บทความก่อนหน้าเราได้พาเพื่อนๆ ไปดูเกี่ยวกับโทษจากของการดื่มกาแฟมากเกินไปแล้ว บทความนี้ขอส่งต่อข้อมูลสุขภาพเกี่ยวกับ 5 อันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับร่างกายหากเราดื่มชาเย็นเป็นประจำวันทุกวัน ดื่มชาเย็นในปริมาณมากเกินไป เพราะอย่างที่เราทราบกันดีเลยค่ะว่า "ชาเย็น" นั้นเป็นน้ำหวานชื่อดังของเมืองไทย ที่ชงเมื่อไหร่ก็อร่อยเมื่อนั้น หลายๆ คนติดดื่มชาเย็นสุดๆ (รวมถึงคนใกล้ตัวเราด้วย 555+) เรียกได้ว่าอย่างต่ำต้องมีวันละ 1 แก้ว แต่เพื่อนๆ ทราบไหมคะว่าชาเย็น เครื่องดื่มรสหวานทานอร่อย..แต่ถ้าหากกินมาก กินบ่อยเกินไปจะกลายเป็นการสร้างปัญหาให้กับสุขภาพของเราได้เยอะมากๆ กินชาเย็นทุกวันอ้วนไหม? อันตรายหรือเปล่า? มาดูกันได้เลยค่ะ 5 ข้อเสียของการดื่มชาเย็นเป็นประจำทุกวัน "ชาเย็น" ดื่มมากไปก็ไม่ดี1.ดื่มชาเย็นทุกวันอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นดื่มชาเย็นทุกวัน อ้วนไหม? ชาเย็นทำให้น้ำหนักขึ้นหรือเปล่า ตอบได้เลยค่ะว่าอ้วนแน่นอน ข้อนี้เอาประสบการณ์จริงมาพูดกันเลยทีเดียว ช่วงที่เราติดชาหวานๆ น้ำหวานๆ น้ำหนักตัวจะค่อยๆ เพิ่มขึ้น สัดส่วนจะเริ่มขยายใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นชั้นหนังหน้าท้องที่หนาขึ้น ช่วงขาที่เริ่มเบียดกันและมีปัญหาเซลลูไลต์มากกว่าเดิม ยิ่งโดยเฉพาะวัยทำงานแบบเราๆ ที่ร่างกายเริ่มเข้าสู่สภาวะเสื่อมถอยและการทำงานที่ไม่ค่อยได้ขยับตัวก็จะยิ่งเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายได้อย่างชัดเจน นั่นเป็นเพราะชาเย็น 1 แก้ว (ประมาณ 200 ml.) ให้พลังงานมากถึง 430 kcal เลยค่ะ แถมส่วนผสมในสูตรเขาก็โหดสุดๆ ทั้งนมข้นหวาน นมข้นจืด น้ำตาล ครีมเทียม ฯลฯ หากดื่มวันละ 2 แก้ว ก็ตก 860 kcal ค่าพลังงานพื้นฐานที่ร่างกายต้องการโดยเฉลี่ยแล้วจะอยู่ที่ประมาณ 1,200-1,600 kcal แต่ชาเย็น 2 แก้ว ก็กินพื้นที่พลังงานของเราไปแล้วกว่า 70% แบบนี้จะไม่ให้อ้วนนั้นยากมาก (ยกเว้นคนที่อ้วนยาก แต่ถึงอย่างไรก็ไม่ดีต่อสุขภาพแน่นอน) 2.ดื่มชาเย็นทุกวันเสี่ยงทำให้เกิดนิ่วในไตข้อนี้เริ่มเป็นปัญหาที่ค่อนข้างรุนแรงมากขึ้นค่ะ เพราะในชามีกรดชนิดหนึ่งชื่อว่ากรดออกซาลิก ซึ่งถ้าเมื่อมีปริมาณเยอะๆ กรดออกซาลิกตัวนี้จะจับเข้ากับแคลเซียมในปัสสาวะและกลายเป็นผลึกขนาดเล็กตกค้างภายในไต เมื่อมีปริมาณของผลึกเหล่านี้มากขึ้นๆ จากการดื่มชาเย็นในปริมาณมากเป็นประจำทุกวัน ก็จะทำให้เกิดการอุดตันที่บริเวณท่อกรวยไตคล้ายกับมีก้อนหินไปอุดรูระบายน้ำ นานวันเข้าก็อาจทำเกิดภาวะนิ่วในไตขึ้นมาได้นั่นเอง 3.