" การนอน ( Sleep ) " คือพฤติกรรมพื้นฐานที่ทุกชีวิตบนโลกสีน้ำเงินใบนี้ต้องการ โดยเฉพาะมนุษย์ที่ใช้เวลาหมดไปกับการนอนมากถึง 1 ใน 3 ของนาฬิกาชีวิต การนอนอาจจะเป็นเพียงเรื่องง่ายๆ เพราะคนทุกคนเกิดมาก็ต้องนอนหลับพักผ่อน หลายคนต้องพบกับปัญหาการนอนไม่หลับ ต้องใช้ยานอนหลับรวมไปถึงวิธีทางการแพทย์หลายอย่างมาช่วย ดังนั้นคนที่นอนหลับง่ายก็ดูเหมือนจะเป็นคนที่มีความสุข และโชคดีกว่าอีกหลายๆ คนที่นอนหลับยาก แต่นั่นก็ไม่จริงเสมอไปถ้าหากคุณเป็น " โรคนอนมากเกินไป " ซึ่งเป็นหัวข้อเอกที่พวกเรา Wannatalk จะหยิบยกพาทุกคนไปทำความรู้จักกันครับ นอนมากเกินอันตรายอย่างไร ?ถ้าหากเราลองพิจารณาดีๆ ถือเป็นเรื่องน่าตกใจไม่น้อยที่หลายคน (อาจ) ไม่เคยรู้มาก่อนว่าการนอนมากเกินไปก็ถือเป็นโรคอันตรายเช่นกัน โดยทางการแพทย์เรียกโรคนี้ว่า " Hypersomnia " ในสายตาคนภายนอกที่มองมาจะคิดว่าเราดูเป็นคนขี้เซา เซื่องซึม จึงมักจะถูกหาว่าเป็นคนขี้เกียจอยู่บ่อยครั้ง แต่ในความเป็นจริงคนขี้เกียจกับคนป่วยเป็นโรคนอนนานนั้นไม่เหมือนกัน เพราะโรคนอนนานเกิดจากสภาวะทางกายหรือจิต เป็นปัญหาของสุขภาพที่ต้องพบแพทย์โดยเร่งด่วน ต่างจากความขี้เกียจที่เกิดมาจากพฤติกรรมและนิสัยส่วนตัวล้วนๆนอนเท่าไหร่จึงเรียกว่านอนมากเกินไป ?โดยปกติแล้วคนเราควรจะมีช่วงเวลาการนอนในแต่ละคืนอยู่ที่ประมาณ 5-8 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายพักผ่อนอย่างเพียงพอ แต่ถ้าหากใครที่นอนเกิน 8 ชั่วโมงแล้วยังรู้สึกว่าตัวเองนอนไม่พอ มักจะชอบแอบงีบระหว่างวัน มีอาการสมองช้า ความจำไม่ดี ไม่กระตือรือร้น ไม่สดชื่นเหมือนแต่ก่อน ก็พอจะเป็นไปได้ว่าคุณกำลังเข้าข่ายผู้ต้องสงสัยเป็นโรคนอนมากเกินไปสาเหตุเกิดจากอะไร ?สาเหตุหลายอย่างที่ส่งผลกระทบในระยะยาว ตัวอย่างเช่น นอนไม่เป็นเวลาทำให้นาฬิกาชีวิตแปรปรวน อดนอนบ่อยเกินไปจนทำให้ร่างกายอ่อนล้า สารเคมีและฮอร์โมนแปรปรวน นอนกรนแบบไม่รู้ตัวทำให้สมองขาดออกซิเจนในบางช่วงถ้าในระยะยาวหากไม่แก้ไขจะนำไปสู่การเป็นโรคซึมเศร้า โรคกระดูกพรุน สมองเสื่อม อ้วนง่าย และมีบุตรยาก นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยชี้ว่าคนที่นอนนานเกิน 9 ชั่วโมงมีโอกาสจะเสียชีวิตเร็วกว่าคนปกติทั่วไปวิธีแก้ไขในเบื้องต้น ?วิธีแก้ไขเบื้องต้นที่ได้ผลมากที่สุดคือพยายามปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการนอน ที่สำคัญคืออย่าอดนอนเด็ดขาด พยายามนอนหลับให้ตรงเวลา ไม่ควรใช้ยานอนหลับช่วยเสริม สร้างสภาวะแวดล้อมให้เหมาะสมกับการนอนตัวอย่างเช่น พยายามแยกห้องนอนและห้องทำงานออกจากกัน งดเล่นมือถือก่อนนอน ทำสมาธิก่อนนอนสัก 5 นาทีขั้นต่ำ ปรับอุณหภูมิในห้องให้พอดีไม่หนาวหรือร้อนจนเกินไป ดื่มน้ำอุ่นๆ สักแก้วเพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไประหว่างวันองค์ประกอบเหล่านี้จะช่วยทำให้นอนหลับสนิทง่าย และนอนหลับอย่างสบายใจเพียงพอ 6-8 ชั่วโมง แต่ถ้าหากทำแล้วยังไม่รู้สึกดีขึ้นควรลองปรึกษาคุณหมอคนเก่งที่โรงพยาบาลใกล้บ้านท่านส่วนตัวผู้เขียนเองก็รู้สึกว่าอาจมีส่วนเข้าข่ายเจ้าโรคตัวนี้เหมือนกัน เพราะมักจะรู้สึกง่วงนอนตลอดเวลา ยิ่งในช่วงสถานการณ์โควิด-19 ที่ต้องนั่งทำงานอยู่บ้านตลอดทั้งวัน จึงเริ่มพยายามปรับตัวตามวิธีข้างต้น ผลลัพธ์ที่ได้คืออาการง่วงซึมระหว่างวันลดลงไปได้มากพอสมควรสุดท้ายนี้ Wannatalk ขอเป็นกำลังใจให้คุณผู้อ่านทุกท่าน เพราะการนอนเป็นของขวัญล้ำค่าแก่ชีวิต เป็นเรื่องสามัญปกติของคนทั่วโลก ดังนั้นจงอย่าปล่อยให้การนอนทำร้ายชีวิตพวกเราได้นะครับ บทความสุขภาพจาก Wannatalk - อันตรายจากการนอนคลุมโปงที่ไม่ควรมองข้าม- รู้หรือไม่? โรคอีสุกอีใสและงูสวัดคือเชื้อโรคพันธุ์เดียวกัน แหล่งข้อมูล med.mahidol , Samitivejเครดิตรูปภาพ1. รูปภาพหน้าปก Wannatalk (ผู้เขียนบทความ)2. ภาพประกอบ - ภาพที่ 1 : Pexels / pixabay - ภาพที่ 2 : Free-Photos / pixabay - ภาพที่ 3 : ddimitrova / pixabay - ภาพที่ 4 : cuncon / pixabay - ภาพที่ 5 : Wannatalk เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !