ช่วงหลังโควิดหลายบริษัทได้ปรับรูปแบบการทำงานกันขนานใหญ่ จากที่ Work from home กันมา 2-3 ปี เริ่มเรียกกลับมาทำงานที่ออฟฟิศกันแล้ว ทำให้ต้องปรับวิถีการใช้ชีวิตอีกรอบ โดยเฉพาะคนที่มีลูกเล็กต้องคอยดูแล ดังนั้นพี่เลี้ยงและแม่บ้าน จึงเป็นคำตอบที่หลายครอบครัวเลือกใช้ บ้านไหนได้คนดี มีความรับผิดชอบ ก็ถือเป็นโชคดีไป แต่ถ้าเจอคนไม่ดีที่สร้างปัญหาให้ ก็เรื่องใหญ่อยู่เหมือนกันนะ…เราเลยอยากรวบรวมประสบการณ์ทั้งที่เคยเจอเอง และของเพื่อน ๆ รอบตัว เกี่ยวกับการจ้างพี่เลี้ยงและแม่บ้านมามัดรวมเป็นคำแนะนำ ที่ควรรู้ก่อนจะเลือกใครให้มาดูแลคนในครอบครัวเรากันค่ะ 1.ต้องเช็คประวัติให้ดีก่อน เรื่องนี้สำคัญมากและเป็นอย่างแรกที่ควรจะทำก่อนรับใครมาทำงานด้วย เราจะดูแค่ผิวพรรณ หน้าตา หรือข้อมูลการที่งานที่ผ่านมาเท่านั้นไม่ได้ ควรต้องเช็คประวัติโดยละเอียดเลยว่ามีการเปลี่ยนชื่อ เปลี่ยนนามสกุลมาแล้วหรือไม่ ถ้าจะให้ดีควรเอาชื่อ ที่อยู่ของคนที่เราจะจ้างไปเช็คกับ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้ข้อมูลอย่างละเอียด ซึ่งอาจจะเสียค่าธรรมเนียมในการใช้บริการบ้าง แต่ก็ช่วยให้ปลอดภัยจากมิจฉาชีพที่อาจแฝงมาในคราบพี่เลี้ยงและแม่บ้านได้ สามารถเข้าไปลองอ่านข้อมูลการใช้บริการที่นี่ได้เลยค่ะ >> กองทะเบียนประวัติอาชญากร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ 2. หาคนที่ทัศนคติตรงกับการทำงาน และตรงกับเราด้วยเมื่อเจอคนที่ประวัติถูกใจแล้ว อย่ารีบร้อนรับเข้ามาทำงานทันที ควรมีการพูดคุยเพื่อดูทัศนคติของคนที่เราจะจ้างก่อนว่าเหมาะสมกับงานหรือไม่ เช่น ถ้าเป็นพี่เลี้ยงเด็ก ควรต้องใจเย็น มีความรักเด็ก ถ้าเป็นแม่บ้านก็ต้องเป็นคนมีระเบียบ สุภาพ และอีกสิ่งหนึ่งที่จะมองข้ามไม่ได้ คือ ต้องเลือกคนที่มีทัศนคติตรงกับเราด้วย เพราะจะได้ทำงานด้วยกันอย่างราบรื่น ซึ่งในขั้นแรกอาจจะยังไม่เห็นนิสัยใจคอกันอย่างชัดเจน แนะนำให้มีการกำหนดช่วงทดลองงานสัก 3-4 เดือน เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายได้เรียนรู้ซึ่งกันและกันว่าจะทำงานด้วยกันได้หรือไม่ ถ้าไม่ใช่จะได้ไม่เสียเวลาทั้งสองฝ่าย 3.