ปัจจุบันนี้การนำพืชสมุนไพรมาใช้รักษาอาการต่าง ๆ นั้นดูเหมือนจะกลายเป็นเรื่องไกลตัวอยู่พอสมควร เพื่อคนทั่วไปมักจะใช้ยาแผนปัจจุบันที่มีความสะดวกและง่ายกว่า อีกทั้งในปัจจุบันเราไม่ค่อยมีความรู้เ้กี่ยวกับพืชสมุนไพรเท่าไรนัก แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าพืชสมุนไพรมีคุณค่าและความสำคัญที่น้อยลง เพียงแต่การศึกษาเกี่ยวพืชสมุนไพรนั้น มีอยู่ในกลุ่มแคบ ๆ และหน่วยงานทางการแพทย์เท่านั้น ที่ทำการศึกาาวิจัยและนำสมุนไพรไปเป็นส่วนผสมกับยาแผนปัจจุบัน เพื่อให้ยาที่ผลิตออกมามีคุณภาพมากขึ้น ภาพถ่ายโดยผู้เขียน ผู้เขียนจึงตั้งใจเป็นอย่างยิ่งในการนำข้อมูลต่าง ๆ เกี่ยวกับพืชสมุนไพร มาเผยแพร่แก่ผู้สนใจทั่วไป เพื่อให้ทราบถึงลักษณะและสรรพคุณของพืชสมุนไพรแต่ละชนิด อันหวังว่าจะทำให้พืชสมุนไพรเหล่านี้เป็นที่รู้จักมากขึ้น สมุนไพรที่จะนำมาบอกเล่าสรรพคุณในบทความนี้คือ “โคคลาน” พืชสมุนไพรที่สามารถใช้แก้อาการปวดเมื่อยได้เป็นอย่างดีลักษณะของ “โคคลาน” จัดเป็นไม้พุ่มกึ่งไม้เถารอเลื้อย ลำต้นกลมผิวเปลือกเรียบ มีหนามแหลมใหญ่อยู่ทั่วกิ่ง เนื้อไม้แข็งเหนียวมีสีเทา แตกกิ่งก้านเลื้อยไปตามต้นไม้อื่นเป็นพุ่มใหญ่ใบดกหนา ใบรีเป็นรูปไข่ปลายใบเรียวแหลม โคนใบเว้ามนคล้ายรูปหัวใจ ขอบใบและผิวใบเรียบเป็นมัน ดอกเป็นสีขาวมีขนาดเล็ก เป็นตุ่มกลมออกเป็นช่อตามซอกใบ ผลเป็นรูปกลมรีออกเป็นพวง เมื่ออ่อนมีสีเขียวเมื่อแก่จะมีสีเหลืองรสขมมากภาพถ่ายทั้งหมดโดยผู้เขียนสรรพคุณของ “โคคลาน” แก้อาการปวดเมื่อยตามร่างกาย ช่วยบำรุงตับและปอด ช่วยขับปัสสาวะ เป็นยาชูกำลัง แก้อาการปวดกระดูก ต่อต้านมะเร็งผู้เขียนได้สรุปวิธีการปรุงยาสมุนไพรจาก "โคคลาน" ตามประสบการณ์ที่ผู้เขียนเรยสัมผัสมา ไว้เป็นแนวทางแก่ผู้ที่สนใจดังนี้1. การทำน้ำสมุนไพร แก้ปวดเมื่อย- นำกิ่งแก่ของ "โคคลาน" มาสับเป็นชื้นเล็ก ๆ - ใส่กิ่ง "โคคลาน" ลงไปในหม้อต้ม พร้อใส่เกลือลงไปเล็กน้อย- ต้มสมุนไพรไว้ประมาณ 40 นาที- นำมาดื่มแก้อาการปวดเมื่อ และบำรุงกำลัง โดยดื่มวันละ 3 ครั้ง คือเช้า กลางวันและเย็น ก่อนหรือหลังอาหารก็ได้2. การทำน้ำสมุนไพร ขับปัสสาวะ ลดไขมันในเส้นเลือด และบำรุงเลือด- นำรากของ "โคคลาน" สด มาสับเป็นท่อนเล็ก ๆ และใส่ลงไปในหม้อต้ม- นำใบสดของ "โคคลาน" ใส่ลงไปในหม้อต้ม- ใส่เกลือลงไปเล็กน้อย และรอให้น้ำเดือดประมาณ 40 นาที- นำมาดื่มเป็นน้ำชา ดื่มตอนไหนก็ได้ จะช่วยขับปัสสาวะ บำรุงเลือด และลดไขมันในเส้นเลือดจากที่กล่าวมานั้นจะเห็นได้ว่าการมีพืชสมุนไพรอยู่ใกล้ตัว และมีความรู้ที่สามารถนำพืชสมุนไพรมาใช้แก้อาการต่าง ๆ ถือเป็นเรื่องดี เสมือนมียาสามัญประ่่จำบ้านที่เป็นยาสมุนไพร อีกทั้งสมุนไพรเหล่านี้เป็นยาบริสุทธิจากธรรมชาติ ไม่ก่อให้เกิดผลเสียและไม่ทำให้มีสารพิษตกค้างในร่างกาย ผู้เขียนหวังเป็นอย่างยิ่งว่า บทความนี้จะทำให้ท่านผู้อ่านรู้จักพืชสมุนไพรมากขึ้น และช่วยกันอนุรักษ์พืชสมุนไพรเหล่านี้ให้คงอยู่สืบต่อไป