ช่วงนี้หลาย ๆ คนที่กักตัวอยู่แต่ในห้องมีพื้นที่จำกัด ทำให้รู้สึกราวกับขาดอิสระ หนังสือที่มีก็อ่านหมดแล้ว ดูหนังจนปวดตา ต้องทนอะไรซ้ำ ๆ เดิม ๆ จนเกิดเป็นความเครียดสะสม วิธีแก้ไขแบบดั้งเดิมก็ต้องพาตัวเองออกไปข้างนอก ไปสถานที่ใหม่ๆ หากิจกรรมคั่นจังหวะชีวิตกันไป แต่ในสถานการณ์แบบนี้จะออกไปไหนก็ไม่ได้ ดังนั้นวันนี้เรามีวิธีทำให้ตัวเองออกจากลูป โดยไม่ต้องออกนอกห้องก็สมารถทำได้ Photo by Jan Kahánek on Unsplash 1. จดบันทึกทุกอย่างที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน เปลี่ยนความเบื่อหน่ายในชีวิตประจำวันให้กลายเป็นความละเอียดอ่อน ข้อดีของการจดบันทึกทำให้เราได้คิดทบทวน จัดระบบ เรียบเรียงความคิดในสมองใหม่ ทำให้เรามีระบบความคิดที่ดี หลาย ๆ คนคงเคยจดบันทึกในวัยเด็ก แต่เมื่อโตมาความวุ่นวาย หน้าที่การงานได้กลืนกินเวลาของเราไปทำให้เราหลงลืมการบันทึกชีวิตของเราไป แต่นอกจากการจดบันทึกชีวิตประจำวันแล้วเราขอแนะนำให้จดบันทึกหนังที่ได้ดู เพลงที่ได้ฟัง และความรู้สึกนึกคิดของเราตลอดทั้งวันด้วย จดบันทึกจากหนังที่ได้ดู เพลงที่ได้ฟัง เราสามารถสรุปหนังที่ดูจบ ใส่ความรู้สึกของตัวละครลงไป รวมถึงข้อคิดที่ได้จากหนัง หรือถ้าเป็นเพลงก็ลองแปลเพลง และใส่ความรู้สึกของเพลงลงไป และจดบันทึกเพื่อติดตามความรู้สึกของตัวเอง เพื่อเข้าใจตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะสถานการณ์ที่น่าเบื่อหน่ายอย่างชีวิตติดลูปแล้วละก็ จะทำให้เราเห็นว่ามีอารมณ์อื่นที่ไม่ใช่แค่เบื่อซ่อนอยู่ เช่น มีความสุขเพราะได้ดูหนัง feel good หรือรู้สึกกลัวเมื่อดูหนังผี การจดบันทึกทำให้เรามีสติเข้าใจตัวเอง มีการจัดระบบความคิดที่ดีมากขึ้น และยังเปิดอ่านย้อนหลังเพื่อนำไปแก้ไข ปรับปรุงตัวเองได้อีกด้วย Photo by Anna Kolosyuk on Unsplash 2. วาดภาพ ระบายสีเพื่อปรับจิตใจให้สงบ สำหรับใครที่วาดภาพไม่เก่ง ไม่เป็นไร เราวาดเพื่อปลอบประโลมจิตใจของเรา ภาพที่วาดไม่จำเป็นต้องสวยก็ทำให้เราภูมิใจได้ หรือถ้าลองวาดแล้วมีความสุข อยากพัฒนาฝีมือก็มีช่องยูทูปหลาย ๆ ช่องคอยสอนเทคนิคการวาด การใช้สี หรือจะพิมพ์ว่า painting therapy ก็ได้ จะมีคลิปศิลปะเพื่อบำยัดจิตใจ แม้จะไม่ได้วาดเอง แค่เข้าไปดูก็ทำให้ใจเย็นได้แล้ว Photo by S O C I A L . C U T on Unsplash 3. ตั้งเป้าหมายระยะสั้นเช่น 14 วัน เช่น ฉันจะเรียนเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Python การลองตั้งเป้าหมายระยะสั้น จะทำให้เรารู้สึกท้าทายตัวเอง และโฟกัสกับเป้าหมาย เมื่อได้เป้าหมายแล้วจะมีแรงบันดาลใจอย่างบอกไม่ถูก ยิ่งเป็นเป้าหมายระยะสั้น จะทำให้เรามีโอกาสทำสำเร็จมากขึ้น เพราะช่วงเวลาที่สั้นจะทำให้เราอดทนได้ดี การตั้งเป้าหมายสามารถทำได้ 2 แบบคือเป้าหมายใหญ่ ๆ และเป้าหมายเล็ก ๆ จะเลือกแบบไหนก็ไม่ผิด เพราะถึงจะเลือกเป้าหมายใหญ่ แต่ก็ไม่จำเป็นต้องสำเร็จ 100% เราสามารถกำหนดคุณค่าของเป้าหมายได้ ไม่ว่าเป้าหมายนั้นจะเพื่อคุณเอง เพื่อการงาน หรือเพื่อโลกใบนี้ ย่อมทำให้คุณรู้สึกเติมเติมอย่างแน่นอน Photo by S O C I A L . C U T on Unsplash 4. หลังจากทำตามเป้าหมายได้ก็ลองทำ โปรเจคสั้น ๆ (Mini Project) ที่ได้ใช้ความรู้จากที่เรียนมาลงมือทำเลย เมื่อครบกำหนดการเรียนรู้จากเป้าหมายไปแล้ว จะเรียบจบหรือไม่ก็ตาม หรือจะเข้าใจทั้งหมดหรือไม่ก็ตาม ลองมาลงมือทำจริง ๆ ดีกว่า เช่นถ้าเราเลือกเรียนเขียนโปรแกรมด้วยภาษา Python ก็ลองทำโปรเจคเล็กๆ ขึ้นมาหนึ่งอย่างตามความสนใจเลยเช่น เราสนใจที่จะลดน้ำหนัก ก็ออกแบบแอปเพื่อช่วยให้เรามีระเบียบวินัยในการลดน้ำหนักและเพิ่มฟังก์ชันในการแชร์ต่อให้เพื่อนได้ เพื่อเชิญชวนมาออกกำลังกายด้วยกัน ก็เป็นวิธีทำให้เราโฟกัสกับการทำเป้าหมายระยะสั้นได้ Photo by Mati Flo on Unsplash 5. ชวนเพื่อน ๆ ทำ mini project ด้วยกัน ถ้าโปรเจคที่วางแผนไว้ต้องใช้คนเยอะ ก็หาเพื่อนที่มีความสนใจร่วมกันมาทำด้วยกัน ไม่แน่ผลงานนั้นจะสร้างรายได้ให้ในอนาคตก็ได้ วิธีการนี้ไม่ต้องนัดเจอกันก็ทำได้ เพราะมีเครื่องมือที่ไว้สื่อสารกันเช่น Line Facebook หรือต้องการพูดคุยเห็นหน้าเป็นกลุ่มก็มี Google Hangouts หรือ Zoom สามารถคุยทางไกล เห็นหน้ากัน ตกลงคุยงานอะไรก็ในนี้เลย เมื่อแบ่งงานกันได้ก็ใช้ Trello ในการติดตามงาน การชวนเพื่อน ๆ ทำงานด้วยกันไม่เหงาแล้ว ยังให้งานที่มีคุณค่าร่วมกันอีก เราแนะนำว่าให้ใช้วิธีการข้างต้นมากกว่า 1 ข้อแล้วทำสลับไปมาใน 1 วันจะทำให้รู้สึกไม่เบื่อ ลืมเวลาที่เดินไปเรื่อย ๆ ได้เลย รู้ตัวอีกทีเราก็เก่งขึ้นอีกอย่างน้อย 1 อย่าง เปลี่ยนวิกฤติให้เป็นโอกาสกันดีกว่า อย่าให้ชีวิตติดลูปพาเราเครียดไปเลย ถึงอยู่ในห้องก็สร้างสรรค์สิ่งดี ๆ ทำให้ตนเองมีความสุขได้ ขอบคุณภาพหน้าปกจาก Ovinuchi Ejiohuo on Unsplash