้ฟังกันได้นะคะ สำหรับกีวี่เองก็จะนำไปปรับใช้เช่นกันค่ะ พบกันใหม่บทความหน้าค่ะ ภาพปกภาพประกอบ 1,2,4,7 ภาพถ่ายโดยผู้เขียน WCKIWIภาพประกอบ 5 photoshop2024 generate โดย WCKIWI ภาพประกอบ 3 ภาพโดย Alexander Lesnitsky จาก Pixabay ภาพประกอบ 6 ภาพโดย StockSnap จาก Pixabay เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !