ผักทุกอย่างล้วนมีประโยชน์ แต่ก็อาจมีโทษ หากรับประทานในปริมาณที่ไม่เหมาะสม ถูกต้องแล้วล่ะค่ะ เพราะผักทุกอย่างมีประโยชน์ต่อร่างกาย เพราะสารอาหารและวิตามินในผักนั้น ช่วยเสริมสร้างและซ่อมแซมร่างกายของเรา ให้มีสุขภาพดี รวมไปถึงการป้องกันโรคภัยไข้เจ็บ ที่จะเกิดขึ้นกับตัวเรา หากเรามีภูมิต้านทานที่ดี อันเนื่องมาจากการรับประทานอาหารที่ถูกวิธี ก็จะทำให้ร่างกายของเราแข็งแรงและสมบูรณ์ได้อยู่ตลอดเวลาค่ะ แต่เชื่อไหมคะว่า หากเรารับประทานผักบางชนิดในปริมาณที่มากเกินไป ก็อาจจะมีผลเสียต่อสุขภาพของเราได้เช่นกัน เรื่องนี้ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะค่ะ !ดังนั้นวันนี้ ก็ลองมาดูไปพร้อม ๆ กันเลยนะคะ ว่าผลเสียของการกินผักบางชนิดมากเกินไป จะเป็นไปในแนวทางใดได้บ้าง(ขอบคุณภาพข่าวจากช่องไทยรัฐ TV) จากข่าวที่ปรากฎตามสื่อต่าง ๆ เมื่อไม่กี่วันก่อน ในกรณีที่นักร้องชื่อดังคนหนึ่ง ต้องเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลอย่างกะทันหัน โดยแพทย์ระบุสาเหตุของอาการป่วยในครั้งนี้ว่า “เกิดจากการรับประทานลูกเนียงมากเกินไป !” ฟังแล้วอาจจะตกใจนิดหน่อยใช่ไหมล่ะคะ ว่าผักชนิดหนึ่งที่เรารู้จักกันดี ในนามของ “ผักเครื่องเคียงทานคู่กับน้ำพริกระดับ TOP5” อย่างลูกเนียง จะกลายมาเป็นวายร้าย ที่ทำให้คนจำนวนมากเกือบจะเอาชีวิตไม่รอดกันมาแล้ว หากไม่สามารถมาพบแพทย์ได้ทันเวลาโดยเจ้าตัว “ลูกเนียง” ที่ว่านี้ เป็นผักที่มีเมล็ดและรสชาติคล้ายกับสะตอนั่นเองค่ะ แต่สีจะออกไปทางเหลืองนวล และมีกลิ่นที่แรงกว่าสะตอ คนไทยเรานิยมนำมารับประทานเป็นผักเครื่องเคียง ที่ทานกับน้ำพริกต่าง ๆ ได้รับความนิยมในทุกมื้ออาหารของคนในภาคใต้และภาคเหนือ โดยสามารถขึ้นได้เองตามธรรมชาติ ในปริมาณที่เยอะและออกผลตลอดทั้งปี จึงทำให้กลายมาเป็นหนึ่งในผักเครื่องเคียงที่ได้รับความนิยม เนื่องมาจากสามารถหารับประทานได้ง่ายนั่นเองค่ะแต่การรับประทานลูกเนียง ในปริมาณที่มากเกินพอดี ก็มีผลร้ายอย่างมหันต์เช่นกันโดยทางแพทย์ได้ให้ข้อมูลไว้ว่า ผลเสียจากการทานลูกเนียงมากเกินไป จะก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับระบบไตและการย่อยอาหารของมนุษย์ได้ โดยในรายที่อาการไม่หนักมากก็ยังสามารถรักษาได้ ส่วนในรายที่มีภูมิต้านทานร่างกายต่ำอยู่แล้ว เช่น คนที่มีโรคประจำตัว หรือเด็กเล็ก หากมีอาการหนัก เกิดการปัสสาวะไม่ออก จนทำให้กรวยไตอาจติดเชื้อ ก็อาจส่งผลทำให้เสียชีวิตได้เช่นกันโดยให้สังเกตอาการที่เกิดขึ้นดังต่อไปนี้(1) หลังจากรับประทานลูกเนียงแล้ว รู้สึกปวดเมื่อยตามเนื้อตัว โดยเฉพาะบริเวณข้อต่อหรือขาหนีบ และมีอาการต่อเนื่อง โดยไม่มีท่าทีว่าจะหายปวดเลย(2) รู้สึกปวดปัสสาวะบ่อยครั้ง หรือแทบจะตลอดเวลา แต่เมื่อเข้าห้องน้ำแล้วเกิดอาการปัสสาวะไม่ออก หรือกว่าจะออกก็ค่อนข้างใช้เวลานาน(3) สังเกตว่าปัสสาวะมีสีเข้ม ขุ่น หรือในบางรายที่มีอาการหนักก็จะมีเลือดปนออกมาด้วย(4) รู้สึกปวดท้องในลักษณะอาการหน่วงท้อง อยู่ตลอดเวลา(5) มีอาการคลื่นไส้ และอาเจียน ในบางรายอาจมีอาการที่เรียกกันว่าโลกหมุนร่วมอยู่ด้วยซึ่งหากมีอาการเหล่านี้ต้องรีบพบแพทย์โดยหากท่านมีอาการเหล่านี้ ไม่ว่าจะข้อใดข้อหนึ่งก็ตาม หลังจากที่รับประทานลูกเนียงไปแล้วนั้น ก็อย่าชะล่าใจ โดยการหายาสามัญประจำบ้านทานเอง หรืออการเดินทางไปซื้อยาตามร้านขายยาทั่วไปนะคะ เนื่องจากว่ามีข้อบ่งชี้ในเชิงประจักษ์อยู่แล้ว ว่าผลข้างเคียงของการทานลูกเนียงในปริมาณที่มากเกินไป จะทำให้เกิดอาการอย่างไรจึงขอแนะนำให้ท่านสันนิษฐานในเบื้องต้นไว้ก่อน ว่าอาจจะเป็นผลข้างเคียงแทรกซ้อนที่อันตรายจากการทานนั่นเอง หอหากเราไม่ชะล่าใจในอาการที่เกิดขึ้นเบื้องต้นแล้วนั้น ก็จะทำให้ท่านปลอดภัย เพราะสามารถเข้าพบแพทย์ได้ทันเวลา และได้รับการรักษาอย่างถูกต้องนั่นเองค่ะและที่สำคัญที่สุด คือผู้ที่เป็นผู้ป่วยในกลุ่มโรคนิ่ว โรคไต ท่อปัสสาวะอักเสบ โรคต่อมลูกหมากโต ไม่ควรรับประทานลูกเนียงเลย เนื่องมาจากจะเป็นการไปเพิ่มหรือเร้าอาการเดิม ให้หนักมากยิ่งขึ้นค่ะก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งความรู้ใหม่ ที่เราทุกคนจะได้ทราบพร้อม ๆ กัน จากกรณีศึกษาของนักร้องหนุ่มคนดังกล่าวนะคะ ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องดี เพราะจะทำให้เราป้องกันตัวเองได้ในอนาคต และเป็นการย้ำเตือนตัวเองว่า การทานอะไรแต่ละอย่าง ต่อให้เรารู้ว่าสรรพคุณของมัน ช่างมีประโยชน์ต่อร่างกายเหลือเกิน แต่หากเราทานไม่ถูกวิธี เช่น นำมาปรุงอย่างผิดวิธี นำมาทานคู่กับของแสลง หรือการทานในปริมาณมากเกินไป ดังเช่นกรณีนี้ ก็อาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้เช่นเดียวกัน ดังนั้น ทุกท่านควรศึกษาทั้งในส่วนของประโยชน์และโทษไปพร้อมกันเลยจะดีกว่านะคะ !สุดท้ายนี้ ผู้เขียนก็ขออวยพรให้ทุกท่านมีสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ ไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ ให้ต้องปวดหัวร้อนใจแต่อย่างใด เน้นย้ำว่า วิธีการดูแลสุขภาพที่ดีที่สุด คือการเลือกทานในสิ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย และทานในปริมาณที่เหมาะสมนะคะ !! สำหรับวันนี้ สวัสดีค่า !ขอขอบคุณอ้างอิงข่าวจาก ช่อง7HDภาพปก / ภาพที่1 / ภาพที่2 / ภาพที่3 / ภาพที่4