วันนี้มีโอกาสได้ไปซื้อกับข้าว ที่ตลาดเช้าของอำเภอ จึงได้เจอ “ บักแงว ” ตื่นเต้นมากมาย เพราะไม่เห็นมานานแล้ว หลังจากแอบกรี๊ดในใจเสร็จ จึงเข้าไปเมียงมองใกล้ๆ และถามราคากับป้าคนขาย ป้าบอกว่าขายกิโลกรัมละสี่สิบบาท ถูกกว่าคนอื่น คนอื่นขายกิโลกรัมละร้อยกว่าบาท (อันนี้ไม่รู้ว่าถูกกว่าเจ้าอื่นจริงไหม เพราะไม่มีร้านอื่นให้เปรียบเทียบ) บักแงว เป็นผลไม้ตามฤดูกาลที่ปีหนึ่งมีให้กินแค่ครั้งเดียวในช่วงหน้าฝน (แต่เอ ยังไม่หน้าฝนมาได้ไงเนี่ย) บักแงวมีต้นและใบเหมือนเงาะ แต่เปลือกคล้ายลิ้นจี่ ดังนั้นคนอีสานจึงเรียก บักแงว ว่าเป็นลิ้นจี่อีสาน บักแงวมีชื่อเรียกแตกต่างกันตามแต่ละท้องถิ่น ภาคอีสานเรียก บักแงว หรือ หมากแงว ภาคใด้เรียก คอลัง หรือ สังเครียดขอน ภาคกลางเรียก คอแลน หรือลิ้นจี่ป่ารูปร่างของบักแงวแตกต่างกับลิ้นจี่มาก เพราะ บักแงว เมีขนาดลูกที่เล็กกว่าลิ้นจี่มาก ชนิดว่ากินพร้อมกันทั้งเนื้อและเม็ดเลย บักแงวมีรสเปรี้ยวปนหวาน วิธีกินบักแงวจะนำมาแกะเปลือกออก แล้วใส่พริกป่น น้ำปลาร้า น้ำปลา น้ำตาล คนให้เข้ากัน จากนั้นก็ซดเลย แซ่บอย่าบอกใคร แต่วันนี้ผู้เขียนอยากกินบักแงวกับน้ำปลาหวานจึงจัดการซื้อน้ำปลาหวานที่ชื่นชอบตราตะไคร้มาจากร้านสะดวกซื้อในตัวอำเภอ และเมื่อมาถึงบ้านก็ดำเนินการทันที แกะเปลือกบักแงวออกใส่ลงจาน ได้แระมาณ10 กว่าเม็ด ก็อดใจไม่ไหว รีบเปิดน้ำปลาหวานตักใส่ลงไปในจาน คนให้เข้ากัน จากนั้นก็ซดเลย ขอบอก อร่อยมากๆนอกจากจะอร่อยแล้ว บักแงวยังมีสรรพคุณมากมาย ช่วยให้ชุ่มคอ ใช้เป็นยาระบาย ช่วยย่อยอาหาร ช่วยต่อสู้กับเชื้อหวัดและไวรัสไข้หวัดใหญ่ (คาดว่าน่าจะต้านไวรัสโควิด 19 ได้ด้วย) บักแงวเป็นผลไม้ป่า ไม่ค่อยได้รับความนิยมจึงใกล้สูญพันธ์ ภายหลังมีเกษตรกรหันมาปลูกบักแงวมากขึ้นจึงได้บักแงวที่มีรสชาติหวานและลูกใหญ่ขึ้น ที่ผู้เขียนนำเสนอวันนี้เป็นบักแงวป่าที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติค่ะ จึงลูกเล็กและไม่ค่อยสวยเท่าไหร่ ถ้าผู้อ่านมีโอกาสเจอ บักแงว ไม่ว่าจะเป็นบักแงวป่าหรือบักแงวที่เกษตรกรปลูกก็ตาม อย่าพลาดที่จะทดลองชิมดูนะคะ แล้วคุณจะติดใจเครดิตภาพcover by Jakub Kapusnak on Unsplash