ในโลกที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย การงานที่เคร่งเครียด สภาพแวดล้อมอันกดดัน รวมถึงสิ่งที่หวังกลับไม่เป็นดั่งใจ ดังนั้นการระเบิดอารมณ์ออกมาจึงเป็นทางออกที่ง่ายที่สุดที่จะทำได้หรือที่ในปัจจุบันเราจะเรียกอาการแบบนี้ว่า "หัวร้อน" แม้ว่าการกระทำแบบนี้จะดูระบายความโกรธเกรี้ยวในใจได้ ทว่าเมื่อมองจากมุมมองของคนอื่น มันคงดูไม่ดีนักและยิ่งไปกว่านั้นมันยังส่งผลต่อร่างกายในระยะยาวอีกด้วย อาการหงุดหงิดฉุนเฉียวนี้มักเกิดขึ้นบ่อยในสถานการณ์ที่กดดันตึงเครียด สภาวะรถติดแล้วมีคนปาดหน้า เล่นเกมแพ้แล้วโดนเยาะเย้ย สิ่งเหล่านี้จะถูกกระตุ้นให้หัวของเราร้อนระอุได้ง่าย อย่างที่บอกไปครับว่าหากยังแสดงอาการแบบนี้บ่อยครั้ง เป็นไปได้ว่าร่างกายของเราจะพังไปก่อนวัยอันควร เหตุใดมันถึงเป็นแบบนั้น มันก็เพราะว่าเมื่อเราโมโห ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนประเภท อะดรีนาลีน , คอร์ติซอล จะส่งผลให้หัวใจสูบฉีดแรงขึ้น ที่มารูปภาพ: Robin Higgins จาก Pixabay ลองสังเกตกันครับว่าเวลาที่โมโหร่างกายของเราจะรู้สึกตื่นเต้น ได้ยินเสียงหัวใจเต้นรัวหรือการหอบหายใจแรงขึ้นกว่าปกติ อาการเหล่านี้เป็นมาจากฮอร์โมนดังกล่าวหลั่งออกมาอย่างรวดเร็ว ใช่ว่ามันจะเป็นเรื่องดีเพราะนี่คือฮอร์โมนในกลุ่มของความเครียด ลองคิดดูครับว่าเมื่อโมโหบ่อยหัวใจก็ต้องสูบฉีดแรงการบีบของเส้นเลือดก็จะมากขึ้น การทำแบบนี้บ่อยครั้งจะเสี่ยงการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ง่าย ๆ ความเสี่ยงทางร่างกายยังมีอีกนอกจากโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือด ยังมีความเสี่ยงที่จะได้รับบาดเจ็บทางกายภาพอีกด้วยครับหากมีการปะทะคารมกับคู่กรณี อาจเกิดการทะเลาะวิวาทร่างกายบาดเจ็บสาหัส หรือร้ายแรงกว่านั้นอาจจะถึงแก่ชีวิตไปเลยก็ได้หากไม่มีความยับยั้งชั่งใจพอ ยังไม่รวมถึงอารมณ์ร้อนในขณะขับรถที่ก่อให้เกิดอุบัติเหตุสูงมาก ที่มารูปภาพ: Tim Gouw จาก Pixabay แค่ร่างกายก็ดูสาหัสพอดูแล้ว หากเป็นสภาพจิตใจมันยิ่งกว่านั้นอีกครับถ้าหากเกิดหัวร้อนบ่อยครั้งจนเป็นนิสัย มันจะทำให้เราเป็นคนโมโหร้ายตลอดเวลา โกรธในสิ่งเล็กน้อยที่ไม่น่าจะโกรธ คนรอบตัวไม่กล้าเข้าใกล้ทำให้ความสัมพันธ์กับผู้อื่นในแง่ลบ เป็นปกติที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากอยู่กับคนที่มีพลังลบออกมา ดังนั้นการที่เราอารมณ์ร้อนง่ายมันจะทำให้เรามีเพื่อนน้อยลงด้วย นอกจากนี้หากถ้าหากเรามีอายุมากขึ้นแต่ยังไม่สามารถควบคุมความโกรธได้จะยิ่งส่งผลเสียในแง่ของบุคลิก ความน่าเคารพยำเกรงต่อคนอายุน้อยกว่าหรือต่อให้เราอายุน้อยกว่าแต่ถ้าแสดงความเกรี้ยวกราดบ่อย ๆ ก็จะถูกมองว่าเป็นคนที่ไม่รู้จักโต เรียกว่ามีแต่แย่กับแย่มากทั้งนั้นเลยล่ะ ที่มารูปภาพ: Peter Ziegler จาก Pixabay ใครที่เป็นอาการแบบนี้ก็ขอความร่วมมือลดละอารมณ์โกรธบ้างไว้จะเป็นดีครับ นอกจากจะช่วยไม่ให้หลอดเลือดหัวใจทำงานหนักแล้วยังทำให้จิตใจผ่อนคลายมากขึ้น ส่วนวิธีแก้ไขก็คงทำได้ด้วยการนั่งสมาธิทำจิตให้สงบ มองโลกแบบใหม่โดยไม่ยึดติดกับวัตถุ-บุคคลหรือจะมองว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติที่ชีวิตของเราจะต้องมีดีมีแย่ปะปนกันไป ที่สำคัญที่สุดคือ "การให้อภัย" จะทำให้เราดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นและน่าเคารพมากกว่าเดิม ฟังดูอาจจะทำได้ยากแต่เชื่อว่าไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของมนุษย์เราหรอกครับ หากสามารถควบคุมอารมณ์หัวร้อนได้สำเร็จคุณจะกลายเป็นอีกคนใหม่ในทันทีเลยทีเดียว ที่มารูปภาพปก: SAFA TUNCEL จาก Pixabay