ในขณะนี้หลายคนก็คงจะมีความเครียดสะสมในด้านต่าง ๆ เพราะไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้และวันในอนาคตจะใช้ชีวิตอย่างไรดี ทุกอย่างมันดูเหนื่อยหน่าย ไร้จุดหมาย และไร้เรี่ยวแรงที่จะทำสิ่งต่าง ๆ คุณกำลังประสบปัญหาที่กระทบกับสภาพจิตใจของคุณอย่างมากในช่วงนี้ และมันก็อาจจะส่งผลต่อการทำงานของคุณเช่นเดียวกันด้วย หากคุณเครียดกับสิ่งที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน จนกระทบกับการทำงาน ทำให้คุณรู้สึกหมดหนทางและเหนื่อยล้าอย่างสมบูรณ์ ทุกสิ่งทุกอย่างทำให้คุณรู้สึกเหนื่อยหน่าย ภาพโดย unsplash องค์การอนามัยโลกเคยออกประกาศว่าได้มีการเปลี่ยนแปลงของความเหนื่อยหน่ายในจำแนกประเภทเป็นโรคระหว่างประเทศ (ICD-11) ในขณะที่คำว่าเหนื่อยหน่ายมักนำไปใช้กับหลาย ๆ ด้านของชีวิตการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ล้วนเกี่ยวข้องกับสภาพแวดล้อมการทำงานโดยเฉพาะ ก่อนหน้านี้รวมอยู่ใน (ICD-11) เป็นภาวะอ่อนเพลีย อาการเหนื่อยหน่ายเป็นอาการที่เกิดขึ้นเมื่อเครียดจากการทำงานที่มีการจัดการไม่ดี นี้คือสัญญาณ 5 ประการของความเหนื่อยหน่าย : 1. คุณพบว่ามันยากกับการรับมือกับความเครียดในที่ทำงานของคุณ ในขณะที่องค์กรอนามัยโลกได้เน้นย้ำว่าอาการเหนี่อยหน่ายเป็นอาการที่มากกว่าความเครียด แต่ความเครียดเป็นประเด็นหลักของความกังวล ความแตกต่างที่สำคัญระหว่างความเครียดและความเหนื่อยหน่าย คือ ความเครียดอาจมีความคิดที่ถูกกลั่นกรองมาแล้ว แต่สำหรับความเหนื่อยหน่ายเกิดขึ้นจากความพยายามที่ไม่ประสบความสำเร็จในการรับมือกับความเครียดในที่ทำงานนั้นเอง 2. คุณหมดแรงจากการทำงาน ภาพโดย unsplash เมื่อคุณกำลังประสบความเหนื่อยหน่าย คุณอาจจะพบว่าตัวเองหมดแรงหรือไม่อยากไปทำงาน ในสถานการณ์ที่รุนแรงอาจจะส่งผลต่อหน้าที่การงานของคุณเลยก็ได้ ตัวอย่างเช่น คุณทำงานในเวลาเท่าเดิม แต่คุณกลับรู้สึกว่าความกระปรี้กระเปร่าจากความพยายามของคุณลดลงทุกวัน ถ้าคุณประสบกับความเหนื่อยหน่ายเป็นเวลานานอาจจะส่งผลทางจิตใจ อารมณ์ และร่างกาย 3. คุณไม่พบใจกับการทำงานของคุณ ในขณะที่คุณรู้สึกหมดแรง กมดความรู้สึก หมดจุดมุ่งหมาย และการเติมเต็มสิ่งต่าง ๆ ที่สามารถปกป้องคุณจากความเครียดในที่ทำงาน คุณอาจจะต้องออกจากงานและไม่สามารถหางานที่ตัวคุณพึ่งพอใจได้ 4. คุณมีความรู้สึกด้านลบเกี่ยวกับงานที่ทำอยู่ เมื่อคุณคิดถึงงานให้สังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้น ถ้าคุณรู้สึกแต่ด้านลบเกี่ยวกับงานของคุณนั้นถือเป็นสัญญาณอันตรายอย่างมาก? เมื่อคุณประสบความเหนื่อยหน่ายคุณอาจจะพบว่าเรื่องยากที่จะสามารถดึงความรู้สึกเชิงบวกต่องานและที่ทำงานของคุณ แต่ความรู้สึกท่วมท้นไปด้วยอารมณ์เชิงลบจะรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ 5. คุณไม่เชื่อในความสามารถในการปฏิบัติตามภาระหน้าที่ในการทำงานของคุณอีกต่อไป ภาพโดย unsplash เมื่อความเครียดในที่ทำงานของคุณสะสมจนเรื้อรัง คุณอาจจะพบว่าตัวเองเริ่มสงสัยกับความสามารถในการทำงาน แม้กระทั่งงานที่คุณทำมาก่อนหน้ามา นอกจากนี้การที่คุณประเมินความสามารถของคุณอาจจะเป็นอุปสรรคและแรงจูงใจที่จะทำให้คุณรู้สึกเบื่อหน่ายต่องานของคุณมากยิ่งขึ้นกว่าเดิม การทำงานอย่างหนักและความเพียรพยายามเป็นคุณลักษณะที่ดีในการทำงานและเป็นสิ่งที่น่าชื่นชมในการแสวงหาความสำเร็จ แต่ต้องอยู่บนพื้นฐานของเรื่องสุขภาพร่างกายและสุขภาพจิตของคุณด้วย มันเป็นสิ่งสำคัญที่คุณจะต้องดูแลตัวเองและสุขภาพจิตของตัวเอง ดังนั้นประเมินตัวเองว่าคุณพร้อมที่จะทำงานหรือไม่ ภาพปกโดย unsplash และ canva