ตามล่าหาน้ำหอม ดมแล้วดมอีกจนกระทั่งได้กลิ่นที่ชอบและในที่สุดก็ซื้อมาครอบครองสมใจ แต่ทำไมเวลาฉีดเมื่อไหร่ ผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงกลิ่นน้ำหอมก็ดันหายเกลี้ยงไม่มีเหลือ จนแอบรู้สึกเสียดายเงินแสนแพงที่จ่ายไป เคยสงสัยกันไหมคะว่าทำไมคนอื่นถึงตัวหอมตลอดวัน เขาฉีดน้ำหอมกันตรงไหน? ฉีดปริมาณเท่าไหร่? แล้วทำอย่างไรตัวถึงได้หอมฟุ้งได้นานขนาดนั้น วันนี้ผู้เขียนนำเอา 6 ทริคฉีดน้ำหอมที่คัดมาแล้วว่าช่วยให้น้ำหอมติดทนได้ตลอดวันมาฝากกัน รับรองได้ว่าต่อจากนี้ไปฉีดยังไงก็หอมฟุ้งแน่นอนค่ะ!! "Sometimes the fragrance introduces us before we shake hands" The Jeremy Fragrance 6 ทริค ฉีดน้ำหอมให้ติดทน ติดทาน..หอมนานตั้งแต่เช้ายันเย็น 1.ฉีดน้ำหอมหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ เริ่มด้วยข้อแรกอย่างช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการฉีดน้ำหอม ผู้เชี่ยวชาญด้านน้ำหอมหลายๆคนต่างแนะนำตรงกันค่ะว่า เราควรฉีดน้ำหอมหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ๆ จะช่วยให้น้ำหอมติดทนได้มากขึ้น โดยหลังจากที่เราอาบน้ำและเช็ดตัวให้ผิวแห้งหมาดๆแล้วนั้น ก็ให้ฉีดน้ำหอมลงบนผิวได้เลยค่ะ (บริเวณที่แนะนำให้ฉีดอยู่ในข้อถัดไป) ซึ่งวิธีนี้ผู้เขียนเองก็นำมาปรับใช้ และพบว่าช่วยให้น้ำหอมติดทนมากขึ้นจริงๆค่ะทำไมการฉีดน้ำหอมหลังอาบน้ำจึงช่วยให้น้ำหอมติดทน? คำตอบก็คือ หลังเราอาบน้ำเสร็จ ผิวของเราจะชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น นอกไปจากนี้ยังมีความชื้นเคลือบอยู่บนผิว เมื่อเราฉีดน้ำหอมลงไปความชื้นเหล่านี้จะช่วยกักเก็บน้ำหอมบนผิวของเราให้ติดทนนานมากขึ้นนั่นเองค่ะ ซึ่งหลักการนี้จะเหมือนกับการลงสกินแคร์หลังล้างหน้าเสร็จใหม่ๆ จะช่วยให้สกินแคร์ดูดซึมลงผิวดีขึ้น 2.ฉีดน้ำหอม 5 จุดสำคัญให้กลิ่นฟุ้งกระจายและติดทนนาน เพื่อนๆหลายคนที่ใช้น้ำหอมเป็นประจำ คงเคยได้อ่านหรือได้ฟังมาว่าเราควรฉีดน้ำหอมตรงแถวๆจุดที่มีชีพจร เช่น ต้นคอ หน้าอก ข้อมือ หรือข้อพับที่ขา ใช่ไหมคะ ซึ่งก็อาจจะมีส่วนช่วยให้น้ำหอมติดทนขึ้นจริงค่ะ แต่สำหรับตัวผู้เขียนแล้วพบว่าการฉีดน้ำหอม 5 จุด โดยเน้นเฉพาะส่วนบนของร่างกาย จะช่วยให้น้ำหอมหอมฟุ้ง กระจายตัวดีและกลิ่นติดทนกว่า โดยตำแหน่ง 5 จุดที่ว่านี้คือบริเวณหลังใบหู ข้างละ 1 สเปรย์บริเวณไหปลาร้า ข้างละ 1 สเปรย์บริเวณลำคอด้านหลัง 1 สเปรย์รวมทั้งหมดเป็น 5 สเปรย์ค่ะ จะเห็นได้ว่าตำแหน่งที่ผู้เขียนเลือกฉีดจะเป็นส่วนบนของร่างกายทั้งหมด สิ่งแรกที่รู้สึกได้เลยคือ กลิ่นน้ำหอมหอมฟุ้ง กระจายตัวได้ดีมากและที่สำคัญเราที่เป็นผู้ฉีดก็ได้กลิ่นของน้ำหอมอย่างชัดเจนอีกด้วย แถมการฉีดแบบนี้ทำให้กลิ่นหอมทนทั้งวันจริงๆค่ะ รู้สึกได้เลยว่าคุ้มค่าทุกสเปรย์ 3.เพิ่มความฟุ้งกระจายของกลิ่นด้วยการฉีดน้ำหอมบนผม ครั้งแรกที่อ่านคำแนะนำนี้มาผู้เขียนก็ออกจะงงๆเหมือนกันค่ะว่าเราจะฉีดน้ำหอมลงบนผมทำไม น่าจะเปลืองแย่ แต่ลองฉีดดูก็ไม่เสียหายอะไร และได้ค้นพบความจริงว่าน้ำหอมเกาะอยู่บนผมได้นานกว่าที่เราคิดมากค่ะโดยวิธีที่ผู้เขียนใช้คือฉีดน้ำหอมลงบนผมโดยตรง 1-2 สเปรย์ เวลาฉีดให้หัวสเปรย์อยู่ห่างจากผมสักประมาณ 20-25 cm. ค่ะ หรือหากเพื่อนๆคนไหนไม่อยากฉีดน้ำหอมลงบนผมโดยตรง ให้สเปรย์น้ำหอมลงบนหวีที่ใช้ จากนั้นหวีผมให้ทั่ว เท่านี้เราก็จะมีผมไว้ช่วยสยายกลิ่นน้ำหอมให้หอมฟุ้งตลอดวันแล้วค่ะ 5.ฉีดน้ำหอมลงบนเสื้อผ้าที่เราใส่ ตรงนี้อาจมีข้อมูลจากหลายๆที่แย้งว่าเราไม่ควรฉีดน้ำหอมใส่เสื้อผ้าโดยตรง เพราะกลิ่นจะไม่ติดทนและทำให้กลิ่นของน้ำหอมเพี้ยน แต่สำหรับผู้เขียนแล้วนั้นกลับรู้สึกว่าการฉีดน้ำหอมบางส่วนลงบนเสื้อผ้าด้วย จะช่วยให้ตัวเรามีกลิ่นของน้ำหอมติดทนทั้งวันเลยค่ะ ตัวโน้ต (Note) ของน้ำหอมเองก็ไม่ได้เพี้ยนไปแต่อย่างใด โดยบริเวณที่ผู้เขียนมักฉีดเพิ่มอยู่เป็นประจำ คือ บริเวณคอเสื้อทั้ง 2 ข้างและบริเวณหน้าอกค่ะ ยิ่งน้ำหอมตัวไหนที่กลิ่นจางไว เพราะมีความเข้มข้นน้อย เช่น น้ำหอมกลุ่ม EDT หรือ EDC การฉีดลงบนเสื้อผ้าจะช่วยให้กลิ่นติดทนได้มากยิ่งขึ้นค่ะข้อแนะนำในการฉีดน้ำหอมลงบนเสื้อผ้าฉีดให้ห่างเสื้อออกมาสัก 1 ไม้บรรทัด เพื่อให้น้ำหอมฟุ้งและเกาะบนเสื้อผ้าได้มากกว่าระวังการฉีดน้ำหอมลงบนเสื้อผ้าที่มีสีสว่างให้ดีค่ะ น้ำหอมบางตัวอาจทำให้เกิดรอยบนเสื้อผ้าได้ 6.ใช้ผลิตภัณฑ์อื่นๆที่มีกลิ่นเดียวกันหรือกลิ่นใกล้เคียงกับน้ำหอมที่เราใช้ เพื่อนๆอาจจะเห็นว่าในตอนนี้แบรนด์ที่ขายน้ำหอมบางแบรนด์ ไม่ได้ขายแค่น้ำหอมเพียงอย่างเดียวแล้ว แต่มีทั้งสบู่ โลชั่น และ Body Mist กลิ่นเดียวกันออกมาวางจำหน่ายด้วย ยิ่งเราใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นไปโทนเดียวกันกับน้ำหอมที่เราใช้ ก็จะทำให้เรากลายเป็นผู้หญิงตัวหอมตลอดวันได้เลยล่ะค่ะ ข้อแนะนำเพิ่มเติม เพื่อให้น้ำหอมยิ่งติดทนนานมากยิ่งขึ้นยิ่งปริมาณของน้ำหอมเข้มข้นมากเท่าไหร่ก็จะยิ่งติดทนนานมากขึ้นเท่านั้น เพื่อความติดทนแนะนำว่าให้เลือกใช้น้ำหอมชนิด Parfume หรือ Eau De Parfume (EDP) จะติดทน ติดนานมากกว่าเมื่อเทียบกับชนิดอื่นๆค่ะตัว Base Note ของน้ำหอมก็มีผลต่อความติดทนของน้ำหอมเช่นเดียวกันค่ะ โดย Base Note ที่เป็นกลิ่นของ Vanilla, Sandalwood, Cedarwood จะติดทนกว่า Base Note แนว Floral หรือ Fruity ค่ะหลังฉีดน้ำหอมแล้วไม่ควรถูน้ำหอมบนผิวค่ะ เช่น ฉีดที่ข้อมือแล้วใช้ข้อมือถูกันไปมา การถูแบบนี้จะทำให้กลิ่นของน้ำหอมเพี้ยนได้ค่ะ แนะนำว่าให้ใช้นิ้วค่อยๆกดลงไปเบาๆแทนจะดีกว่าเก็บน้ำหอมไว้ให้พ้นแสงแดดและความชื้นค่ะ เพราะความร้อนจะทำให้ Note ของน้ำหอมเพี้ยนไปได้ อีกทั้งความชื้นอาจทำให้เกิดหยดน้ำขึ้นในขวดน้ำหอม ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องที่ดีสำหรับคนที่รักน้ำหอมแน่ๆ แนะนำว่าควรเก็บน้ำหอมเอาไว้ในส่วนที่เย็นที่สุดของบ้านจะดีที่สุดค่ะ หรือหากใครจะนำน้ำหอมไปแช่ตู้เย็นก็สามารถทำได้ค่ะ แต่ต้องมั่นใจว่าจะไม่กลิ่นอื่นๆเข้ามาปนกับน้ำหอมด้วยนะคะ ขวดไหนที่แช่เย็นแล้วก็ควรแช่ตลอดไปเลยค่ะ อย่าแช่บ้างไม่แช่บ้าง เพราะจะทำให้น้ำหอมเสียสภาพได้น้ำหอมก็มีวันหมดอายุเช่นเดียวกันค่ะ ส่วนใหญ่แล้วน้ำหอมมีอายุไม่เกิน 5 ปี หลังจากนั้นกลิ่นที่อยู่ในขวดก็จะเริ่มเสื่อมตัว ทำให้กลิ่นเพี้ยนและไม่ติดทนอีกต่อไปค่ะฉีดน้ำหอมให้ถูกวิธี ก็ยิ่งติดทน หอมนานเพียงเท่านี้น้ำหอมกลิ่นโปรด ขวดแสนแพงที่เราถอยมาก็จะหอมฟุ้ง คุ้มค่าคุ้มราคากับที่เราจ่ายไปอย่างแน่นอนค่ะ หากเพื่อนๆท่านไหนลองเอาทริคเหล่านี้ไปปรับใช้แล้วได้ผลอย่างไรก็อย่าลืมมา comment แบ่งปันผลลัพธ์ที่ได้กันนะคะ หรือหากเพื่อนๆท่านไหนมีเทคนิคการฉีดน้ำหอมให้ติดทนแบบอื่นหรือมีน้ำหอมติดทนในดวงใจอยากแนะนำ ก็สามารถแบ่งปันกันไว้ได้เลยนะคะ เราจะโดนป้ายยาไปด้วยกันค่ะ ขอบคุณภาพประกอบบทความจาก canva ภาพปกบทความ โดย StockSnap from Pixabayภาพประกอบเนื้อหาบทความ : ภาพที่ 1 โดย FreshSplash / ภาพที่ 2 โดย MART PRODUCTION from Pexels / ภาพที่ 3 โดย YakobchukOlena / ภาพที่ 4 โดย olegbreslavtsev /ภาพที่ 5 โดย baseimageแหล่งที่มาของข้อมูล : 11 Expert-Backed Tips To Make Your Perfume Last All Day Long, Jamie SchneiderHow & Where to Apply Fragrance, Jeremy Fragranceอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้