แชร์ประสบการณ์การลดน้ำหนักด้วยการทำ IF แบบไม่รู้สึกทรมาน สวัสดีคะท่านผู้อ่านที่น่ารักทุกท่าน สำหรับใครที่กำลังมองหาวิธีการลดน้ำหนักอยู่นั้นคุณมาถูกที่แล้วคะ ต้องบอกก่อนว่าโดยส่วนตัวแล้วนักเขียนนั้นเป็นผู้หญิงที่มีส่วนสูง 160 เซนติเมตร จากการสังเกตุร่างกายตัวเองพบว่าหากมีน้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 50 กิโลกรัม จะมีรูปร่างที่ค่อนข้างอวบอิ่มมากเกินไปหรือถ้าพูดตามภาษาชาวบ้านก็คือเริ่มรู้สึกว่าตัวเองอ้วนแล้วนั้นเองคะ และอาการสำคัญที่พบอีกอย่างหนึ่งคือเมื่อน้ำหนักเริ่มแตะที่ 50 กิโลกรัม ก็จะเริ่มมีอาการปวดเข่า จะทำให้รู้ตัวเองแล้วว่าต้องเริ่มเข้าสู่การลดน้ำหนักอีกแล้ว ซึ่งมันก็เริ่มเกิดอาการเบื่อหน่ายว่าต้องกลับมาลดน้ำหนักอย่างเข้มงวดอีกแล้ว ลดได้แป็บเดียวเดี๋ยวน้ำหนักก็เพิ่ม โดยส่วนตัวก็ทดลองมาหลายวิธี แต่วิธีที่นักเขียนรู้สึกว่าเป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ใช่เรื่องยากและไม่ทำให้รู้สึกทรมานทั้งกายและใจนั้นก็คือการทำ IF ขอขอบคุณภาพจาก https://www.manulife.co.th/what-is-intermittent-fasting-diet/ หลายคนน่าจะคุ้นเคยและได้ยินผ่านหูกันมาบ้างแล้วกับคำว่า IF ขอเล่าสั้นๆแล้วกันนะคะก่อนที่จะไปบอกวิธีการทำ IF ในแบบของนักเขียนเอง Intermittent Fasting หรือเรียกสั้นๆ ว่า IF เป็นเทรนด์ลดน้ำหนักที่ไม่โฟกัสชนิดของอาหารที่กินแต่ละมื้อ แต่จะเน้นการใช้ตัวเลข 16/8 เข้ามากำหนดช่วงเวลาการอดอาหารและการกินอาหารในแต่ละวัน เช่น เริ่มต้นกินอาหารเช้าตอน 9-10 โมง นั่นแสดงว่านับจากนี้อีก 8 ชั่วโมง เราสามารถกินอาหารได้ตามปกติไปจนถึง 5-6 โมงเย็น หลังจากนั้นอีก 16 ชั่วโมง จะเป็นช่วงเวลาของการงดอาหารที่มีแคลอรี่โดยเด็ดขาด แต่ดื่มน้ำเปล่า ชา หรือกาแฟดำได้ ขอขอบคุณภาพจาก https://www.manulife.co.th/what-is-intermittent-fasting-diet/ การทำ IF โดยส่วนตัวมองว่าเป็นวิธีการลดน้ำหนักที่สามารถปรับให้เข้ากับการใช้ชีวิตของเราได้ง่าย ซึ่งวิธีที่จะเอามาแชร์คือเป็นสิ่งที่ตัวนักเขียนทำแล้วรู้สึกว่าเห็นผลจริง ไม่รู้สึกทรมานทั้งกายและใจจริง ๆ โดยส่วนตัวแล้วจะตื่นนอนเวลาตีห้าสิบห้านาที (หากต้องไปทำงาน) ดื่มน้ำเปล่า 1 แก้ว จากนั้นก็จะเตรียมอาหารเช้าคือ กาแฟดำ และ แซนวิช หรือ อาหารเมนูอื่น ๆ ที่อยากจะทาน ออกจากบ้านเพื่อไปทำงานเวลาหกโมงครึ่ง มื้อเช้าจะเริ่มทานเวลาแปดโมงเช้าโดยประมาณ แต่บางวันก็อาจจะได้ทานช่วงเวลาประมาณสิบโมงเช้า ซึ่งเราไม่ต้องเครียดขนาดนั้นคะว่าเราต้องเริ่มทานมื้อเช้าเป็นเวลาเดิมตลอดเพราะด้วยการใช้ชีวิตจริง ๆ แล้วมันเป็นไปไม่ได้จริงมั้ยคะ เราก็แค่ปรับเวลา และปรับการนับเวลาไปตามการดำเนินชีวิตของเราในแต่ละช่วง เช่น เริ่มกินมื้อเช้าตอนสิบโมงเช้า เราก็นับไปอีกแปดชั่วโมงนั่นก็คือ เราสามารถทานอาหารได้ถึงเวลาหกโมงเย็น หลังจากนั้นคือควรจะเป็นช่วงที่เรางดอาหารแล้ว ถ้าถึงช่วงที่ต้องอดอาหารแล้วรู้สึกหิวก็จะดื่มน้ำเปล่า ชา หรือกาแฟดำ ที่ชอบวิธีการลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้เพราะเป็นการลดน้ำหนักที่ไม่โฟกัสชนิดของอาหารที่กินแต่ละมื้อ แต่จะเน้นการใช้ตัวเลข 16/8 แต่โดยส่วนตัวจะมีการควบคุมอาหารควบคู่ไปด้วย คือเลือกทานโปรตีนชนิดไม่ติดมัน และเลือกทานคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น ข้าวกล้อง ธัญพืชไม่ขัดสี ขนมปังโฮลวีท ทานอาหารที่มีไขมันดีทุกวัน เช่น ถั่ว อะโวคาโด น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันสุขภาพชนิดอื่นๆ เน้นทานผักผลไม้ หลีกเลี่ยงอาหารแปรรูป เครื่องดื่มที่มีรสหวาน หรือน้ำอัดลม และเครื่องดื่มแอลกฮอล์ เวลามีปาร์ตี้ก็จะหลุดการทำ IF ไปบ้างก็ไม่ต้องเครียดไปคะ ค่อยกลับเข้ามาทำต่อได้คะ (แต่ก็อย่าหลุดบ่อยมากนักนะคะ) สิ่งที่ทำควบคู่การทำ IF คือจะออกกำลังกายโดยการเต้นคะ ที่เลือกวิธีการคาร์ดิโอด้วยวิธีนี้เพราะชื่นชอบเป็นการส่วนตัวทำแล้วมีความสุข นอกจากนี้ก็จะมีเล่นเวทเทรนนิ่ง ออกกำลังกายจะทำหลังเลิกงานอย่างน้อย 30 นาที แต่ส่วนใหญ่จะเกินนั้นเพราะยิ่งเต้นยิ่งสนุกไปเรื่อย ๆ คะ โดยส่วนตัววันไหนที่ควบคุมการกินไม่ได้ตามใจตัวเองมากเกินไปก็จะต้องออกกำลังกายเพิ่มการเผาผลาญพลังงานให้มากขึ้น หลังจากออกกำลังกายในบางครั้งถ้าหากหิวก็จะทานโยเกิร์ตชนิดไขมันศูนย์เปอร์เซ็นต์รสธรรมชาติกับแอปเปิ้ลเขียว ก็หลุด ๆ IF บ้างแต่ก็คิดว่าไม่น่าจะเลวร้ายเท่าไหร่นัก ก็ค่อย ๆ ปรับตัวไปเรื่อย ๆ แบบไม่ต้องเคร่งเครียดมาก มีการออกกำลังกายทุกวัน (จะเต้นทุกวันเพราะถือว่าเป็นการคลายเครียดจากการทำงานด้วย) แต่ก็มีช่วงขี้เกียจเหมือนกันนะคะ ก็จะเหลือออกกำลังกาย 3 - 4 วันต่อสัปดาห์ จากที่ทำ IF มาเป็นเวลา 2 สัปดาห์ จากที่น้ำหนัก 49 กิโลกรัม ลดลงเหลือ 48 กิโลกรัม สิ่งที่รู้สึกได้อย่างชัดเจนคือรู้สึกว่าไขมันที่สะสมตามหน้าท้องลดลงไปเยอะและรู้สึกกระชับขึ้น รู้สึกกระฉับกระเฉงมากขึ้น ภาพโดยนักเขียน การมีสุขภาพดีก็ทำให้เรามีความสุขมาก ๆ เลยนะคะ ลองทำดูนะคะปรับให้เข้ากับการใช้ชีวิตของตัวเอง ทำไปสักพักก็จะชินติดเป็นนิสัย แล้วคุณจะพบการเปลี่ยนแปลงที่คุ้มค่ากับการรอคอย รูปร่างดี สุขภาพดี มีความมั่นใจ เริ่มจากการเอาชนะใจตัวเองเพื่อเปิดรับการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นกันนะคะ เริ่มจากตัวเรา เริ่มด้วยการสร้างสุขภาพที่ดีให้กับตัวเรา เพื่อเตรียมความพร้อมสู่ความสำเร็จอีกหลายอย่างที่คุณกำลังจะก้าวไปถึงสิ่งนั้นดั่งที่คุณหวังไว้