พ.ศ. 2563 เป็นยุคที่หน้ากากอนามัยมีค่าดั่งทองคำ เจอที่ไหนต้องรีบซื้อเก็บไว้ เผื่อใช้งานในวันข้างหน้าเร็ววันนี้ โดยเฉพาะหน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก หาซื้อยากมาก ๆ ดังนั้น หนึ่งภารกิจประจำวันของเรา คือ การแวะเข้าร้าน 7-11 ที่มีโอกาสพบเจอตามรายทาง เพื่อหาซื้อหน้ากากอนามัยสำหรับเด็ก ให้ลูกชายสวมใส่เวลาเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไปโรงเรียนค่ะจากการเสาะแสวงหาในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑล พบว่าหน้ากากอนามัยสำหรับเด็กที่วางขายในร้าน 7-11 เป็นแบบรองรับ PM 2.5 ด้วย ทำให้ราคาสูงกว่าหน้ากากอนามัยโดยทั่วไป สำหรับรูปแบบและยี่ห้อที่พบเจอนั้น 2 ยี่ห้อด้วยกัน คือ1. ยี่ห้อ Dr.Mask (ราคา 20 บาท) มีจำหน่ายที่ 7-11 เท่านั้นนะคะ ภายในซองบรรจุหน้ากากอนามัย จำนวน 2 ชิ้น เป็นหน้ากากอนามัยรูปทรงแบน ๆ เหมือนหน้ากากทั่วไป แต่หน้ากากมีความหนา 3 ชั้น ป้องกันได้ทั้งฝุ่นและเชื้อโรคต่าง ๆ ผลิตภัณฑ์นี้ผลิตจากประเทศจีน แล้วนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย แต่บนซองพลาสติกหรือฉลากได้สกรีนข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ครบถ้วน เรียกว่าเป็นสินค้าที่มีฉลากตามคำแนะนำของสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค โดยให้ข้อมูลว่า สามารถกรองอานุภาคของฝุ่นขนาดเล็ก กรองเชื้อแบคทีเรียและไวรัส ตลอดจนเกสรของดอกไม้ได้ถึง 99% ซึ่งข้อมูลบนฉลากดังกล่าวสร้างความมั่นใจให้กับผู้ซื้อได้มากเลยค่ะ ในส่วนของการใช้งาน หลังจากใช้งานได้ประมาณครึ่งวันก็ต้องเปลี่ยนชิ้นใหม่ เพราะขุยผ้าจากหน้ากากจะกระจายออกมา สร้างความระคายเคืองจมูกและปากให้กับลูกเวลาที่เขาสวมใส่ แต่การเปลี่ยนใหม่ก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะเข้าใจว่า จำนวน 2 ชิ้นภายในซองนั้น ออกแบบมาให้ใช้ภายใน 1 วันอยู่แล้ว// Photo by sakooclub //2. ยี่ห้อ Unicharm (ราคา 125 บาท) ภายในซองบรรจุหน้ากากอนามัย จำนวน 5 ชิ้น เป็นหน้ากากอนามัยรูปทรง 3 มิติ ที่ออกแบบมาให้แนบกระชับแนบสนิทกับรูปหน้าของเด็ก ยี่ห้อนี้เป็นสินค้านำเข้าจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีสติ๊กเกอร์ฉลากภาษาไทยแปะไว้บนซอง เพื่อแสดงคำอธิบายเกี่ยวกับตัวสินค้า และให้คำแนะนำในการใช้งานแก่ผู้ซื้อด้วยค่ะ ในส่วนของการใช้งาน เราได้ทดลองสวมใส่ตามภาพที่แนะนำไว้บนซองแล้ว พบปัญหาคือ หน้ากากจะหย่อนลงมาใต้จมูกของลูก ซึ่งเราจึงแก้ไขปัญหาโดยการกลับด้าน นำส่วนคางขึ้นไปไว้ด้านบนสันจมูกแทน ใส่แล้วไม่หย่อนหรือหลุดลงมา สามารถใช้งานได้ดีตลอดทั้งวันค่ะ// Photo by sakooclub //ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เวลาที่เราเลือกซื้อหน้ากากอนามัย เราจะซื้อยกกล่อง (50 แผ่น) เพราะมั่นใจได้ว่าสินค้าภายในกล่องมาจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน แต่ในปัจจุบัน สถานการณ์เปลี่ยนไปมาก หน้ากากอนามัยจึงหาซื้อได้ยาก ดังนั้น เราจังต้องเลือกซื้อหน้ากากอนามัยในร้าน 7-11 เพราะมั่นใจในคุณภาพของสินค้า ไม่ต้องกังวลเรื่องการปกเปื้อนเชื้อโรคจากการแบ่งขาย หรือไม่ต้องหัวเสียเพราะหน้ากากอนามัยบางเฉียบไม่ได้มาตรฐาน ป้องกันอะไรไม่ได้เลย จ่ายแพงขึ้นมานิด แต่ชีวิตปลอดภัยแน่นอนค่ะ ดังนั้น การเลือกซื้อหน้ากากอนามัยจากผู้จำหน่ายที่ไว้ใจได้จึงเป็นสิ่งที่ต้องคำนึงถึงด้วยนะคะ เพื่อให้ได้หน้ากากอนามัยที่ปลอดภัย ได้มาตรฐานนั่นเองค่ะ// Photo by sakooclub //