ชาเย็นทำให้ระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดสูง ข้อนี้ตรงตัวมากที่สุดค่ะ ด้วยส่วนผสมของชาเย็น 1 แก้ว ที่เต็มไปด้วยความหวานและความมัน ทั้งนมข้นหวาน นมข้นจืด นมสด น้ำหวาน บางร้านมีครีมเทียมเพิ่มความนัวเข้าไปอีก ความอร่อยไม่หยุดแค่ตรงนั้นเพราะเราจะใส่ไข่มุกต้มน้ำตาลพร้อมท้อปปิ้งด้วยวิปครีมแบบจุกๆ เมื่อเรากินเข้าไปก็ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว รวมไปจนถึงระดับไขมันในเลือดก็สูงขึ้นไปด้วย ส่งผลให้เสี่ยงต่อภาวะน้ำตาลในเลือดสูง โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง (LDL) โรคไขมันพอกตับ นอกไปจากนี้การดื่มชาเย็นแค่เพียงอย่างเดียว โดยไม่ดื่มน้ำเปล่า น้ำสะอาดเลย จะทำให้เลือดหนืดและข้นมากขึ้นจนทำให้นำส่งสารอาหารในร่างกายได้ไม่ดีเท่าควร ส่งผลให้เกิดอาการปวดศีรษะ เวียนหัว รู้สึกไม่สดชื่นอยู่เรื่อยๆ และยังอาจทำให้เกิดภาวะความดันสูงตามมาได้อีกด้วย ซึ่งข้อนี้เราเคยได้ยินประสบการณ์จากคนรอบตัวที่ติดน้ำหวาน ติดชาเย็นมาบ่อยครั้งมาก บางคนไม่มีปัญหาสุขภาพอื่นๆ เลย แต่ดื่มชาเย็นถี่มากทำให้มีไขมัน LDL ในเลือดสูง หรือบางรายก็มีภาวะไขมันพอกตับเลยก็มี 4.ดื่มชาเย็นอาจกระตุ้นอาการกรดไหลย้อนให้รุนแรงมากขึ้นคาเฟอีนและโรคกรดไหลย้อนนี่เป็นของแสลงกันเลยล่ะ ถึงแม้ว่าในชาไทยจะมีปริมาณคาเฟอีนไม่สูงเท่าพวกกาแฟเข้มๆ แต่อย่างไรก็ตามคาเฟอีนในชาก็มีส่วนกระตุ้นให้เกิดโรคกรดไหลย้อนได้เหมือนกันค่ะ โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีภาวะกรดไหลย้อนเรื้อรังอยู่แล้ว เพียงแค่ชาเย็นไม่กี่แก้วก็อาจจะกระตุ้นอาการกรดไหลย้อน แสบร้อนหน้าอกให้มากขึ้นได้ หรือในบางรายอาจทำให้เกิดอาการไอ เจ็บคอ แสบคอ เพราะมีกรดในกระเพาะอาหารตีขึ้นมาที่บริเวณระบบทางเดินอาหารส่วนบน 5.ดื่มชาเย็นเป็นประจำเสี่ยงทำให้นอนไม่หลับ หลับยาก หลับไม่สนิทบางคนที่ดื่มชาเย็นและเจอปัญหานอนไม่หลับบ่อยๆ แต่อาจคิดไม่ถึงว่าคาเฟอีนที่อยู่ในชาจะส่งผลต่อการนอนหลับได้ด้วย นั่นเป็นเพราะสูตรของบางร้านนั้นจะมีการชงชาเข้มมากๆ จนอาจทำให้ปริมาณคาเฟอีนที่อยู่ในแก้วชานั้นเทียบเท่ากับการดื่มกาแฟเลยนั่นเองค่ะ หลายๆ คนรอบตัวเราดื่มกาแฟได้โดยที่ไม่มีปัญหาเกี่ยวกับการนอนหลับ แต่ดื่มชาเย็นเมื่อไหร่จะหลับไม่ลงเลยก็มีเหมือนกัน เพราะฉะนั้นแล้วใครที่ดื่มชาเย็นเป็นประจำและรู้สึกว่าหลับไม่สนิท ตื่นเช้ามาก็รู้สึกไม่สดชื่น ให้ลองปรับลดปริมาณและความถี่ในการดื่มชาเย็นลงอาจจะช่วยให้ปัญหานอนไม่หลับ หลับไม่สนิทดีขึ้นได้ค่ะ ดื่มชาเย็นอย่างไรให้ดีต่อสุขภาพมากกว่าเดิม?คำแนะนำของเราจริงๆ คือ อยากให้ดื่มน้ำหวาน ชาเย็น ชาชงต่างๆ ให้น้อยลงค่ะเพราะเครื่องดื่มรสหวานเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้เยอะเลยทีเดียว แต่อย่างไรก็ตามชีวิตของคนเราก็ต้องการกินอาหารอร่อยๆ ดื่มเครื่องดื่มแก้วโปรดอยู่ดี การจะให้งดไปเลยบางคนอาจทำได้แต่บางคนอาจรู้สึกทรมานมากไป วิธีการดื่มชาเย็น ชาหวานๆ ให้ดีต่อสุขภาพมากกว่า อาจทำได้ดังนี้ค่ะลดความถี่ในการดื่มให้น้อยลง จากเดิมที่ดื่มวันละ 1-2 แก้ว ลองพยายามลดลงมาเป็นสัปดาห์ละ 2-3 แก้ว ค่อยๆ ลดความถี่ให้น้อยลงเรื่อยๆ จนร่างกายเริ่มชิน ระหว่างวันก็อาศัยจิบน้ำเย็นๆ แทนก็จะช่วยลดอาการอยากน้ำหวานได้ปรับสูตรการชง ข้อนี้อาจจะต้องเลือกร้านที่เราสามารถขอลดความหวาน หรือบอกได้ว่าไม่เอาครีมเทียม ไม่เอานมข้นได้ หรือบางร้านก็จะดีหน่อยค่ะเพราะเขาจะออกสูตร Light ที่มีการปรับลดส่วนผสมมาให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น แบบนี้จะช่วยลดแคลอรีในแก้วชาเย็นลงได้เยอะเลยค่ะ ความอร่อยอาจจะไม่เท่ากันแต่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ชงชาเย็นดื่มเอง ในเมื่อถ้าเราขอปรับสูตรกับร้านก็อาจจะไม่สะดวก เราแนะนำว่าซื้อมาชงกินเองเลยจะดีที่สุดค่ะ โดยอาจเลือกใช้ส่วนผสมที่ดีต่อสุขภาพมากขึ้น เช่น ใช้หญ้าหวานแทนน้ำตาล ใช้นมสูตรไขมันต่ำในการชง หรือใช้เป็นนมอัลมอนด์ นมพิสตาชิโอในการชงแทนกินได้แต่ต้องขยับร่างกายให้เยอะไปด้วย วันไหนดื่มชาเย็น จัดไปเลยค่ะออกกำลังกายให้ได้สักประมาณ 20-30 นาที ด้วยการวิ่ง เดินเร็ว กระโดดเชือก ฯลฯ อาจจะเอาพลังงานขาเข้ากับขาออกมาหักลบกันไม่ได้ แต่อย่างน้อยๆ เราก็ใช้พลังงานมากขึ้นค่ะและนี่ก็เป็น 5 ข้อเสียจากการดื่มชาเย็นในปริมาณมากเกินไป และวิธีการดื่มชาเย็นให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น ในเรื่องของน้ำหวาน น้ำชง เป็นเครื่องดื่มที่มีแคลอรีสูงมากจริงๆ ค่ะ หากเราดื่มโดยไม่จัดการร่างกายให้ดีอาจส่งผลต่อสุขภาพของเราได้ง่ายมากๆ ทั้งนี้เราก็ไม่จำเป็นต้องอดทุกอย่าง หรือไม่ดื่ม ไม่กินน้ำหวานๆ เลยนะคะ เรายังสนุกกับการกินได้อยู่แต่จะต้องกินในปริมาณที่พอเหมาะเพื่อไม่ให้ของกินมาสร้างปัญหาให้กับร่างกายของเราhttps://women.trueid.net/detail/rlpEL6YL0X9gภาพหน้าปก ภาพที่1 โดย SomchaiChoosiri จาก canvaภาพในเนื้อหา ภาพที่1 โดย vecstock ภาพที่2 โดย topntp26 จาก freepik ภาพที่ 3-4 โดย ผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !