ปลาทู เป็นอาหารยอดนิยมที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านานแล้ว และรู้หรือไม่ว่าปลาทูที่อาศัยอยู่ในบริเวณอ่าวไทย ในแถบจังหวัดสมุทรสงครามและเพชรบุรีจะมีรสชาติอร่อยกว่าที่อื่น ที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายในชื่อว่า ปลาทูแม่กลอง หน้างอคอหักนั่นเองครับ นอกจากจะมีรสชาติที่อร่อย สามารถนำมาทำอาหารได้หลากหลายเมนูแล้ว ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางโภชนาการและมีคุณประโยชน์มากมาย จนเพื่อน ๆ คาดไม่ถึงเลยละครับ เรามาดูกันดีกว่าว่าปลาทู มีประโยชน์กับร่างกายเราอย่างไรบ้าง 1. มีโปรตีนสูง ซึ่งในเนื้อปลาทูสด 100 กรัม จะมีโปรตีนมากถึง 20 กรัม และโปรตีนจากปลาทูสามารถย่อยได้ง่ายกว่าเนื้อสัตว์ชนิดอื่น ทำให้ระบบย่อยอาหารไม่ต้องทำงานหนัก และนอกจากโปรตีนแล้วเรามาดูกันดีกว่าว่าปลาทูสด 100 กรัม ให้สารอาหารชนิดใดอีกบ้าง พลังงาน 140 แคลอรี , โปรตีน 20 กรัม, แคลเซียม 170 มิลลิกรัม, ไนอะซิน 9.2 มิลลิกรัม, วิตามินซี 9.2 มิลลิกรัม, ฟอสฟอรัส 60 มิลลิกรัม, เหล็ก 11.9 มิลลิกรัม, วิตามินบี 1 0.03 มิลลิกรัม, วิตามินบี 2 0.62 มิลลิกรัม2. ช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง เพราะในเนื้อปลาทูมีกรดไขมันโอเมก้า 3, 6 และไขมัน DHA สูง ช่วยพัฒนาสมอง โดยเฉพาะเรื่องของความจำ และยังช่วยบำรุงสายตาได้อีกด้วย3. ช่วยป้องกันโรคซึมเศร้า เพื่อน ๆ รู้ไหมครับว่า ไขมันโอเมก้า 3 เป็นกรดที่จำเป็นต่อร่างกายและสมอง ซึ่งร่างกายไม่สามารถสร้างได้เองตามธรรมชาติ ต้องได้รับจากอาหารที่ทานเท่านั้น หากขาดไปอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้เป็นโรคซึมเศร้าได้4. ช่วยบำรุงกระดูกและฟัน เพราะในเนื้อปลาทูมีแคลเซียมและฟอสฟอรัสสูง อยากแนะนำให้ทานเป็นประจำโดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุที่ร่างกายต้องการสารอาหารชนิดนี้มากเป็นพิเศษ ถึงแม้ว่าปลาทูจะให้ประโยชน์และสารอาหารมากมายต่อร่างกายของเรา แต่ไม่ควรทานทุกวันติดต่อกันเป็นเวลานานนะครับ เพราะไขมันจากเนื้อปลาทูมีปริมาณที่สูง หากได้รับมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายของเรามากกว่าผลดี วันนี้ผมมีวิธีเลือกซื้อปลาทู และ เมนูปลาทูทอดกรอบกับน้ำจิ้มรสแซ่บ มาฝากเอาไว้ทานคู่กับข้าวสวยร้อน ๆ กันนะครับวิธีเลือกปลาทู1. ต้องมีเหงือกสีแดงออกชมพู2. ไม่มีกลิ่นเหม็น เนื้อต้องแน่น ให้ลองใช้วิธีกดนิ้วลงกลางลำตัว หากปลาสดปล่อยนิ้วแล้วเนื้อปลาส่วนที่โดนกดต้องคืนสภาพเดิม3. ลูกตานูน ตาดำมีสีสดใส ไม่ขุ่น ไม่มีเลือดคลั่ง4. ลำตัวมีสีเขียว ไม่ซีด และต้องมีเมือก วัตถุดิบสำหรับทำปลาทูทอดกรอบและน้ำจิ้มรสแซ่บ1. ปลาทู จำนวนตามต้องการ2. น้ำมัน3. พริกขี้หนู 30 เม็ด (จำนวนพริกขึ้นอยู่กับความชอบ)4. กระเทียม 1/2 หัว5. น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ6. น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ7. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ8. รากผักชี (ถ้ามี)9. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ10. ผงปรุงรส 1 ช้อนชา วิธีทำ : 1. ตั้งกระทะเปิดไฟปานกลาง ใส่น้ำมันลงไปเมื่อน้ำมันเดือด ค่อย ๆ นำปลาทูลงไปทอด (ระวังน้ำมันกระเด็นใส่นะครับ) ระยะเวลาแล้วแต่ความชอบ หากชอบกรอบมากจะใช้เวลานานกว่าปกติเล็กน้อย ระหว่างรอปลาสุกเราไปทำน้ำจิ้มรสแซ่บกันดีกว่า2. โขลกพริกขี้หนู กระเทียม และรากผักชีเข้าด้วยกัน จากนั้นปรุงรสตามใจชอบด้วย น้ำมะนาว น้ำตาลทราย น้ำปลา ผงปรุงรสและน้ำเปล่า คลุกเคล้าให้เข้ากัน เพียงแค่นี้ น้ำจิ้มรสแซ่บ ก็พร้อมเสิร์ฟคู่กับปลาทูทอดกรอบแล้วละครับ ถ้ากลัวอ้วนจะเปลี่ยนจากการทอดเป็นนึ่ง หรือย่างแทนก็ได้นะ รับรองว่าหากทานคู่กับ น้ำจิ้มรสแซ่บของผมแล้ว จะเมนูไหนก็อร่อยไม่แพ้กัน คุณประโยชน์ครบครันแถมยังอร่อยครบรสขนาดนี้ อย่าลืมไปหา ปลาทู มาทานกันนะครับ มันดีต่อสุขภาพของเรามากจริง ๆ ภาพประกอบโดย : ผู้เขียน ขอบคุณข้อมูลจากInfographic