ตีห้า ฟ้ายังมืด ถนนเบื้องหน้าสว่างเป็นช่วงๆ จากแสวงไฟส่องสว่างที่ติดตามเสาไฟฟ้า ผมเริ่มออกวิ่งเบาๆ จากซอยบ้านทะลุถึงท้ายหมู่บ้าน วนออกถนนเส้นกลางหมู่บ้าน วิ่งต่อจนถึงหน้าหมู่บ้าน แล้ววิ่งย้อนกลับมาท้ายหมู่บ้าน ลักษณะคล้ายวงกลม แล้วก็วิ่งวนซ้ำอย่างนั้นจนครบสามรอบ นั่นเป็นกิจกรรมวิ่งทุกเช้าที่ผมพยายามจะไม่ให้ขาดแม้แต่วันเดียวอยากรู้มั้ย อะไรทำให้ผมชอบวิ่งออกกำลังกาย? ย้อนไปไกลสักหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับต้องระลึกชาติกันหรอกนะ พื้นฐานชอบเล่นกีฬาเป็นชีวิตจิตใจอยู่แล้ว วัยหนุ่มคึกคะนองเดินสายเตะบอลกันจนผิวดำเมียม เวลายิ้มเห็นแค่ฟันกับตาขาว (ฮาฮาฮาฮา) วิ่งก็เป็นกีฬาเหมือนกัน เพียงแต่เลือกให้เหมาะกับวัยเท่านั้น (ก็เลยหลักสี่มาแล้ว)แล้วมีเวลาวิ่งได้ไง ไม่ทำงานเหรอ? ผมก็มนุษย์เงินเดือน มีตารางทำงาน แต่ก็มีตารางใช้ชีวิตเหมือนกัน ด้วยความที่มีนิสัยตื่นเช้าเป็นทุนทำให้มีเวลาระหว่างวันเพิ่มขึ้นมาด้วย ก่อนหน้านี้เวลาเช้าตรงนี้ถูกใช้ไปกับการเตรียมเสื้อผ้า อาหารให้กับลูกสาววัยปฐมทั้งสอง ตอนนี้ลูกสาวเข้าวัยมัธยม ดูแลตัวเองได้อย่างดี เวลาจึงว่างและถูกเติมเต็มด้วยกิจกรรมวิ่งนั่นเองเริ่มต้นยังไง? ความที่ละเลยไม่ใส่ใจดูแลตัวเอง รูปร่างจึงเข้าขั้นอวบระยะสุดท้าย น้ำหนักตัวปาเข้าไปเกือบ 90 กิโลฯ (สูง 173 ชม.) เสื้อผ้าที่มีใส่ทีก็อึดอัดรำควญตัวเอง บวกกับได้เวลาช่วงเช้าคืนมาจากลูกสาว ก็วางแผนวิ่งออกกำลังเลย ความคิดแรกคือต้องรีดน้ำหนักตัวเองลงมาอย่างน้อย 10 กิโลฯ (ถือเป็นแรงจูงใจ)ผมเริ่มวิ่งจริงจังตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2565 เริ่มจากวิ่งรอบลานกีฬาหมู่บ้านก่อน วันละ 30 นาที ระยะทางประมาณ 2 กิโลเมตร วิ่งแบบนี้หลายวันเข้ากลับรู้สึกเบื่อ เช้าวันหนึ่งเห็นคนวิ่งผ่านสนามไปเข้าซอยท้ายหมู่บ้าน จึงตัดสินใจวิ่งตาม และได้รู้ว่า อ้อ เขาวิ่งกันแบบนี้นี่เอง นั่นคือวิ่งรอบหมู่บ้านเลยเส้นทางวิ่งรอบหมู่บ้านระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร ครั้งแรกวิ่งได้รอบเดียวก็เหนื่อยแล้ว ต่อมาก็พยายามกัดฟันวิ่งจนได้สองรอบและสามรอบ วิ่งจนรู้ว่าการวิ่งระยะสามรอบหมู่บ้านนี่เป็นระยะที่เหมาะสมที่สุดกับตัวเอง เพราะใช้เวลาประมาณ 30-35 นาที ระยะทางเกือบ 6 กิโลเมตร มีเวลาพักเครื่องและเตรียมตัวออกไปทำงานบ้าสถิติ? พอรู้ว่าตัวเองวิ่งได้แล้ว สิ่งที่ตามมานั่น คอยเตือนตัวเองว่า พรุ่งนี้ต้องทำเวลาให้ดีกว่านี้ ทำได้นะวิ่งสามรอบใช้เวลาต่ำกว่า 30 นาที บางวันวิ่งยาวไปถึง 10 กิโลเมตร วิ่งอยู่แบบนี้อยู่ช่วงหนึ่งเลย สิ่งที่ตามมาคือ น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว ดีไหมดี แต่ความกระปรี้กระเปร่าหายไป บางวันมีอาการเหมือนจะเป็นไข้ตลอดเวลาช่วงหนึ่งมีข่าวนักวิ่งวูบหมดสติเสียชีวิต ทำให้ต้องหยุดคิดและมองวิธีวิ่งของตนเอง นอกจากวิ่งระยะ 5-6 กิโลฯ ทุกวันเช้า ยังต้องวิ่งระยะ 10 กิโลฯ 2 วันต่อสัปดาห์ บางวันเร่งสปีดเพื่อทำสถิติอีก ก็จัดว่าเข้าข่ายเสี่ยงตายอยู่พอสมควร ดังนั้น จึงปรับวิธีคิดใหม่ เปลี่ยนจะวิ่งแบบมองแต่ตัวเลขเป็นหลัก มาเป็นวิ่งเพื่อความผ่อนคลายมากขึ้นแตกต่างกันอย่างไร? ช่วงที่บ้าสถิติ เวลาวิ่งเหมือนบีบเค้นตนเองตลอดเวลา น้ำหนักดิ่งลงไปเหลือ 72 กิโลฯ แต่กลับรู้สึกว่าร่างกายอ่อนแอลง เป็นไข้ง่ายมาก พาลเครียดเลย พอปรับการวิ่งให้ช้าลง หยุดวิ่งระยะ 10 กิโลฯ น้ำหนักตัวขึ้นมาอยู่ 75-78 กิโลฯ กลับรู้สึกสนุกกับการวิ่งมากขึ้น ทำให้อยากลุกขึ้นมาวิ่งทุกเช้าควบคุมอาหารด้วยไหม? ทานทุกอย่างที่อยากกิน เพียงแต่ลดปริมาณลงเท่านั้น เป้าหมายเดิมที่ต้องการลดน้ำหนัก ถือว่าทำได้แล้ว ตอนนี้เป้าหมายหลักคือควบคุมน้ำหนักให้อยู่ระดับ 75-78 กิโลฯ มากกว่า มองว่าเป็นน้ำหนักตัวที่เหมาะสมกับตัวเอง ไม่อวบเกินไป ไม่ผอมเกินไปยังวิ่งต่อไหม? วิ่งไปเรือยๆ จนกว่าร่างกายจะไม่พร้อม ถึงตอนนั้นค่อยเปลี่ยนกิจกรรมออกกำลังกายเป็นอย่างอื่นแทน วิ่งไม่ได้ เดินแทนก็ยังดี พูดถึงตรงนี้ นึกถึงคุณลุงท่านหนึ่ง อายุเลยวัยหกสิบแล้วแน่ๆ ผมเห็นแกเดินทุกเช้า เดินด้วยการใช้ไม้เท้าพยุง ค่อยๆ เดินทีละก้าว เข้าใจว่าเป็นการทำกายภาพมากกว่าที่จะออกกำลังกายนะผมก็อดจะถามตัวเองไม่ได้เหมือนกันว่า ถึงเวลานั้นผมจะแข็งแรงเท่าคุณลุงท่านนี้ไหมนะ? ตอบตามตรงว่าก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ก็คิดว่าต้องทำวันนี้ให้ดีก่อน (ปลอบใจไว้ก่อน)ตีห้า ฟ้ามืด ผมวิ่งเลาะตามทาง สวนทางรถยนต์ รถมอเตอร์ไซต์ ของผู้คนที่กำลังเดินทางไปทำงาน รถโรงเรียนที่เข้ามารับเด็กๆ ในหมู่บ้าน ผ่านร้านรถเข็นขายอาหาร ผ่านซุ้มวินมอเตอร์ไซต์ที่จอดรอผู้โดยสาร หลากกิจกรรมกำลังดำเนินไปทางวิถีของตนเอง ผมและเพื่อนๆ ที่ชอบวิ่งก็เช่นกันครับภาพประกอบ โดยผู้เขียน เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !