เคยไหม ? เพียงแค่นึกถึงภาระงานในเวลาตื่นนอนยามเช้าก็ทำให้รู้สึกเหนื่อย และไม่มีความสุขหากใครที่เคยมีอาการเหล่านี้ มาหาสาเหตุกันว่าคุณกำลังอยู่ในช่วง “ ภาวะ หมดไฟในการทำงาน ” หรือไม่ ในเดือน พฤษภาคม ค.ศ.2019 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศรวม เบิร์นเอาต์ (Burn-out) ไว้ในบัญชีการจำแนกโรคระหว่างชาติขององค์การอนามัยโลก ฉบับที่ 11 ว่าเป็นปรากฏการณ์ที่จะเกิดขึ้นด้านการงานอาชีพ ซึ่งไม่ใช่โรคทางการแพทย์ ได้มีการอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับภาวะการ “ Burn-out ” ว่า เป็นภาวะปัจจัยที่มีผลสุขภาวะแต่ไม่ใช่ความเจ็บป่วย อาการของ ภาวะเบิร์นเอาต์ เป็นอาการที่เป็นผลรวมจากความเครียดที่เกิดในการทำงาน ที่ไม่สามารถทำให้งานสำเร็จไปได้อย่างลุล่วงได้ มี 3 ลักษณะดังนี้มีความรู้สึกหมดพลังและหมดสิ้นเรี่ยวแรงมีความรู้สึกกับงานน้อยลงหรือไม่มีความรู้สึกกับงาน รู้สึกต่องานในแง่ลบ ต่อต้าน และงานมีประสิทธิภาพที่ลดลง มีผลต่อเรื่องงานอาชีพ ไม่ใช้กับประสบการณ์ด้านอื่นของชีวิต สาเหตุของการเกิด ภาวะ เบิร์น-เอาต์ (ฺBurn-out)สาเหตุที่ทำให้เกิดภาวะอาการเบิร์น-เอาต์มีหลากหลายสาเหตุมากมายที่แต่ละคนพบเจอได้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเป็นภาวะที่ส่งผลเสียทั้งต่อบุคลากรและในส่วนขององค์กร เพราะว่าภาวะอาการเบิร์น-เอาต์ จะทำให้งานที่ได้จากบุคลากรมีประสิทธิภาพที่น้อยลง และบางครั้งยังทำให้องค์กรเสียบุคลากรที่มีความสามารถไปอีกด้วย ซึ่งสาเหตุที่ทำให้หลายๆ คนมีภาวะนี้ก็คือ 1.ภาระงานที่มีมากเกินไปตัวผมเองเชื่อว่าต้องมีหลายคนที่อาจจะเคยได้เข้าไปร่วมทำงานกับองค์กรที่มีการยัดเยียดภาระงาน และหน้าที่ความรับผิดชอบมาให้กับบุคลากรมากเกินความจำเป็นอย่างแน่นอน ซึ่งทางองค์กรไม่ได้ถามความเห็นหรือเข้าใจถึงศักยภาพของบุคลากรเลยว่า สามารถรับมือกับภาระงานที่มีมากมายจนล้นมือเหล่านั้นได้หรือไม่ การมีภาระหน้าที่รับผิดชอบที่มากเกินไปทำให้เกิดความเหนื่อยล้าสะสม จนทำให้เกิดความรู้สึกกับงานน้อยลงไปจนถึงทำงานออกมาได้ไม่ดีพอ จนเกิดภาวะเบิร์น-เอาต์ไปในที่สุด 2.ช่วงเวลางาน เดิมทีแล้วช่วงเวลาของงานจะมีอยู่ 2 ลักษณะหรือเรียกว่า งานกลางวันและงานเป็นกะ พอถึงศตวรรษที่ 21 มีงานชนิดที่ 3 ด้วยคือ งานไม่เป็นเวลา หลายคนอาจจะสงสัยว่าสาเหตุนี้มันมีผลต่อภาวะการเบิร์น-เอาต์ อย่างไร? ผมขออธิบายก่อนละกันว่าลักษณะของงานที่เราต้องรับผิดชอบตามชนิดของงานที่แตกต่างกันนั้น มันมีผลกระทบต่อภาวะที่ไม่เหมือนกัน ซึ่งถ้าหากจะให้พูดจนครบทุกรูปแบบก็อาจจะต้องใช้เวลาในการอธิบายที่ยาวนานจนเกินไป