กล่าวกันถึงเรื่องภูมิแพ้ที่ตา เพราะทุกวันนี้สภาพอากาศค่อนข้างเกินมาตรฐาน ทำให้หลายๆ คน มักจะมีอาการของโรคภูมิแพ้ที่ตาโดยไม่รู้ตัว เพราะว่าโรคภูมิแพ้ที่ตาน้อยคนนักที่จะรู้จัก ส่วนใหญ่จะรู้จักภูมิแพ้ประเภท จาม น้ำมูกไหล คัดจมูก แต่ว่าไม่ค่อยมีใครรู้ว่าภูมิแพ้ที่ตาจริงๆ แล้วเป็นอย่างไรดังนั้นพวกเราทุกคนจึงต้องมาทำความรู้จักกันว่าโรคภูมิแพ้ที่ตา คืออะไร มีอาการยังไง มีสาเหตุมาจากไหน เราจะมีวิธีดูแลและป้องกันดวงตาของเราด้วยวิธีใดบ้างสภาพอากาศประเทศไทยในปัจจุบันเป็นตัวกระตุ้นชั้นดีที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ที่ตาได้อาการของโรคภูมิแพ้ที่ตาอันดับแรกก็คือ คัน...หรือบางทีเราอาจจะไม่รู้ตัวว่าเราคันตา แต่ว่าเราจะชอบเอามือไปขยี้ตาตอนเผลอๆ หรือรู้สึกเคืองๆ ยิบๆ แล้วเราก็จะเอามือไปขยี้ บางทีเราอาจจะต้องถามคนที่อยู่กับเราหรือว่าถ้าเป็นกับเด็ก ก็อาจต้องถามพ่อแม่ว่า ตัวเราเองหรือเด็กชอบขยี้ตาบ่อยหรือเปล่า เพราะเจ้าตัวอาจไม่รู้ตัวเอง อันนี้อาการแรกก็คือ คัน นั่นเองอาการที่ 2 ก็คือ เคืองตา แสบตา น้ำตาไหล มาแบบครบโปรโมชั่น ก็เป็นอาการที่ตามมาจากคันตา พอคันมากๆ ยุบยิบๆ มากๆ ก็จะเริ่มเคืองตา แล้วก็แสบตาเหมือนเวลาเหงื่อเข้าตา หรือบางครั้งมีความรู้สึกเหมือนเม็ดทรายอยู่ในตา อันนี้คืออาการของภูมิแพ้อาการที่ 3 คือ ตาแดง บางคนไม่คันเลย ไม่เคืองเลย น้ำตาไม่ไหล ไม่แสบตา แต่ว่าตาแดงเรื่อยๆ ตลอด บางคนแดงตอนเช้า เช่น ตื่นเช้ามาล้างหน้าแปรงฟันดูกระจก ก็จะเห็นว่าทำไมตาเราแดงจัง แต่ว่าไม่เจ็บไม่เคืองไม่ปวดอะไรทั้งนั้น พอแต่งหน้าไปทำงานแล้วถึงที่ทำงานปุ๊บตาหายแดง ซึ่งเป็นแบบนี้อยู่ทุกๆ เช้า ถ้ามีอาการแบบนี้แสดงว่าคุณเป็นโรคภูมิแพ้ที่ตาโรคภูมิแพ้ที่ตาไม่จำเป็นต้องคันเสมอไป เป็นได้ตั้งแต่ เคืองตา แสบตา น้ำตาไหลหรือว่าตาแดงก็ได้ ถ้าเป็นกับเด็ก ซึ่งเด็กจะบอกกับเราไม่ได้ว่าเขาคัน เคืองตา แต่ว่าพ่อแม่สามารถสังเกตได้ เด็กจะชอบยี๋ตา เด็กบางคนจะชอบเอานิ้วไปกดบริเวณเปลือกตา อาการแบบนี้แสดงว่าเด็กเป็นโรคภูมิแพ้ที่ตา โดยที่เด็กก็ไม่สามารถบอกกับเราได้ ถ้าพ่อแม่สังเกตเห็นว่าเด็กแสดงอาการแบบนี้ควรพาเด็กไปพบแพทย์ที่โรงพยาบาลโรคภูมิแพ้ที่ตาสาเหตุเกิดจากการที่เราแพ้อะไรบางอย่าง โดยส่วนใหญ่แล้วคนไทยหรือคนกรุงเทพมักจะแพ้เรื่องง่ายๆ อย่างเช่น เรื่องฝุ่นละออง แพ้ไรฝุ่น แพ้ฝุ่นจากเสื้อผ้า โดยเฉพาะคนขายเสื้อผ้าจากการเก็บสถิติของโรงพยาบาล กับคนที่ชอบเอาเสื้อผ้ามาแขวนไว้ที่ห้องนอนเยอะๆ บางทีเราอยู่คอนโดหรืออยู่ในห้องที่สถานที่จำกัด ซึ่งเสื้อผ้าเยอะจนใส่ในตู้เสื้อผ้าไม่พอ ก็เอามาวางกองๆ นอกตู้เสื้อผ้า พอนานวันเข้าเราไม่ได้ใช้เสื้อผ้ากองนี้ทุกวัน ฝุ่นมันจะเข้าไปจับทำให้เกิดฝุ่นละออง ทำให้มีอาการคันจากเสื้อผ้ากองนี้ได้เหมือนกันสาเหตุต่อไป มีอาการแพ้จาก ลม แพ้แดด ก็คือแพ้สิ่งแวดล้อมข้างนอก แล้วก็ฝุ่นละอองที่มากับลมเป็นตัวที่กระตุ้นทำให้เราเกิดอาการภูมิแพ้ได้อีกสาเหตุต่อมาเกิดจากตาแห้ง พนักงานออฟฟิศมักจะอยู่ในห้องแอร์เย็นจัดๆ ลมแอร์พัดแรงๆ เพราะเป็นลมจากท่อ ปรับให้ร้อนก็ไม่ได้ปรับให้มันเบาก็ไม่ได้ ชีวิตต้องจ้องหน้าจอคอมตลอดทั้งวัน เพราะฉะนั้นกลุ่มนี้จึงเป็นกลุ่มเสี่ยง อีกอันหนึ่งสาเหตุของตาแห้งโรคภูมิแพ้ที่ตาเป็นโรคหายยาก เพราะเราไม่รู้ว่าจะเลี่ยงมันได้ยังไงกับสิ่งที่เราต้องพบเจออยู่ทุกวันตลอดเวลา ก็เลยเกิดอาการพวกนี้ได้บ่อยๆ คำถามที่พบเจอบ่อยๆ ก็คือ ถ้าเราเป็นโรคภูมิแพ้ที่ตาจะต้องไปตรวจหรือเปล่า คำตอบก็คือ ไม่ต้องตรวจ เพราะถึงตรวจไปก็ไม่มีประโยชน์ เนื่องจากว่าคนที่มาตรวจส่วนมากจะบอกว่า แพ้ไรฝุ่น แพ้แมลงสาบ แพ้ฝุ่นละอองขนาดเล็ก แพ้นั่นแพ้นี่ แพ้ไปทั่ว ทั้งหมดทั้งมวลก็คือ รู้ไปก็เท่านั้นมันเลี่ยงไม่ได้ หรือบางคนที่แพ้เฉพาะสิ่งที่เจาะจงจริงๆ อย่างนี้น่าไปตรวจวิธีการดูแลรักษาอันดับแรกก็คือ เราต้องดูก่อนว่าเป็นภูมิแพ้ระดับไหน ตรวจด้วยตัวเราเองเลย ถ้าเกิดว่าเราเป็นโรคภูมิแพ้ที่ตาชนิดระดับเริ่มต้น ก็คือแค่เริ่มรู้สึก คันๆ เคืองๆ ตาบ้างเป็นบางเวลาไม่ได้เป็นตลอดเวลา ไม่ได้ถึงขั้นแสบตาน้ำตาไหล สู้แสงไม่ได้ต้องคันขยี้ตาอยู่บ่อยครั้ง อาการแบบนี้เป็นระยะเริ่มต้น และให้ดูก่อนว่าเรามีอาการช่วงไหน เป็นจากที่ไหน ตัวอย่างเช่น มักเป็นในห้องนอน ซึ่งส่วนมากมักจะมาจากฝุ่น ชุดเครื่องนอน ผ้าม่านหรือจากแอร์ ถ้ามีอาการแบบนี้แนะนำให้ไปทำความสะอาดห้องนอนซะ หลักๆ เลยก็คือ ที่กรองแอร์ ทำประมาณเดือนละ 2 ครั้ง จะช่วยได้มาก อันต่อมาอาจจะเกิดจากหมอนโปรด ตุ๊กตา ผ้าห่มโปรด ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นตัวสำคัญที่สุดเลยที่ทำให้เกิดโรคภูมิแพ้ที่ตา ควรหมั่นซักทำความสะอาดอยู่สม่ำเสมอ อันดับต่อมาเป็นอาการที่มีระดับรุนแรงขึ้น มีอาการเคืองตา แสบตา ตาแดง น้ำตาไหล แต่เป็นมากจนกระทั่งไม่สามารถใช้ชีวิตประจำวันได้อย่างปกติสุข เช่น จะไปขับรถตอนกลางวันก็ไม่ได้เพราะสู้แสงแดดไม่ได้ หรือทำงานหน้าจอคอมทั้งวัน พอช่วงบ่ายๆ อยากจะหลับตา ลืมตาไม่ไหว ล้าตาหนักตามากไม่อยากจะทำงานต่อแล้ว อันนี้แสดงว่าเป็นโรคภูมิแพ้ที่ตาในระดับที่รุนแรงขึ้นแล้ว อาการแบบนี้ไม่สามารถปรับเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมรอบตัวเราได้แล้ว ต้องใช้ยาช่วย ยาที่แนะนำให้ใช้สามารถหาซื้อเองได้ก็คือ น้ำตาเทียม เป็นน้ำยาที่หยดแล้วก็ปลอดภัยมากๆ ไม่มีอันตราย สามารถใช้ได้เรื่อยๆ ใช้ได้ตลอด อย่าไปเชื่อถ้าใครบอกว่ายิ่งหยอดยิ่งแย่ยิ่งตาแห้ง ไม่เป็นความจริง และสิ่งที่จะช่วยได้อีกหนึ่งช่องทางก็คือ แว่นตาป้องกันแสงยูวี ทุกวันนี้เลนส์แว่นตาทุกประเภทป้องกันแสงยูวี 100% อยู่แล้ว แต่ถ้าเราไม่แน่ใจตอนที่เราไปตัดแว่นให้เราไปถามกับทางร้านแว่นตาก่อนว่า เลนส์ที่เราตัดมันกันแสงยูวีได้ด้วยไหม แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นต้องดูยี่ห้อด้วยกลับมาเข้าเรื่อง เมื่อเราหยอดน้ำตาเทียมแล้ว ถ้าคนไหนไม่ชอบไปหาหมอ ไม่ชอบเข้าโรงพยาบาล ก็ให้ซื้อน้ำตาเทียมหยอดเอง โดยสำหรับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่ตา จะต้องเป็นน้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสียถึงจะดี ซึ่งน้ำตาเทียมที่ไม่มีสารกันเสียจะเป็นแบบหลอดเล็กๆ ที่ใช้วันเดียวแล้วทิ้งเหมาะกับคนที่เป็นโรคภูมิแพ้ที่ตา และไม่แนะนำให้ใช้น้ำตาเทียมแบบขวด เพราะจะมีสารกันเสีย จึงไม่เหมาะกับคนที่เป็นภูมิแพ้ที่ตา และถ้าหยอดแล้วยังไม่ดีขึ้น แนะนำให้ไปหาหมอจักษุแพทย์ที่โรงพยาบาลได้แล้ว ไม่แนะนำให้ซื้อยาแก้แพ้เองที่ร้านขายยา เพราะอาจจะส่งผลเสียต่อดวงตาในอนาคต ขอบคุณรูปภาพจาก Pixabay / รูปปก / รูประกอบที่ 1 / รูประกอบที่ 2 / รูประกอบที่ 3