ใครจะไปคิดว่าคนที่มีร่างกายแข็งแรงจะเป็นไข้หวัดได้กัน ซึ่งแน่นอนว่ากระผม "ปะแล่มปะแล่ม" นั้นก็เพิ่งจะหายป่วยมาไม่นานหลังจากที่ต้องอยู่ในอาการเสียงแหบหลังจากที่เป็นไข้หวัดธรรมดา...ที่ไม่ธรรมดาต้องเท้าความไปช่วงที่ผมได้เดินทางไปต่างประเทศ ซึ่งคนที่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินนั้นจะเข้าใจว่าการเตรียมตัว เช็คอิน รอขึ้นเครื่อง จะต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง อีกทั้งยังต้องมาก่อนเวลาอีกกว่า 2 ชั่วโมง ทำให้ช่วงนั้นผมนอนไม่เป็นเวลา ตื่นตี 2 เพื่อเตรียมพร้อม และไปขึ้นเครื่อง และการไปต่างประเทศครั้งนี้ ผมต้องขึ้นๆ ลงๆ เครื่องบิน 5-6 รอบ ประกอบกับสภาพอากาศที่ไม่คุ้นชิน จึงทำให้ตัวผมนี้...ไอใช่ครับ แค่ไอกระแอมเล็กน้อย ซึ่งผมละเลยสัญญาณบ่งบอกนี้ว่า "ตอนนี้ร่างกายอ่อนแอมากแล้วนะ" ซึ่งผมก็กลับมาเริ่มงานในสภาพร่างกายที่ยังปรับเวลานอน (jet lag) ไม่ได้ ทำงานในที่ๆ มีฝุ่น รวมทั้ง...การพบกับการต้อนรับสายฝนของเมืองไทยและแล้ว...ผมเป็นไข้หวัดธรรมดา...ที่รุนแรง ดูตลกมากที่ผมต้องหยุดงานเพราะไข้หวัดที่ไม่ใช่ทั้งโควิด19 และ ไข้หวัดใหญ่ ซึ่งนอกจากอาการปวดหัว เป็นไข้แล้ว สิ่งที่ทรมานที่สุดคือ "อาการไอ"ผมไอรุนแรงอยู่ 2 สัปดาห์ และพูดได้เต็มคำพูดในสัปดาห์ที่ 3 และหายเป็นปกติในสัปดาห์ที่ 4 ซึ่งอาการไอนี้เองทำให้ผม "เสียงแหบ" หมอที่รักษาเองก็บอกว่าน้อยคนนักที่จะเป็นรุนแรงขนาดนี้ และนี่เอง เป็นเหตุผลที่ผมอยากจะแชร์วิธีการที่ช่วยรักษาในระหว่างที่มีอาการเสียงแหบอยู่ครับ1. พักการใช้เสียง : หากคุณมีอาการเสียงแหบ ควรหยุดใช้เสียงที่ดังมากเกินไป เพื่อให้เสียงที่บวมหรืออักเสบได้รับการฟื้นฟู โดยส่วนตัว...ผมพูดไม่ได้มากกว่า2. พูดโดยอ่อนเสียง : เมื่อคุณรู้สึกว่าอาการเสียงแหบหายไปบ้าง คุณสามารถพูดโดยอ่อนเสียงเพื่อให้เสียงค่อยๆ เพื่อเป็นการวอร์มเสียงให้ค่อยๆ กลับมาที่สภาพปกติ3. ดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ หรือดื่มเครื่องดื่มที่ช่วยให้ชุ่มคอ : การดื่มน้ำอุ่นบ่อยๆ จะช่วยให้เสียงแข็งแรงและช่วยในการชะลออาการเสียงแหบได้ (คำเตือน : ควรใช้อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสม เพราะระหว่างที่เป็นไข้หวัดหรือไอ จะมีน้ำมูก เสมหะ และอาการลิ้นรับรสไม่ได้ด้วย หากน้ำร้อนเกินไป จะกลายเป็นลวกลิ้น และลิ้นแตกแทน)ส่วนเครื่อมดื่มที่แนะนำสำหรับผมคือ น้ำผึ้ง+มะนาว โดยการใช้น้ำร้อน 1 แก้ว + น้ำผึ้ง 3 ช้อนชา + มะนาว 1/3 ลูก และ เกลือเล็กน้อย (แค่ติดปลายช้อนชา) ผสมรวมกัน และดื่มตอนที่กำลังอุ่น ช่วยผมได้มากเลย4. หากคุณสูบบุหรี่ ควรเลิกสูบ : หมอแนะนำบุหรี่อาจทำให้เสียงแหบมากขึ้น การเลิกสูบบุหรี่อาจช่วยปรับฟื้นสภาพเสียงได้ ซึ่งผมเองก็โชคดีที่ไม่ได้สูบบุหรี่5. ออกกำลังกาย : การออกกำลังกายที่เหมาะสมสามารถช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงในกล่องเสียงได้ แต่ก็ต้องพึงระวัง เพราะหากยังมีอาการอักเสบของลำคอ อาจจะทำให้เกิดการอักเสบของลำคอเพิ่มขึ้นได้ การออกกำลังกายจึงทำแค่พอควร ซึ่งผมใช้วิธีการเดินเร็วไปรอบๆ บ้าน แต่ก็ไม่ได้ทำจนถึงขนาดที่ตัวเองเหนื่อยหอบ6. พบแพทย์หากอาการไม่ดีขึ้น : หากอาการเสียงแหบยังคงรุนแรงหรือไม่ดีขึ้น ควรพบแพทย์เพื่อให้คำแนะนำและการรักษาเพิ่มเติม เพราะบางครั้งอาจจะเกิดภาวะแทรกซ้อนก็เป็นได้7. พักเสียง : ถ้าคุณมีงานหรือสิ่งที่ต้องพูดเสียงเรื่อยๆ เช่น งานประชุมหรือการสอน ควรพักเสียงเป็นระยะเพื่อให้เสียงได้รับการพักผ่อน ซึ่งต้องบอกให้เพื่อนร่วมงานทราบถึงอาการของเราด้วย เพื่อที่การสนทนาจะได้ไม่ถูกเร่งเร้าการพูดของเรา (ลำบากจริงๆ นะ)8. การหลีกเลี่ยงความเสี่ยงอื่นๆ : รักษาสุขภาพเสียงโดยการหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เสียงแหบ เช่น ควันหมอก ฝุ่นละออง และสารเคมีที่อาจกระทบต่อเสียง โดยการใช้หน้ากากอนามัยอยู่เสมอ (ขาดไม่ได้นะครับ)9. การรักษาสุขภาพทั่วไป : ดูแลสุขภาพโดยรวมโดยการบริโภคอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เพราะระหว่างที่เป็นไข้หวัดและเสียงแหบนั้น ความอยากอาหารจะลดลงซึ่งส่งผลทำให้ร่างกายไม่ค่อยมีแรง อีกทั้งการทานอาหารประเภทของทอด หรือมีไขมันเป็นส่วนประกอบ รวมทั้งขนมต่างๆ เป็นสิ่งต้องห้ามในการรักษาทั้งสิ้น (เพราะจะทำให้อาการไอกลับมา และจะทำให้เส้นเสียงอักเสบเพิ่มขึ้น) เพราะฉะนั้น การได้ทานอาหารที่เหมาะสมและมีประโยชน์จึงสำคัญอย่างยิ่งอย่าละเลยการดูแลสุขภาพและรักษาเสียงของคุณ เนื่องจากเสียงเป็นสิ่งที่มีค่ามากในชีวิตประจำวันของเรา อีกทั้งยังส่งผลกระทบในการทำงานและชีวิตส่วนตัวของเราด้วย แม้ท้ายที่สุดเราอาจจะไม่สามารถควบคุมอาการเจ็บป่วยได้ แต่เราก็สามารถดูแลตัวเองให้แข็งแรงอยู่เสมอได้ และหวังว่าทุกคนจะมีสุขภาพที่ดีและแข็งแรงกันนะครับเรื่องโดย : ปะแล่มปะแล่มขอบคุณภาพจาก Pixabayภาพที่ 1 & ภาพปก : naturalherbsclinicภาพที่ 2 : congerdesignภาพที่ 3 : voltamaxภาพที่ 4 : brenkee เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !