คุณแม่ตั้งครรภ์หลายท่านรวมถึงคุณพ่อมักมีข้อข้องใจว่าเครื่องดื่มที่คุณแม่อยากจะดื่มนั้นส่งผลอย่างไรต่อลูกน้อยบ้าง ดื่มแล้วอันตรายหรือไม่ ครั้นจะให้ตัดใจเลิกดื่มก็ลำบากใจ ไม่มีความสุขแต่ดื่มแล้วส่งผลเสียต่อความรู้สึกไม่ดี ตกลงเครื่องดื่มแต่ละอย่างส่งผลอย่างไร ไปอ่านกันเลย1.กาแฟ เครื่องดื่มยอดนิยมในการเริ่มต้นวันใหม่ ใครๆ ก็อยากตื่นตัว มอบความกระปรี้กระเปร่าให้ร่างกายแต่ว่าเมื่อมีลูกน้อยอยู่ในท้องแล้ว เรายังสามารถดื่มกาแฟได้หรือไม่ ดื่มในปริมาณเท่าใด บางงานวิจัยบอกผลเสียของกาแฟ ว่าอาจะทำให้หัวใจเต้นเร็ว ใจสั่น รบกวนการนอน แต่ก็มีบางงานวิจัยที่ชี้ว่า คนท้องสามารถได้รับคาเฟอีนได้ไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน กาแฟชง 1 แก้ว มีปริมาณคาเฟอีนประมาณ 95-165 มิลลิกรัม คนท้องอาจจะดื่มได้ประมาณ 1 แก้วต่อวัน ขึ้นอยู่กับความเข้มข้นของกาแฟ2.นม ใครๆ ก็รู้ว่านมเป็นแหล่งโปรตีนที่สำคัญยิ่งท้องก็ต้องยิ่งจำเป็นต้องดื่มนมเพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับลูกในท้อง จริงอยู่ว่านมเป็นเครื่องดื่มที่มีประโยชน์แต่หากได้รับในปริมาณมากเกินไป ลูกอาจแพ้นมได้ จะส่งผลเสียในระยะยาวและจะเพิ่มความกังวลให้คุณแม่มากขึ้นไปอีก หากต้องการดื่มก็ดื่มแบบพอดีๆ ไม่ต้องโด๊ป3.น้ำมะพร้าว น้ำมะพร้าวดื่มแล้วลูกจะขาวไม่มีไข หากอยากให้ลูกขาวต้องดื่มน้ำมะพร้าวเยอะๆ แต่อีกมุมหนึ่งคือ น้ำมะพร้าวมีน้ำตาลในปริมาณสูง มีฮอร์โมนเอสโตรเจน ทำให้มดลูกบีบตัว บางความเชื่อ เชื่อว่าหากดื่มตอนท้องอ่อนๆ อาจทำให้แท้ง หากต้องการดื่มน้ำมะพร้าวให้ดื่มหลังจากไตรมาสแรกไปแล้ว และไม่ควรดื่มบ่อยและมากจนเกินไป เพราะอาจทำให้น้ำตาลในเลือดสูงเสี่ยงต่อการเป็นเบาหวาน4.น้ำอัดลม น้ำอัดลม มีเพียง แก๊ส น้ำ น้ำตาลไม่มีคุณค่าทางอาหาร ถึงจะทำให้สดชื่นแก้กระหายคลายร้อนเวลาดื่ม น้ำอัดลมก็มีน้ำตาลในปริมาณมาก คุณแม่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มประเภทนี้จะดีต่อลูกในท้องมากกว่า5.เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่งผลเสียต่อทารกในครรภ์ทั้งทางด้านร่างกายและสมอง ดังนั้นเครื่องดื่มประเภทนี้เป็นเครื่องดื่มประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง ขณะตั้งครรภ์จะดีกับลูกมากกว่า เมื่อคุณแม่ตั้งท้องควรรับประทานอาหารที่หลากหลายเหมาะสม เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หากไม่แน่ใจว่าอาหารประเภทนั้นเหมาะสมหรือไม่ก็ควรหลีกเลี่ยง หากทำได้ก็ดื่มน้ำสะอาด ในปริมาณพอเหมาะ หากอยากดื่มน้ำหวานก็สามารถรับประทานผลไม้แทนได้ ทั้งหมดนี้ทำได้ง่ายๆ ขอให้คุณแม่และคนใกล้ชิดไม่เครียดจนเกินไป เพื่อให้คุณแม่มีความสุข ลูกจะได้สุขภาพกาย สุขภาพจิตที่สมบูรณ์แข็งแรง เครดิตรูปภาพ รูปประกอบที่1/รูปประกอบที่2/รูปประกอบที่3/รูปประกอบที่4/รูปประกอบที่5/รูปประกอบที่6