หาพี่เลี้ยงและแม่บ้านจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ปัจจุบันมีทั้งเว็บไซต์ แอปพลิเคชั่น และเพจต่าง ๆ ที่เปิดให้บริการจัดหาพี่เลี้ยงเด็กและแม่บ้านให้ได้เลือกกันหลายเจ้าตามชอบใจ แต่ที่คนรอบตัวเราแนะนำบอกต่อ ๆ กันมาจะเป็นของบริษัท Kiidu เพราะที่นี่เค้าเปิดมา 9 ปีแล้ว มีให้บริการครอบคลุมทั้งพี่เลี้ยงเด็ก แม่บ้าน ผู้ดูแลผู้สูงอายุ พยาบาลส่วนตัว คนขับรถ และผู้ช่วยภายในบ้านอื่น ๆ สำหรับข้อดีของที่นี่เค้ามี Background Check เพิ่มความมั่นใจให้ผู้จ้าง มีการเทรนนิ่งพี่เลี้ยงในด้านต่าง ๆ ซึ่งพี่เลี้ยงมีให้เลือกหลายแบบ เช่น พี่เลี้ยงกึ่งแม่บ้าน พี่เลี้ยงกึ่งติวเตอร์ที่สำคัญเค้าจะดูแลให้ครบวงจรตั้งแต่ค้นหา สัมภาษณ์ ส่งตัว แค่เราติดต่อสอบถามไปที่ Kiidu Facebook หรือจะเข้าไปดูที่เว็บไซต์ก่อน ก็ได้เหมือนกัน www.kiidu.com 4.มีรายละเอียดและข้อตกลงในการทำงานอย่างชัดเจน หลายบ้านเมื่อตกลงเรื่องค่าจ้างได้แล้ว มักลืมคุยเรื่องเงื่อนไขการทำงานให้ชัดเจนก่อนเริ่มงาน เช่น วันหยุด วันลา และขอบเขตการทำงานว่าต้องทำอะไรบ้าง ทำให้เมื่อทำงานกันไปแล้ว เกิดความไม่เข้าใจกัน อย่างเช่น ไม่ได้บอกว่างานพี่เลี้ยงเด็กอาจต้องช่วยซักเสื้อผ้าให้น้อง หรือต้องทำความสะอาดด้วย เมื่อพี่เลี้ยงต้องมาทำงานเพิ่มก็อาจรู้สึกไม่เป็นธรรม ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ จนทำให้ทำงานอยู่ได้ไม่นาน ดังนั้นควรตกลงให้ดี หรือทำเป็นสัญญาออกมาเป็นลายลักษณ์อักษร ก็จะเซฟทั้งตัวเราและตัวคนทำงานด้วยเช่นกัน 5.ก่อนจะมีพี่เลี้ยงและแม่บ้าน ต้องมีกล้องวงจรปิดก่อนข้อนี้สำคัญสุด ๆ เลย เพราะการมีกล้องวงจรปิดจะช่วยเป็นหูเป็นตาแทนเราเวลาที่ต้องออกไปทำงาน โดยต้องทำความเข้าใจก่อนว่า ที่เราติดกล้องวงจรปิดไม่ใช่มีไว้คอยจับผิดพี่เลี้ยงหรือแม่บ้าน แต่มีไว้เพื่อเช็คความปลอดภัยสำหรับคนในครอบครัวเรา แนะนำให้ใช้กล้องที่มีคุณภาพสูง และมีแอปพลิเคชันที่เชื่อมต่อกับสมาร์ทโฟน หรือคอมพิวเตอร์ของเราได้ จะได้ไม่พลาดทุกเหตุการณ์สำคัญ จากที่ได้ฟังประสบการณ์ของคนรอบตัวมา ก็พอสรุปได้ว่า "การมีพี่เลี้ยงและแม่บ้านที่ดีนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่มันก็ไม่ยากจนเกินไปหากเราพิถีพิถันและละเอียดรอบคอบตั้งแต่จุดเริ่มต้น" ก็จะทำให้เราได้คนที่ตรงใจ ที่พร้อมจะทำงานกับเราไปได้นาน ๆ … หวังว่าคนที่กำลังมองหาพี่เลี้ยงและแม่บ้าน ถ้าได้ผ่านมาเจอบทความนี้คุณจะได้นำแนวทางทั้ง 5 ข้อไปใช้ แล้วจะได้เลือกคนไม่ผิดและได้คนดีมาดูแลคนในครอบครัวกันค่ะ ภาพจากประกอบ 1: freepik : 1112000ภาพประกอบ 2 เว็บไซต์ criminal.police.go.th ภาพจากประกอบ 3 , รูปภาพปก freepik : Evgenymediaภาพประกอบ 4 จากเพจ Kiidu Facebookภาพจากประกอบ 5 freepik : nikki_meel เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !