วิธีดูแลตัวเองหลังบริจาคเลือด มีอะไรบ้าง | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล การบริจาคเป็นประจำกลายเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับผู้เขียนได้ค่ะ โดยครั้งแรกสุดในชีวิตได้ทำการบริจาคเลือดที่โรงพยาบาลมหาสารคาม ซึ่งตอนนั้นเป็นนักเรียนพยาบาลค่ะ จากนั้นเรื่อยมาก็ได้หาโอกาสบริจาคเลือดมาตลอด จนล่าสุดได้ไปบริจาคเลือดให้กับหน่วยเคลื่อนที่ของโรงพยาบาลชุมชนขนาดใหญ่จากต่างอำเภอร่วมกับโรงพยาบาลชุมชนในอำเภอ ดังนั้นพอพูดถึงเรื่องการบริจาคเลือดผู้เขียนมีประสบการณ์มาพอสมควร โดยเฉพาะถ้าจะพูดถึงในประเด็นหัวข้อที่ว่า เราจะต้องดูแลตัวเองอะไรบ้างหลังบริจาคเลือด ซึ่งในบทความนี้ผู้เขียนจะมาส่งต่อข้อมูลที่สำคัญๆ เพื่อเป็นแนวทางในการดูแลสุขภาพหลังไปบริจาคเลือดกันค่ะ โดยทุกแนวทางที่ผู้เขียนจะได้พูดถึงเอาไว้ในบทความนี้ เป็นสิ่งที่ผู้เขียนได้นำมาดูแลตัวเองอย่างต่อเนื่อง ถ้าอยากรู้แล้วว่าเราต้องดูแลตัวเองอะไรบ้าง งั้นอ่านต่อกันเลยดีกว่าค่ะ ดังข้อมูลต่อไปนี้ 1. พักผ่อนให้เพียงพอ การบริจาคเลือดเป็นการให้ที่ยิ่งใหญ่ แต่ร่างกายของคนเราก็ต้องการเวลาในการฟื้นตัว โดยการพักผ่อนอย่างเพียงพอเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้ร่างกายสร้างเลือดใหม่และกลับมาแข็งแรงได้อย่างรวดเร็ว และวิธีพักผ่อนให้เพียงพอหลังบริจาคเลือด มีดังนี้ 1.1 นอนหลับให้เพียงพอ ช่วงเวลา: พยายามนอนหลับให้ได้อย่างน้อย 7-8 ชั่วโมงต่อคืนในช่วง 2-3 วันแรกหลังบริจาค สภาพแวดล้อม: สร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการนอนหลับ เช่น ห้องนอนที่มืด สงบ และอุณหภูมิพอเหมาะ หลีกเลี่ยงคาเฟอีนและแอลกอฮอล์: เพราะมีผลต่อคุณภาพการนอนหลับ 1.2 หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมาก ออกกำลังกาย: งดการออกกำลังกายหนักๆ เช่น วิ่ง ยกน้ำหนัก หรือเล่นกีฬาที่ต้องใช้แรงมาก งานบ้าน: หลีกเลี่ยงงานบ้านที่ต้องใช้แรงเยอะ เช่น ซักผ้า ถูบ้าน หรือยกของหนัก กิจกรรมอื่นๆ: งดกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า เช่น เดินทางไกลหรือทำงานหนัก 1.3 ฟังเสียงร่างกาย พักผ่อนเมื่อรู้สึกเหนื่อย: หากรู้สึกเหนื่อยหรืออ่อนเพลีย ควรพักผ่อนทันที อย่าฝืนทำกิจกรรมต่อ หลีกเลี่ยงความเครียด: ความเครียดสามารถส่งผลต่อการนอนหลับและการฟื้นตัวของร่างกาย พยายามหาเวลาผ่อนคลาย เช่น ฟังเพลง อ่านหนังสือ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ 2. ดื่มน้ำให้มากๆ การดื่มน้ำเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งหลังจากบริจาคเลือด เพราะการบริจาคเลือดทำให้ร่างกายสูญเสียน้ำไปบางส่วน ซึ่งการดื่มน้ำจะช่วยให้ร่างกายได้รับการชดเชยน้ำที่สูญเสียไปค่ะ โดยคำแนะนำในการดื่มน้ำหลังบริจาคเลือด มีดังนี้ ดื่มน้ำสะอาด: น้ำเปล่าเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด เพราะไม่มีส่วนผสมของน้ำตาลหรือคาเฟอีน ปริมาณ: ควรดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้วต่อวัน ในช่วง 24 ชั่วโมงหลังบริจาค ช่วงเวลา: ดื่มน้ำเรื่อยๆ ตลอดทั้งวัน ไม่จำเป็นต้องดื่มทีละมากๆ ชนิดของเครื่องดื่ม: นอกจากน้ำเปล่าแล้ว ยังสามารถดื่มน้ำผลไม้ น้ำซุป หรือเครื่องดื่มที่ไม่มีคาเฟอีนได้ แต่ควรหลีกเลี่ยงเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง 3. หลีกเลี่ยงการใช้แขนข้างที่บริจาคเลือด การหลีกเลี่ยงการใช้แขนข้างที่บริจาคเลือดเป็นสิ่งสำคัญมากหลังจากการบริจาคเลือด เพราะจะช่วยป้องกันไม่ให้แผลบริเวณที่เจาะเลือดเปิดออก โดยการพักแขนจะช่วยให้แผลหายเร็วขึ้น และลดอาการเจ็บปวดได้ ซึ่งวิธีหลีกเลี่ยงการใช้แขนข้างที่บริจาคเลือด เช่น พักแขน: พยายามอย่ายกแขนข้างที่บริจาคเลือดขึ้นสูง หรือทำกิจกรรมที่ต้องใช้แรงกับแขนข้างนั้น หลีกเลี่ยงการยกของหนัก: ไม่ควรยกของหนักเกิน 5 กิโลกรัมในช่วง 24 ชั่วโมงแรกหลังบริจาคเลือด หลีกเลี่ยงการออกกำลังกาย: งดการออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงกับแขน เช่น ยกน้ำหนัก วิดพื้น หรือเล่นกีฬา หลีกเลี่ยงการทำงานบ้าน: งดการทำกิจกรรมบ้านที่ต้องใช้แรงกับแขน เช่น ซักผ้า ถูบ้าน หรือหุงข้าว หลีกเลี่ยงการขับรถ: การขับรถต้องใช้แรงในการจับพวงมาลัย ควรหลีกเลี่ยงในช่วงแรกหลังบริจาคเลือด 4. หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และดื่มแอลกอฮอล์ นิโคตินในบุหรี่ทำให้หลอดเลือดหดตัว ในขณะที่แอลกอฮอล์ก็มีผลต่อการทำงานของหัวใจ การบริจาคเลือดร่างกายมีการสูญเสียเลือด และการที่ระบบไหลเวียนของเลือดไม่ดีจะยิ่งทำให้ร่างกายฟื้นตัวช้าลง ดังนั้นต้องงดสูบบุหรี่อย่างน้อย 24 ชั่วโมง: หลังจากบริจาคเลือด และงดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงค่ะ สำหรับข้อนี้ผู้เขียนผ่านฉลุย เพราะเป็นคนที่ไม่สูบบุรี่และไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ทุกชนิดอยู่แล้วค่ะ 5. หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่อากาศร้อน หลังจากบริจาคเลือดร่างกายจะสูญเสียเลือดไป ทำให้ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานหนักขึ้น หากต้องเผชิญกับอากาศร้อน ร่างกายของเราจะพยายามระบายความร้อนออกจากร่างกาย โดยการเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังผิวหนัง ซึ่งอาจทำให้เลือดไปเลี้ยงอวัยวะสำคัญอื่นๆ ไม่เพียงพอ เกิดอาการหน้ามืด วิงเวียน หรือเป็นลมได้ และวิธีหลีกเลี่ยงอากาศร้อนหลังบริจาคเลือด ได้แก่ อยู่ภายในอาคาร: เลือกอยู่ในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ หรือเปิดพัดลมให้ลมพัดผ่านตัว หลีกเลี่ยงกิจกรรมกลางแจ้ง: งดการออกกำลังกายกลางแจ้ง การทำงานกลางแจ้ง หรือการทำกิจกรรมที่ต้องตากแดดเป็นเวลานาน สวมใส่เสื้อผ้าที่เบาบาง: เลือกเสื้อผ้าที่ทำจากผ้าฝ้าย หรือผ้าที่ระบายอากาศได้ดี สีอ่อนจะช่วยดูดซับความร้อนได้น้อยกว่าสีเข้ม ประคบเย็น: หากรู้สึกตัวร้อนอาจใช้ผ้าชุบน้ำเย็นประคบตามจุดต่างๆ ของร่างกาย เช่น หน้าผาก ข้อมือ หรือข้อเท้า 6. สังเกตอาการผิดปกติ การสังเกตอาการของตัวเองจะช่วยให้เราทราบว่าร่างกายกำลังตอบสนองต่อการบริจาคเลือดอย่างไร หากมีอาการผิดปกติที่รุนแรง การไปพบแพทย์ทันทีจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ หากมีอาการผิดปกติขณะอยู่ที่ศูนย์บริจาคเลือด ควรรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ทันที เพื่อให้ได้รับการดูแลเบื้องต้น โดยอาการที่ควรระวังหลังบริจาคเลือด ได้แก่ เวียนหัว: อาการเวียนหัวเป็นอาการที่พบได้บ่อยหลังบริจาคเลือด เนื่องจากร่างกายสูญเสียเลือด คลื่นไส้: อาการคลื่นไส้อาจเกิดขึ้นได้เช่นกัน โดยเฉพาะหากรู้สึกหิวหรือเหนื่อยล้า อ่อนเพลียมากผิดปกติ: อาการอ่อนเพลียเป็นเรื่องปกติ แต่หากรู้สึกอ่อนเพลียมากผิดปกติจนทำกิจวัตรประจำวันไม่ได้ ควรไปพบแพทย์ หายใจลำบาก: หากรู้สึกหายใจลำบาก หอบเหนื่อย หรือเจ็บหน้าอก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ใจสั่น: อาการใจสั่นอาจเกิดขึ้นได้จากการสูญเสียเลือด ปวดศีรษะรุนแรง: หากปวดศีรษะรุนแรงมาก ควรรีบปรึกษาแพทย์ 7. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนัก การบริจาคเลือดทำให้ร่างกายสูญเสียเลือด ดังนั้นการพักผ่อนและหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ใช้แรงมากจึงเป็นสิ่งสำคัญ เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ เพาะว่าการออกกำลังกายหนักจะทำให้ร่างกายยิ่งอ่อนล้าและเหนื่อยล้ามากขึ้น โดยต้องงดออกกำลังกายหนักใน 24 ชั่วโมงแรก หลังจากบริจาคเลือด เช่น วิ่ง ปั่นจักรยาน ยกน้ำหนัก หรือเล่นกีฬาที่ต้องใช้แรงมาก แต่ให้เลือกกิจกรรมเบาๆ แทน และให้ฟังสัญญาณร่างกาย หากรู้สึกเหนื่อยล้า ควรหยุดพักทันที อย่าฝืนออกกำลังกายต่อค่ะ และตัวอย่างกิจกรรมที่ทำได้หลังบริจาคเลือด เช่น เดินเล่นเบาๆ: การเดินเล่นเบาๆ ช่วยให้เลือดไหลเวียนได้ดีขึ้น ยืดเส้นยืดสาย: การยืดเส้นยืดสายช่วยลดอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ทำโยคะ: โยคะเป็นการออกกำลังกายที่ช่วยผ่อนคลายและยืดเหยียดกล้ามเนื้อได้ดี และทั้งหมดนั้นคือแนวทางการดูแลตัวเอง ที่ผู้เขียนได้ประยุกต์ใช้ตลอดหลังจากได้ไปบริจาคเลือดกลับมา โดยล่าสุดได้ไปบริจาคเลือดเป็นครั้งที่ 19 ค่ะ ที่บริจาคเลือดไปทั้งหมด 350 ซีซี โดยแนวทางการดูแลตัวเองตอนนี้ที่ยังทำอยู่ก็คือ ออกกำลังกายชนิดเบาค่ะ ยังไงนั้นหากคุณผู้อ่านเพิ่งไปบริจาคเลือดมา ก็อย่าลืมนำแนวทางการดูแลตัวเองข้างต้นไปใช้กันค่ะ ซึ่งผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก โดย Lucas Oliveira จาก Pexels ภาพประกอบเนื้อหา: ภาพที่ 1 โดย Andrea Piacquadio จาก Pexels, ภาพที่ 2-3 โดยผู้เขียน และภาพที่ 4 โดย Tirachard Kumtanom จาก Pexels ออกแบบภาพหน้าปกใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://intrend.trueid.net/post/404029 https://intrend.trueid.net/post/428984 https://intrend.trueid.net/post/410975 เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !