น้ำผึ้ง จัดเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่มนุษย์ใช้มาตั้งแต่สมัยโบราณ และเชื่อเหลือเกินว่าในสมัยปัจจุบัน แทบจะทุกบ้านต้องมีน้ำผึ้งติดบ้านติดครัวกันไว้อย่างแน่นอน เพราะน้ำผึ้งเนื้อเหนียวหนืดสีทองใส มีรสชาติหวานทานอร่อย สามารถนำมาปรับใช้ได้หลากหลายไม่เมนู ไม่ว่าจะเป็นขนมหวาน เบเกอรี่ แซนด์วิช หรือเครื่องดื่มก็อร่อยสุด ๆ หรือกระทั่งจะใช้กินเพื่อให้ออกฤทธิ์เป็นยาก็หลากหลาย วันนี้เราเลยอยากหยิบเอาสรรพคุณทางยาที่น่าสนใจของน้ำผึ้งมาฝากกัน จะมีอะไรบ้างมาดูกันได้เลย 6 วิธีกินน้ำผึ้งให้เป็นยา ความหวานที่อัดแน่นด้วยประโยชน์ 1.น้ำผึ้ง 1 ช้อนชา +เกลือ+มะนาว ช่วยบรรเทาอาการไอและเจ็บคอน้ำผึ้งจะช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียที่อยู่ในช่องปากและลำคอ จึงช่วยบรรเทาอาการไอได้เป็นอย่างดีค่ะ เชื่อว่าสูตรน้ำผึ้งแก้ไอจะต้องใช้กันหลายๆ บ้านแน่นอน ตอนเด็กๆ จะได้แม่นเลยล่ะว่า เมื่อไหร่ที่เราไอหนัก ๆ แม่จะใช้น้ำผึ้งป่าประมาณ ½ ช้อนโต๊ะ ผสมเข้ากับเกลือแกงนิดหน่อย บีบมะนาวใส่ให้ตัวน้ำผึ้งเหลว ๆ สักนิด แล้วให้เรากินวันละ 1 ช้อน อาการไอ และเจ็บคอจะค่อยๆ ดีขึ้นตามลำดับเลยล่ะ ไม่ต้องเปลืองเงินซื้อยาแก้ไอมาจิบ 2.น้ำผึ้ง+กล้วยห่าม ช่วยลดอาการท้องผูกข้อนี้นับว่าเป็นอีกประโยชน์ที่น่าสนใจของน้ำผึ้ง เพราะในน้ำผึ้งนั้นมีแบคทีเรียตัวดีที่เราคุ้นเคยกันอย่างดี ชื่อว่า “โพรไบโอติกส์” และ “แลคโตบาซิลัส” ซึ่งทั้ง 2 ตัวนี้จะช่วยปรับสมดุลลำไส้ และกระตุ้นให้เราขับถ่ายได้ง่ายมากขึ้น ยิ่งหากได้กินคู่กับอาหารที่มีเส้นใยสูง ๆ จะดีมาก อย่างเช่น กล้วยห่าม กล้วยสุก มันต้ม ฟักทองต้ม ก็จะช่วยให้เราถ่ายท้องได้ง่ายมากยิ่งขึ้น ในช่วงลดน้ำหนักเราจะกินอาหารเหล่านี้เป็นประจำเพราะช่วยทำให้อิ่มท้อง ทั้งน้ำผึ้งยังเป็นน้ำตาลจากธรรมชาติ สังเกตได้เลยว่าในช่วงที่เรากินอาหารชนิดนี้บ่อย ๆ จะทำให้เราถ่ายท้องง่าย ถ่ายเป็นประจำทุกวัน หมดปัญหาท้องผูกไปเลย 3.น้ำผึ้ง+น้ำอุ่น 1 แก้ว ใช้ดื่มก่อนนอน ช่วยให้นอนหลับง่ายขึ้นสำหรับใครที่มีปัญหานอนไม่ค่อยหลับ หรือรู้สึกว่าเป็นคนที่นอนหลับยาก น้ำผึ้งเป็นอีกทางเลือกที่จะช่วยคุณได้ เพราะน้ำผึ้งมีฤทธิ์เป็นยาระงับประสาทอ่อน ๆ หลังกินน้ำผึ้งจะทำให้เรารู้สึกดีและผ่อนคลาย โดยอาจจะใช้เป็นน้ำผึ้ง 1 ช้อนชา ผสมกับน้ำอุ่นสักประมาณ 1 แก้วกาแฟ และใช้จิบเรื่อย ๆ ในช่วงก่อนเข้านอนหรือถ้ามีชาคาโมมายล์ หรือชาเปปเปอร์มินต์ก็จะยิ่งดีมาก ชงอุ่นๆ แล้วผสมน้ำผึ้งลงไปสัก 1 ช้อนชา ดื่มก่อนนอนจะช่วยสร้างความผ่อนคลาย ทำให้นอนหลับได้ดีมากขึ้นจริงๆ 4.น้ำผึ้ง+น้ำอุ่น 1 แก้ว เพื่อบรรเทาอาการหลังจากท้องเสีย ถ่ายท้องเพราะในน้ำผึ้งนั้นอุดมไปด้วยวิตามินและเกลือแร่ที่สำคัญหลากหลายชนิด สำหรับใครคนไหนที่กำลังมีอาการอ่อนเพลียมาก ๆ หลังจากประสบปัญหาท้องเสียถ่ายท้องอย่างรุนแรงสามารถใช้น้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนชาผสมเข้ากับน้ำอุ่น 1 แก้ว ใครอยากเพิ่มเกลือแกงลงไปสักนิดก็ทำได้เช่นเดียวกัน ใช้จิบเรื่อยๆตลอดวันคล้ายกับการจิบน้ำเกลือแร่จะช่วยฟื้นฟูให้ร่างกายค่อย ๆ กลับมามีแรงได้ ข้อควรระวัง แนะนำว่าให้ดื่มหลังจากหยุดถ่ายไปแล้ว ไม่ควรดื่มในขณะที่กำลังถ่ายท้องเยอะ ๆ เพราะน้ำผึ้งอาจจะกระตุ้นอาการท้องเสียให้รุนแรงกว่าเดิมได้ 5.น้ำผึ้งบำรุงผิว ลดสิว ลดอาการผิวอักเสบ ด้วยการใช้น้ำผึ้งมาสก์หน้าข้อนี้สาว ๆ ทุกคนหรือคนที่ชอบดูแลจะต้องทราบกันดีแน่นอน เพราะน้ำผึ้งมีฤทธิ์ช่วยฆ่าเชื้อแบคทีเรียที่อยู่บนผิวหนังของเรา ทั้งยังช่วยขจัดสิ่งสกปรกต่างๆ ออกจากรูขุมขน จึงมีช่วยบำรุงผิวให้สดใส ลดการเกิดสิว ลดอาการผิวอักเสบ ผิวแดง ส่วนตัวเราจะใช้น้ำผึ้งประมาณ 1 ช้อนชามาสก์ให้ทั่วหน้าและทิ้งเอาไว้ประมาณ 10 ถึง 15 นาทีจากนั้นจึงล้างออกด้วยน้ำสะอาดหลังมาสก์หน้าด้วยน้ำผึ้งจะรู้สึกได้เลยว่าผิวหน้ามีความเต่งตึง ชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้นและรู้สึกระคายเคืองน้อยลง 6.น้ำผึ้งผสมน้ำมะนาว ช่วยลดอาการแฮงค์ เมาค้างการใช้น้ำผึ้งเพื่อลดอาการแฮงค์หรือเมาค้างเป็นสูตรที่ได้รับความนิยมมาก ๆ ในประเทศเกาหลี เพราะอย่างที่เราทราบกันดีว่าในน้ำผึ้งเป็นแหล่งของน้ำตาลจากธรรมชาติ ซึ่งความหวานนี้จะเข้าไปปรับและฟื้นฟูร่างกายหลังอาการเมาหนักได้ดีมากเลยทีเดียว โดยสามารถใช้น้ำผึ้งประมาณ 1-2 ช้อนโต๊ะผสมเข้ากับน้ำอุ่นปริมาณ 1 แก้วกาแฟ แล้วดื่มในตอนเช้าที่มีอาการเมาค้าง ก็จะช่วยให้ร่างกายกลับมากระปรี้กระเปร่า บรรเทาอาการวิงเวียนศีรษะอ่อนเพลีย และไม่มีแรง ควรกินน้ำผึ้งวันละเท่าไหร่จึงจะปลอดภัยต่อสุขภาพปริมาณแนะนำในการกินน้ำผึ้งอยู่ที่ไม่เกินวันละ 2 ช้อนโต๊ะ เพราะในน้ำผึ้งมีปริมาณน้ำตาลสูงมากจึงห้ามกินเยอะเกินไป นอกไปจากนี้การกินน้ำผึ้งมาก ๆ จะทำให้เกิดอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ และมีลมในท้องเยอะ ข้อควรระวังในการกินน้ำผึ้งถึงแม้น้ำผึ้งจะมีประโยชน์และมีสรรพคุณทางยามากมายหลายอย่าง แต่ทั้งนี้น้ำผึ้งก็อาจไม่เหมาะสำหรับคนบางกลุ่ม เช่น ผู้ป่วยโรคเบาหวานหรือผู้ที่ต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ไม่ควรกินน้ำผึ้งในปริมาณมากเกินไปผู้ที่มีอาการถ่ายท้อง ท้องเสีย ไม่ควรกินน้ำผึ้งในช่วงที่กำลังถ่ายหนัก เพราะอาจจะกระตุ้นให้เกิดการถ่ายท้องมากขึ้นกว่าเดิม น้ำผึ้งไม่เหมาะกับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 1 ขวบเพราะอาจเสี่ยงทำให้เกิดอาการแพ้หรือติดเชื้อจากน้ำผึ้งได้ เพราะเด็กที่อายุน้อย ๆ ระบบภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงผู้ที่มีประวัติเคยแพ้น้ำผึ้งหรือแพ้เกสรของดอกไม้บางชนิด ควรหลีกเลี่ยงน้ำผึ้งและอาหารที่มีส่วนผสมของน้ำผึ้งภาพหน้าปก : ภาพที่1 โดย mars58 จาก canvaภาพเนื้อหา : ภาพที่1,3,4,6 โดย ผู้เขียน / ภาพที่2 โดย edfuentesg / ภาพที่5 โดย pixelshot จาก canvaอยากผอมหุ่นดี อยากมีซิกแพค หาอินสปายลดน้ำหนัก เข้าร่วมด่วนที่ฟิตแอนด์เฟิร์มคอมมูนิตี้