แต่ผมจะยกตัวอย่างง่ายๆจากประสบการณ์โดยตรงของผมให้เห็นภาพ คือ ในบางครั้งในหน่วยงานที่ผมเคยทำงานชอบมีงานเร่งด่วน หรืออาจจะมีภาระงานให้เรารับผิดชอบในช่วงวันหยุด ซึ่งแค่อธิบายแค่นี้หลายๆคนก็คงจะนึกภาพออกใช่ไหมล่ะครับ เพราะวันหยุดเราควรจะต้องได้พักผ่อนร่างกาย สมอง และจิตใจ เพื่อจะได้มีความพร้อมในการทำงานครั้งต่อๆไป บางคนอาจจะบอกว่าก็ช่วยๆองค์กรหน่อยไม่ได้หรือ แต่ถ้าหากผมตอบว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นบ่อยครั้งล่ะครับ เพราะฉะนั้นนี่จึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้หลายๆคนก้าวเข้ามาสู่ภาวะเบิร์น-เอาต์ ได้เช่นเดียวกัน 3.การจัดลำดับความสำคัญ“ภาระงานที่มากมายไม่ได้เกิดจากองค์กรเพียงอย่างเดียว เพราะอาจจะเกิดจากจัดลำดับความสำคัญไม่เป็น” คำพูดนี้อาจจะเป็นคำพูดที่ฟังดูแล้วเหมือนกับเข้าข้างองค์กร แต่ต้องยอมรับว่าบางครั้งมันก็คือความจริง มีหลายคนที่ไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญของงานได้ ตัวอย่างที่คนทั่วไปจัดลำดับความสำคัญคือ ครอบครัว งาน เงิน ชื่อเสียง เป็นต้น โดยสามารถเข้าใจได้ง่ายๆ ว่า เมื่อครอบครัวหรือเรื่องส่วนตัวของเราเรียบร้อย ก็จะไม่มีปัญหาที่คอยมากวนใจอยู่ข้างหลัง ทำให้เรามีสมาธิกับการทำงานมากยิ่งขึ้น แต่สำหรับคนที่ไม่สามารถจัดลำดับความสำคัญได้อย่างเหมาะสม เช่น อาจจะให้ความสำคัญกับงาน เงิน และชื่อเสียง มากกว่าครอบครัว แน่นอนว่าเมื่อเราให้ความสำคัญกับงานเงินก็จะส่งผลตามมา และอาจจะได้รับชื่อเสียงที่ดีมากขึ้น แต่ว่าเราได้ละเลยครอบครัวไปก็มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาตามมาในภายหลังได้ ซึ่งอาจจะทำให้เกิดภาวะ intimacy และ generativity คือ การที่สามารถหลอมรวมกับผู้อื่นและการทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นได้ แต่ใจก็ไม่อาจจะสงบสุข 4.Executive Function (EF)“Executive Function หมายถึง ความสามารถของสมองด้านบริหารจัดการ” หรือสามารถเข้าใจได้ว่า ความสามารถของสมองที่ใช้ในการควบคุมตัวเองให้ไปสู่เป้าหมาย ต้องบอกเลยว่าปัญหานี้ตรงใจผมอย่างจังเลยล่ะครับ เพราะตัวผมเองเป็นนักศึกษาจบใหม่ที่เพิ่งจะเริ่มทำงาน อาจจะยังไม่มีทักษะการบริการหรือการจัดลำดับความสำคัญ สำหรับตัวผมที่ขาดการบริหารการจัดการที่ดีไปแน่นอนว่าผลงานที่ออกมามันย่อมไม่น่าพึงพอใจอยู่แล้ว ผลที่ตามมาก็คือสร้างความกดดันในการทำงานให้ตัวเองมากขึ้น และค่อยๆลดทอนไฟในการทำงานของผมให้น้อยลง ดังนั้นผมจึงได้ลองหันมาใช้วิธีการแก้ปัญหา 2 ขั้นตอนนี้ครับ ผลลัพธ์ที่ได้ต้องบอกเลยว่าเกิดคาดจนหัวหน้างานยังชมเลยล่ะครับ ขั้นตอนการควบคุมตนเองให้ไปสู่เป้าหมาย จะมีอยู่สองขั้นตอนหลักๆ นั่นก็คือ ขั้นแรก การกำหนดเป้าหมายในส่วนของขั้นแรกในการกำหนดเป้าหมายวิธีการที่ผมใช้ก็คือค่อยๆตั้งเป้าหมายทีละขั้นไปครับ เพราะตัวผมเองยังไม่ได้เชี่ยวชาญมากก็ต้องเริ่มทีละน้อยเพื่อที่จะไม่ได้สร้างความกดดันให้ตอนเองมากจนเกินไปขั้นต่อมา การควบคุมตนเองไปสู่เป้าหมาย ขั้นตอนที่สองผมยอมรับเลยครับว่าเป็นเรื่องยากจริงๆ สำหรับผมในช่วงแรกๆ เพราะเดิมทีแล้วตัวผมเองนั้นไม่ใช่ที่มีสมาธิจดจ่อกับอะไรนานๆ ได้มากนัก แค่เห็นสิ่งเร้าหรือเหตุการณ์ต่างๆ สมาธิก็ล่องลอยออกไปไกลกว่าจะดึงสติให้กลับมาก็ใช้เวลานานพอสมควรเลย ส่วนเคล็ดลับที่ทำให้ผมประสบความสำเร็จในขั้นตอนนี้ก็คือเมื่อต้องการสมาธิก็ต้องปิดโทรศัพท์และหยุดการกระทำทุกอย่าง สูดหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเรียกสมาธิกลับมาขอเวลาไปเข้าห้องน้ำและนั่งสงบสติอารมณ์ของตนเองให้คงที่ก่อนค่อยมาลุยงานต่อแต่ (ขอแนะนำวิธีนี้ควรใช้แค่บางครั้งพอนะครับถ้าทำบ่อยๆ อาจจะโดนดุเอาได้) 5.บรรยากาศของสถานที่ทำงานและอำนาจ “ภาระงานมากเพียงใด แต่สภาพแวดล้อมการทำงานดี ถึงจะเหนื่อยแต่ก็มีความสุข” ผมเชื่อว่ามีหลายคนที่เกิดภาวะอาการ เบิร์น-เอาต์ เพราะในสถานที่ทำงานมีสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี ซึ่งนี่เป็นปัญหาใหญ่อีกข้อหนึ่งที่หลายๆคนกังวลเป็นอย่างมากในการเข้าไปทำงานในแต่ละที่ เพราะวัฒนธรรมของบ้านเราส่วนมากจะให้ความสำคัญกับความอาวุโสเป็นอย่างมาก จึงทำให้เกิดความเชื่อผิดๆที่ว่า คนเป็นหัวหน้ามีสิทธิ์ที่จะสามารถสั่งการทุกสิ่งทุกอย่างได้ บางครั้งการสั่งการหรือการมอบหมายงานก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิด แต่หัวหน้างานเองก็ควรที่จะปล่อยให้พนักงานหรือลูกน้องภายในองค์กรได้มีอิสระในการตัดสินใจหรือได้ใช้ความสามารถของตนเองบ้าง การทำตามคำสั่งเพียงอย่างเดียวจะเป็นเหมือนกับการหล่อหลอมให้พนักงานเป็นเหมือนหุ่นยนต์ที่ไม่มีความรู้สึก และอาจจะไม่ได้เห็นงานที่มีความสร้างสรรค์มากขึ้น แน่นอนว่ามันส่งผลเสียต่อองค์กรและยังทำให้พนักงานเกิดความรู้สึกที่ไม่ได้ต่อหัวหน้างาน จนทำให้เกิดภาวะการเบิร์น-เอาต์ ได้ในที่สุด 6.องค์กรให้ค่ากับความสัมพันธ์มากเกินไป“ เพียงแค่อยู่เป็น ก็มีโอกาสที่จะก้าวหน้าได้ง่ายๆ ” ผมคิดว่าหลายคนคงจะเจอเพื่อนร่วมงานหรือพบเจอเหตุการณ์แบบนี้อย่างแน่นอน เราตั้งใจทำงานแทบตาย ไม่เคยลา ไม่เคยสาย แต่เพียงแค่เข้าสังคมไม่เก่งก็แพ้ให้กับคนที่มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดี การที่องค์กรให้ความสำคัญกับค่ามนุษยสัมพันธ์หรือการเข้าสังคมมากกว่าผลลัพธ์ของงาน ก็จะเป็นการละเลยกลุ่มคนที่มีลักษณะนิสัยชอบเก็บตัว (introvert) มากจนเกินไป เพราะคนที่มีลักษณะนิสัยแบบนี้ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นคนที่ไม่สามารถทำงานได้ตามเป้าหมายขององค์กร เหมือนกับคนทั่วๆไป แค่อาจจะเข้าสังคมไม่เก่งเพียงเท่านั้นเอง เพราะฉะนั้นทางองค์กรเองก็ควรที่จะตัดสินใจอย่างเป็นธรรม เพื่อที่จะสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี และทำให้องค์กรมีความก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น วิธีการแก้ปัญหาและการอยู่ร่วมกับภาวะเบิร์น-เอาต์ในหลายๆหัวข้อที่ได้กล่าวไป ตัวผมเชื่อว่ามีหลายคนเลยใช่ไหมล่ะครับที่กำลังอยู่ในภาวะนี้ จากประสบการณ์ที่ตัวผมเองเคยเจอกับภาวะนี้ เพราะสิ่งแวดล้อมในสถานที่ทำงานไม่เอื้ออำนวยต่อการทำงานของตัวผมเอง และผมก็มั่นใจแล้วว่าตัวของผมคงไม่เหมาะกับรูปแบบงานเหล่านั้น วิธีการแก้ปัญหาจากภาวะนี้ที่ผมเคยใช้ก็คือลองอดทนหรือพยายามดูสักนิดเผื่อบางครั้งเราอาจจะแค่รู้สึกเหนื่อยแค่บางช่วงเพียงเท่านั้นเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง อาจจะออกไปเที่ยวหรือลองเปลี่ยนโลเคชั่นในการทำงานเพื่อลดความเครียดและความกดดัน เปลี่ยนสถานที่ทำงานเพราะเราไม่จำเป็นต้องฝืนตัวเองจนทำให้หมดไฟในการทำงานของเราไปสุดท้ายนี้ตัวผมเองไม่ได้จะมาแนะนำให้ทุกคนยอมแพ้หรือหลักหนีปัญหาเพียงเท่านั้นนะครับ เพราะก่อนที่เราจะตัดสินใจเราต้องมั่นใจแล้วว่าเราได้ลองใช้ทุกวิถีทางแล้วมันก็ยังไม่ดีขึ้นอยู่ดี เมื่อเรามีความมั่นใจแล้วก็สามารถที่จะตัดสินใจเปลี่ยนสถานที่ทำงานใหม่โดยไม่ต้องกังวลได้เลยครับ เพราะสุดท้ายการเปลี่ยนงานไม่ได้แปลว่าคุณเป็นคนที่ล้มเหลวในแง่ของการทำงานเสมอไป เพราะผมเชื่อว่าถ้าหากทุกคนได้ทำงานที่ตนเองรักและได้เจอสังคมการทำงานที่ดี ผลงานของทุกคนจะออกมาดีจนคนรอบข้างมองข้ามปัญหาเหล่านั้นไปแน่นอนครับ บทความโดย Eco-Life ขอขอบคุณข้อมูลจาก อ้างอิง 1 หนังสือ Burn-out Syndrome ภาวะหมดไฟในการทำงาน เขียนโดย นายแพทย์ประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์อ้างอิง 2อ้างอิง 3 เครดิตภาพภาพปก นักเขียนออกแบบโดย canvaภาพที่ 1 ถ่ายโดย lukasbieri จาก Pexels ภาพที่ 2 ถ่ายโดย Noupload จาก Pixabayภาพที่ 3 ถ่ายโดย Clker-Free-Vector-Images จาก Pixabayภาพที่ 4 ถ่ายโดย geralt จาก Pixabayภาพที่ 5 ถ่ายโดย fumingli จาก Pixabayภาพที่ 6 ถ่ายโดย geralt จาก Pixabayภาพที่ 7 ถ่ายโดย mwitt1337 จาก Pixabayภาพที่ 8 ถ่ายโดย geralt จาก Pixabayเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !