แผลเบาหวานจะรักษาอย่างไร .......... ให้ไม่ต้องตัดแขนตัดขาหากคุณสงสัยว่าผมรู้ได้อย่างไรว่าผู้มีภาวะเบาหวานไม่ได้โดนตัดแขนตัดขา เพราะผมเองเป็นคนหนึ่งที่เคยยืนในจุดที่ตรวจระดับน้ำตาลในเลือดสูงประมาณ 450 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร และมีระดับน้ำตาลสะสมเกือบ 12 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น เมื่อสองปีที่แล้วบาดแผลในวันนั้นทำเกิดคำถามมากมาย "ชีวิตผมจะเป็นอย่างไร ต้องใช้ชีวิตอย่างไร ต้องรับประทานยาเบาหวานตลอดชีวิตหรือไม่ แล้วโรคนี้จะรักษาหายหรือไม่" คำถามมากมายเกิดขึ้นขณะที่ผมนอนอยู่บนเตียงในห้องผู้ป่วยวิกฤต ( ICU ) ผมถูกสั่งห้ามลุกขึ้นจากเตียง ต้องรับประทานอาหาร อาบน้ำ รวมทั้งขับถ่ายบนเตียง เป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยคำถามแต่ไม่มีคำตอบใด ๆ มากนัก หลักจากที่ทุกอย่างในชีวิตได้หยุดลง มีเพียงดวงตาสองข้างที่กรอกไปมาได้อย่างอิสระ มือทั้ง 2 ข้างมีทั้งสายน้ำเกลือและอีกฝั่งหนึ่งเป็นเครื่องที่ใช้หนีบบริเวณปลายนิ้วเพื่อวัดชีพจร ผมใช้เวลาในห้องนั้น 3 – 4 วัน จนคุณหมออนุญาตให้ย้ายลงมารักษาต่อที่แผนกผู้ป่วยใน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่คำถามของผมค่อยๆ เผยคำตอบออกมาจากการค้นหาข้อมูลใน Google หรือสอบถามพูดคุยกับคุณพยาบาลที่มาช่วยผมล้างแผลในทุก ๆ วัน คำตอบที่ได้ค่อย ๆ ปะติดปะต่อจนทำให้ผมทราบเหตุผลของความเจ็บป่วยในครั้งนี้และได้ผลักดันให้ผมดูแลตัวเองและหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยบรรเทาและรักษาอาการให้ดีขึ้นหลายๆ คนมักจะพูดให้ผมได้ยินอยู่บ่อย ๆ หลังจากที่รู้ว่าผมมีภาวะเบาหวานว่าหากเป็นเบาหวาน ห้ามเป็นแผล เพราะถ้าหากเป็นแผลที่อวัยวะหรือบริเวณส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายบริเวณบาดแผลนั้นจะถูกตัดทิ้ง และสิ่งที่เหลืออยู่เมื่อได้รับการรักษาคือความเจ็บปวดที่สร้างรอยลึกอยู่ในใจ แต่ที่จริงแล้วความจริงของเรื่องนี้อาจจะไม่ใช่ทั้งหมด หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีภาวะเบาหวานหรือมีญาติพี่น้องคนรู้จักอยู่ร่วมกับภาวะนี้ อย่าเพิ่งกังวลจนเกินไป ลองมาฟังเหตุและผลของเรื่องนี้กัน เพื่ออย่างน้อยคุณจะได้ดูแลตัวเองหรือคุณที่คุณรักให้ดีขึ้น ทำไมผู้ป่วยเบาหวานส่วนใหญ่ถึงถูกตัดอวัยวะบางส่วนหรือไม่ควรเป็นแผล ?คำตอบของเรื่องนี้คือ ระดับน้ำตาลในเลือดนั่นละครับที่เป็นสาเหตุหลัก ด้วยเหตุผลที่ว่าเชื้อโรคต่าง ๆ นั่นส่งผลต่อบาดแผลจนทำให้เกิด หนอง พุพอง หรือ เน่าเปื่อยได้ และอาหารของเชื้อโรคหรือจุลินทรีย์เหล่านี้ก็คือน้ำตาลนั่นเอง ยิ่งเรามีระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจึงเป็นแหล่งอาหารที่อุดมสมบูรณ์ช่วยให้เชื้อโรคเติบโตแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นแล้วระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงจะช่วยให้เกิดการอักเสบในร่างกายได้ง่ายกว่าปกติยังไม่หมดครับ ผลเสียจากการมีระดับน้ำตาลที่สูงยังส่งผลต่อการหมุนเวียนเลือดที่นำพาสารอาหารต่าง ๆ เพื่อรักษาบาดแผลได้ยากขึ้น และยังปนเปื้อนไปด้วยเชื้อโรคในปริมาณมากจากการที่เรามีระดับน้ำตาลที่สูงด้วย จากบาดแผลปกติของคนทั่วไปที่ใช้เวลาในการดูแลรักษาประมาณหนึ่งอาทิตย์ก็หาย กลายเป็นระยะเวลานานแรมเดือนหรือถ้าเลวร้ายไปกว่านั้นคืออาจจะต้องโดนตัดอวัยวะหรือชิ้นเนื้อบริเวณนั้นออกไปเมื่ออ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายท่านเริ่มกังวลว่าตนหรือคนที่รู้จักจะมีสภาพจิตใจอย่างไรถ้าต้องโดนตัดอวัยวะหรือตัดชิ้นเนื้อบริเวณที่มีบาดแผลทิ้ง แต่อย่าเพิ่งกังวลตกใจจนเกินไป ถ้าเราจัดการกับเหตุได้ ผลของมันก็อาจจะไม่ร้ายแรงอย่างที่ได้กล่าวไว้ เพราะหากเราสามารถควบคุมระดับน้ำตาลให้กลับมาเป็นปกติได้ ความเลวร้ายที่ผมได้เคยกล่าวไว้นั้นก็จะไม่เกิดขึ้นเมื่อกว่า 2 ปีที่แล้ว ผมใช้เวลาในรักษาแผลตัวในโรงพยาบาลเป็นเวลา 26 วัน จนคุณหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ แต่ก็ยังคงต้องไปล้างแผลติดต่อกันหลังจากนั้นเป็นเวลาเกือบหนึ่งเดือน ซึ่งตั้งแต่เกิดการอักเสบบริเวณคอ ผ่าหนองออกมา รักษาและล้างแผล ทั้งหมดนี้เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูงและเป็นเวลานานจนมาถึงรอยแผลล่าสุดนี้ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม 2563 ที่ผ่านมา เป็นรอยแผลที่โดนหมาข่วนบริเวณผ่ามือ ซึ่งโดยปกติ เป็นบริเวณปลายอวัยวะที่เลือดค่อนข้างไหลเวียนมาเลี้ยงได้ไม่มาก จึงเข้าไปปรึกษาคุณหมอในวันรุ่งขึ้น ปกติแล้ว แผลผมจะไม่เป็นหนอง แต่เมื่อตกสะเก็ดจะติดอยู่อย่างนั้นร่วมเดือนหรือเกือบสองเดือน แต่สำหรับครั้งนี้แล้วสะเก็ดหลุดลอกออกภายในเวลาประมาณ 10 วัน ซึ่งส่วนหนึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการควบคุมระดับน้ำตาลและระดับน้ำตาลของผมที่มีระดับ 5.8 มิลลิกรัมเปอร์เซ็น ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติครับสุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณกำลังเผชิญกับความเป็นป่วยใด ขอจงมองมันอย่างมีสติ ใช้เหตุและผล ค่อยๆ คิด ค่อยๆ หาคำตอบ ปรับเปลี่ยน เรียนรู้ เพื่อให้เราสามารถที่จะก้าวเดินไปต่อได้ด้วยกัน