เมื่อได้ยินคำว่า ออกกำลังกาย หลายคนอาจจะนึกถึงลู่วิ่ง สวนสาธารณะ หรือฟิตเนส ใช่ไหมล่ะคะ สำหรับคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย แต่อยากจะลดน้ำหนัก อยากจะมีสุขภาพที่แข็งแรง แน่นอนว่าเมื่อคุณเห็นคนสวมเสื้อกล้าม กางเกงขาสั้น รองเท้าผ้าใบ กำลังก้าวขาเป็นจังหวะอยู่ในสวนสาธารณะ หรือเมื่อคุณเดินผ่านฟิตเนสแล้วเห็นราคาค่าสมัครสมาชิก พร้อมกับโปรแกรมเวทเทรนนิ่งที่ต่อให้โค้ชจะปรับให้เข้ากับความต้องการของคุณแล้ว คุณก็อาจจะตั้งคำถามกับตัวเองว่า “เราจะทำได้ไหม?” คุณอาจจะบอกตัวเองว่าไม่มีเวลา ไม่เคยวิ่ง ไม่มีเงิน ไม่รู้จะเริ่มต้นอย่างไร ก่อนอื่นต้องถามใจตัวเองก่อนว่า คุณอยากออกกำลังกายจริงไหม? ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย แต่อยากเปลี่ยนแปลงตัวเอง อยากให้ร่างกายแข็งแรง อยากมีซิกแพ็ค อยากมีเอว S อยากลดน้ำหนัก หรือแม้แต่อยากเป็นนักวิ่งมาราธอน นั่นแสดงว่าคุณพร้อมที่จะเริ่มต้นออกกำลังกายแล้วล่ะค่ะ ก่อนอื่น...ต้องสลัดภาพนักวิ่งมาราธอนและเครื่องออกกำลังกายในฟิตเนสออกไปก่อน เพราะการออกกำลังกาย คือการทำกิจกรรมที่ได้ออกแรงหรือเคลื่อนไหวร่างกายซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ อยู่คนเดียวก็สามารถออกกำลังกายได้ เอาล่ะค่ะ ถ้ามีแรงฮึดแล้ว เรามาเริ่มต้นด้วยกันเลย! อันดับแรก สำรวจต้นทุนของตัวเองก่อน ต้นทุนที่ว่าคือ รูปร่าง สุขภาพ เวลา และทุนทรัพย์ ทำไมถึงต้องดูรูปร่างก่อน นั่นก็เพราะเราจำเป็นต้องรู้ว่า รูปร่างเป็นสิ่งสำคัญในการเลือกประเภทของการออกกำลังกาย เช่น หากเรามีน้ำหนักมากก็ยังไม่ควรเริ่มต้นด้วยการวิ่ง หรือหากเราผอมเกินไป การออกกำลังกายหนักๆ ก็อาจทำให้บาดเจ็บได้เช่นกัน ต้นทุนที่ 2 คือ สุขภาพ หากเราเป็นคนมีโรคประจำตัว เช่น เลือดจาง เบาหวาน โรคหัวใจ ก็จำเป็นจะต้องเลือกกิจกรรมที่เหมาะกับสภาพร่างกายและอาจมีอุปกรณ์บางอย่างติดตัวไว้เผื่อฉุกเฉิน ต้นทุนที่ 3 คือ เวลา แน่นอนว่าบางคนอาจเป็นมนุษย์เงินเดือน ต้องตื่นแต่เช้า กว่าจะเลิกงานกลับถึงบ้านก็ค่ำมืด บางคนมีวันหยุดแค่หนึ่งวันต่อสัปดาห์ อีก 1 วันที่เหลือจะต้องทำงานบ้าน อย่าเพิ่งท้อนะคะ เพราะมีวิธีออกกำลังกายที่เหมาะสมกับคุณอยู่ ต้นทุนที่ 4 ทุนทรัพย์ จริงอยู่ที่การออกกำลังกายบางประเภทอาจจะต้องลงทุนซื้ออุปกรณ์ให้กับตัวเองบ้าง แต่ก็ใช่ว่าเราจะต้องเสียเงินหลักหมื่นหลักแสน ต่อให้ไม่มีเงินเลย เราก็ออกกำลังกายได้เหมือนกันนะ เราให้เวลาคุณสำรวจต้นทุนตัวเอง 5 นาที จากนั้นมาดูวิธีออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับคนที่กำลังจะเริ่มต้นกันค่ะ กายบริหารระหว่างวัน หากคุณทำงานออฟฟิต คุณสามารถยืดไหล่ หมุนแขน บิดตัวไปมา เดินขึ้นบันไดแทนการใช้ลิฟต์ ใช้เก้าอี้ในการบริหารขา เอนหลัง เขย่งเท้า เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคออฟฟิตซินโดรม เหมาะสำหรับคนที่มีน้ำหนักมาก มีโรคประจำตัว ไม่มีเวลา และไม่มีทุนทรัพย์ แต่หากคุณทำงานที่ต้องใช้แรงงานอยู่แล้ว การยืดเหยียดร่างกายในช่วงพักจะช่วยให้กล้ามเนื้อไม่แข็งตึงจนเกินไป ภาพนี้ผู้เขียนถ่ายเองค่ะ ให้เพื่อนที่วิ่งด้วยกันเป็นนางแบบ กายบริหารท่ามกลางต้นข้าวที่กำลังเขียวขจี โยคะ เป็นการออกกำลังกายที่เน้นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อประสานกับจิตใจ ผู้ที่เล่นโยคะจะต้องฝึกกำหนดลมหายใจเข้า - ออก ที่สัมพันธ์กับการเคลื่อนไหว อุปกรณ์ที่ใช้มีเพียงแผ่นรองโยคะ การเล่นโยคะต้องเริ่มจากท่าพื้นฐานก่อน อย่าเพิ่งข้ามขั้นไปทำท่าเอาศีรษะทิ่มพื้นเอาขาชี้ฟ้านะคะ เพราะคุณอาจจะคอหักได้ ปัจจุบันมีคลิปสอนเล่นโยคะในยูทูปมากมายเลยค่ะ ลองเริ่มจากท่าง่ายๆ ก่อนเพื่อปรับกล้ามเนื้อให้ยืดหยุ่น จากนั้นค่อยพัฒนาความยากไปเรื่อยๆ ผลของการเล่นโยคะ นอกจากจะทำให้เรามีรูปร่างและมีบุคลิกที่ดีขึ้นแล้ว ยังช่วยให้เรามีสมาธิมากขึ้นด้วย การเล่นโยคะ เหมาะกับคนทุกรูปร่าง มีโรคประจำตัวก็เล่นได้ ใช้เวลาเพียงวันละ 10 – 20 นาที และแผ่นรองโยคะนั้นก็ราคาไม่แพงเลยค่ะ ภาพนี้ผู้เขียนกำลังเล่นโยคะ โดยมีน้องแมวอยากเล่นด้วย จ้องตาแป๋วเลย การเดิน เรียกว่าเป็นการออกกำลังกายขั้นเบสิกของคนทุกเพศ ทุกวัย เพราะการเดินเป็นกิจกรรมที่อยู่ในชีวิตประจำวันของเราอยู่แล้ว เราอาจจะเคยได้ยินมาว่า ในหนึ่งวันควรเดินให้ได้วันละ 7,000 – 10,000 ก้าว ซึ่งยังไม่มีงานวิจัยชิ้นใดมารองรับทฤษฎีนี้ หลายคนอาจจะเครียดว่าจะเอาเวลาที่ไหนมาเดินให้ได้วันละ 10,000 ก้าว ในความเป็นจริงเราอาจจะเดินมากกว่า 10,000 ก้าว (โดยที่ไม่รู้ตัว) ส่วนใครที่คิดว่าตัวเองเดินไม่ถึงเป้าหมายก็ไม่ต้องกังวลไปค่ะ เพราะอย่างที่บอก การเดินเป็นกิจกรรมที่ทำอยู่แล้วในชีวิตประจำวัน เพียงแต่การเดินเพื่อให้ถึงเป้าหมายทางสุขภาพนั้น อาจจะต้องเดินอย่างต่อเนื่องให้ได้วันละ 30 นาที และต้องเดินเป็นจังหวะอย่างสม่ำเสมอ ข้อดีของการเดิน นอกจากจะช่วยทำให้ปอดแข็งแรงขึ้นแล้ว ยังเป็นกิจกรรมที่ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่าย เพียงแค่มีรองเท้าผ้าใบ 1 คู่ ก็สามารถออกไปเดินเพื่อสุขภาพได้แล้วค่ะ นางแบบคนเดิมของผู้เขียน กับการเดินดูน้ำท่วมทุ่งนา การวิ่ง เป็นกิจกรรมที่ได้รับความนิยมอย่างมาก ปัจจุบันมีการจัดงานวิ่งกันแทบจะทุกจังหวัด และจัดกันตลอดทั้งปี แต่เดี๋ยวก่อน...สำหรับคนที่อยากวิ่ง คุณจะต้องย้อนกลับไปดูต้นทุน 4 อย่างนั้นก่อน เพราะการวิ่งจำเป็นต้องอาศัยทักษะอยู่บ้างพอสมควร หากคุณเป็นคนที่มีน้ำหนักตัวมาก ควรเริ่มต้นด้วยการเดินก่อนจะพัฒนาขึ้นเป็นการวิ่งต่อไป ที่สำคัญ การวิ่งจำเป็นจะต้องใช้ทุนทรัพย์อยู่บ้าง เริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อรองเท้าที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้ ซึ่งราคาก็จะขึ้นอยู่กับยี่ห้อ รุ่น ที่ออกจำหน่าย หรือหากใครที่อยากพิสูจน์ความฟิตของตนเอง ก็สามารถสมัครเข้าร่วมกิจกรรมงานวิ่งซึ่งแม้จะมีค่าสมัคร แต่ก็จะได้เสื้อ เหรียญรางวัล และที่สำคัญอาจจะได้พบกับเพื่อนใหม่ สังคมใหม่ๆ ที่สร้างแรงบันดาลใจในการออกกำลังกายให้กับคุณก็ได้นะคะ มีเพื่อนวิ่งก็ดีนะคะ ภาพนี้ผู้เขียนกับเพื่อนแข่งขันวิ่งเทรลค่ะ วิ่งเสร็จซื้อภาพจาก Thairun มาเก็บไว้เป็นที่ระลึก เห็นไหมล่ะคะ การออกกำลังกายไม่ใช่เรื่องยากเลย ขอเพียง “ใจพร้อม” ก็เริ่มขยับร่างกายเป็นจังหวะได้แล้ว มาเริ่มต้นมีสุขภาพดีด้วยกันนะคะ เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !