เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็อยากแต่งตัวในแบบที่ชอบ แล้วเราจะรู้ได้ยังไงว่าแบบไหนที่ใช่ตัวเรา สไตล์ที่เราใส่ทุกวันนี้ มันคือแบบที่เราชอบจริง ๆ หรือ มันเป็นแค่สิ่งที่กระแสสังคมทำให้รู้สึกว่ามันใช่ในแบบของเรา การค้นหาตัวตน ต้องใช้เวลาในการค้นหา บางทีก็อาจจะมีเขวบ้างไปตามกระแส แต่ถ้าเรารู้ตัวว่าอะไรที่เหมาะกับเรา และ เรามั่นใจ ไม่ว่าจะสไตล์ไหน ถ้าเราใส่เราจะไม่รู้สึกประหลาด หรือ อึดอัด แน่นอน ภาพถ่ายรองเท้าผ้าใบสีสันบาดตา จับคู่กับกางเกงทำงานสีดำ ภาพโดย ผู้เขียน ตัวผู้เขียน ชอบที่จะลองแต่งตัวอะไรใหม่ ๆ มักจะถูกถามเสมอ ว่าแต่งตัวอะไรประหลาดจัง หรือบางคนก็จะบอกว่า หุยยยย แต่งตัว เหมือน นักร้องคนนั้นเลย หรือไม่ก็ขมวดคิ้ว เวลาที่เห็นผู้เขียนใส่สร้อยข้อเท้า กำไลข้อมือเยอะแยะ หรือทาเล็บเท้าสีดำ บางทีก็เอาเดรสมาใส่เป็นเสื้อ แล้วใส่กางเกงยีนส์ขายาว หรือกางเกงยีนส์พับขาไว้ข้างในอีกที ตอนนั้นแค่รู้สึกว่า การแต่งตัวคือการแสดงออกถึงการปลดปล่อย การเป็นอิสระ การเป็นตัวเองเมื่ออยู่นอกเครื่องแบบนักเรียน มัธยมปลาย และรู้สึกสนุก สนุกที่ได้แต่งตัวตามใจ ไม่ได้สนใจว่ากระแสตอนนั้น คนนิยมอะไรกัน แค่รู้สึกว่าอยากใส่เสื้อแบบนี้ กระโปรงแบบนี้ รองเท้าแบบนี้ พอเข้าช่วงมหาวิทยาลัย แน่นอน ผู้เขียนสอบตรงเข้าเรียน ด้านออกแบบ แต่ยังไม่ใช่ด้านเสื้อผ้าเสียทีเดียว พอเรียนจบ ก็ได้ทำงานในสายออกแบบต่อระยะหนึ่ง แล้วก็มาค้นพบว่า ชอบอะไรที่เป็นมากกว่าแค่เครื่องประดับ สุดท้ายก็ไปต่อด้านเสื้อผ้า ไป ๆ มา ๆ ถ้านับระยะเวลาทำงานที่เกี่ยวข้องกับด้านออกแบบ ก็เกือบ 10 ปีแล้ว ภาพจาก ช่วงที่ทำงาน ออกกองถ่ายแบบ คอลเลคชั่น Fall Winter 2019 ภาพโดย Ken Thanakorn Kosangsombat และ Karoon Prohmpakdee ภาพจาก ช่วงที่ทำงาน ออกกองถ่ายแบบ คอลเลคชั่น Fall Winter 2019 ภาพโดย Ken Thanakorn Kosangsombat และ Karoon Prohmpakdee ถ้าจะถามว่าที่เขียนมาทั้งหมดเกี่ยวอะไรกันกับการแนะนำเรื่องแต่งตัว อยากจะบอกว่า จากเด็กต่างจังหวัดมัธยม ที่ชอบอะไรไม่ค่อยเหมือนคนอื่น ลองผิด ลองถูก ทั้งชอบการวาดรูป แต่งตัวหลาย ๆ แบบ มีทั้งใส่สีดำทั้งตัว ซึ่งแน่นอน ผู้ใหญ่ไม่ค่อยชอบใจซักเท่าไหร่ แต่งตัวแนวโบฮีเมียน กระโปรงยาว กำไลเต็มข้อมือ พอได้โอกาสไปแลกเปลี่ยนกลับมา จากกำไลก็ลามไป สร้อยข้อเท้า ทาเล็บหลากสี ก่อนกลับประเทศก็กัดสีผมไฮไลท์สีชมพู การค้นหาตัวตนเหล่านี้ สร้างโอกาสมากมายในภายหลังให้ผู้เขียน ปัจจุบันก็รับทั้งงานที่เกี่ยวกับออกแบบทั้ง เสื้อผ้า เครื่องประดับ งานแนวสไตลิสต์ งานออกแบบเสื้อผ้าก็อาจจะมีปรับเปลี่ยนไปบ้าง ไม่ได้ยึดติดว่าเราจะทำแบบนี้เท่านั้น และ ส่วนตัวการแต่งตัวก็ยังคงสวนทางกับสไตล์งานที่ออกแบบมาอยู่ดี ทำให้บางทีถ้าไปพบเจอผู้คนที่จะร่วมงานด้วย ถ้าในวันที่ผู้เขียนไม่พร้อมแต่งตัวไม่เหมาะ แต่ลูกค้าต้องการพบก็อาจเจอการตัดสินจากภายนอกได้ บางทีการใช้ชีวิตในปัจจุบันนี้บวกกับการทำงานที่ต้องพร้อมพบผู้คนตลอดเวลา ไม่สามารถทำให้เราจะใส่แค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ตามใจตัวเองได้ตลอด บางทีเราจึงต้องมีการแต่งตัวที่เรียกว่า smart casual ซึ่งกึ่ง ๆ ดูเป็นทางการ แต่ก็ยังดูแฟชั่นอยู่ในที จะต่างจากการไปทำงานออฟฟิศ ที่ต้องแต่งตัวเรียบร้อย เป็นทางการ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับ วัฒนธรรมองค์กร และสายงานที่ทำ การเวลาเปลี่ยนไป ปัจจุบันส่วนตัวผู้เขียน ยังคงทำสีผมเจ็บจี๊ด เจาะหูหลายรู แต่เวลาไปพบลูกค้าบางทีก็จะใส่เสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ หรือกางเกงกึ่งทางการแบบในภาพ จริง ๆ ก็เป็นงานของบริษัทที่เคยทำก่อนที่จะผันตัวออกมาทำงานอิสระ กางเกงทรงขากว้าง ๆ ที่ชวนให้นึกถึงกางเกงสมัยคุณแม่ แต่กระเป๋าข้างฟังก์ชั่นดีมาก ๆ ใส่มือถือพร้อมพาสปอร์ตลงไปได้แบบจุพอดี ไม่มีร่วง ในส่วนของเสื้อ ผู้เขียนยังคงมีความชอบอย่างหนึ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนตั้งแต่สมัยมหาวิทยาลัยมาจนถึงปัจจุบันคือ การได้เดินดูของมือสอง ซึ่งส่วนใหญ่จะจบที่ร้านมือสองญี่ปุ่น ในภาพจำราคาเสื้อไม่ได้ แต่เป็นเสื้อเชิ้ตผู้ชายที่ใส่แล้วก็ไม่ดูแมนจนเกินไป แต่กางเกงถ้าใครได้บังเอิญผ่านมาอ่านบทความนี้ มองหากางเกงใส่ไปทำงาน ไปปาร์ตี้ ก็แนะนำแบรนด์คนไทย Amata Style กางเกงแบรนด์นี้เป๊ะจริง ตั้งแต่ก่อนที่ผู้เขียนจะเข้าไปทำงานแล้ว ภาพถ่ายระหว่างพักกอง ถ่ายแบบคอลเลคชั่น Fall Winter 2019 ถ่ายโดยผู้เขียนเอง สิ่งที่อยากจะบอกเกี่ยวกับไอเดียการแต่งตัวก็คือ สไตล์ไม่มีใครมาสอน มาเปลี่ยน มาช่วยเราค้นหาได้ บางอย่างเรารู้สึกว่ามันคูลมาก เช่นภาพจากงานที่ผู้เขียนทำ ในฐานะสไตลิสต์ออกกองถ่ายแบบ จับคู่ถุงเท้าสีเจ็บกับส้นสูงที่คล้ายบูท แต่ถ้าในมุมมองของลูกค้าสิ่งนี้ไม่ตอบโจทย์กับคาแรคเตอร์ และสไตล์ของแบรนด์ ด้วยหน้าที่การงานเราก็ต้องยอมปรับเปลี่ยน แต่เมื่อเป็นสไตล์ส่วนตัว เรารับฟังคำแนะนำได้ แต่อย่าให้คำแนะนำนั้นมาเปลี่ยนอัตลักษณ์ของตัวเรา ผู้คนมากมาย สามารถออกความเห็นได้ แต่ไม่ได้หมายความว่า ความคิดเห็นนั้น จะมาทำลายความเป็นคุณได้ บางครั้งผู้คนก็ตัดสินเราจากการแต่งกาย แต่เมื่อเห็นว่าเราสามารถทำอะไรได้ ความสามารถ ศักยภาพที่มี ความมั่นใจ ไม่ว่าจะในรูปร่างแบบไหน ถ้าขาดความมั่นใจ ไม่ว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่จะสวยแค่ไหน แบรนด์ดังแค่ไหน จะหมดความหมายหากขาดความเป็นตัวตน และเชื่อมั่นในสไตล์ของตัวเอง