(ภาพปกถ่ายโดยผู้เขียน)ขี้หูมีคุณสมบัติต่อต้านเชื้อโรค และช่วยปกป้องผิวหนังของช่องหูชั้นนอก นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งแปลกปลอมเข้าไปในช่องหู ขี้หูมักจะเคลื่อนที่จากเยื่อบุแก้วหูออกไปยังหูชั้นนอกได้เอง โดยที่เราไม่จำเป็นต้องแคะออก อย่างไรก็ตาม ปัญหาจะเกิดขึ้นถ้ามีขี้หูมากและไปอุดตันหูชั้นนอก อาการที่ตามมาคือ หูอื้อทีนี้ขอเล่ากรณีของลูกเรา ตั้งแต่เขาเกิดมา เราทำความสะอาดหูให้เขาด้วยการใช้ก้านสำลีทำความสะอาดตรงส่วนที่เป็นขอบหูเท่านั้น ไม่เคยแหย่เข้าไปในรูหู เพราะเคยอ่านเจอว่าไม่จำเป็น และการแหย่เข้าไปอาจยิ่งทำให้ขี้หูหลุดลึกเข้าไปในรูหูได้ เรายังคงเชื่อแบบนี้มาโดยตลอด เวลาลูกไม่สบาย ไปหาหมอเด็ก แล้วหมอต้องเอาไฟส่องดูจมูกกับหู หมอจะพูดทุกครั้งว่า ส่องหูลูกเราแล้วไม่เห็นอะไรเลย เจอแต่ขี้หู ถึงหมอจะพูดแบบนั้น แม่อย่างเราก็ยังไม่คิดจะทำอะไร ยังคงยืนกรานไม่เอาอะไรแคะหูลูกเหมือนเดิมแล้วเราก็เริ่มพาลูกไปเรียนว่ายน้ำ หลังจากว่ายไปได้สองครั้งก็เริ่มมีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้น เราจะนอนกับลูกตลอด อยู่มาคืนหนึ่งรู้สึกได้กลิ่นไม่ค่อยดีจากตรงหูของลูก (ลูกหลับไปแล้ว) จึงลองเช็คดูด้วยการเข้าไปดมใกล้ ๆ อีกครั้ง ก็ได้กลิ่นเหม็นอับ ๆ จากหูของลูก วันรุ่งขึ้นตัดสินใจเอาก้านสำลีลองแหย่เข้าไปในรูหูเพื่อทำความสะอาด สิ่งที่ติดออกมาคือก้อนขี้หูเปียก ๆ และมีกลิ่น เช็ดอย่างไรก็ไม่หมด จนลูกเริ่มบ่นว่าเจ็บ เลยต้องหยุด เย็นวันนั้นจึงตัดสินใจพาไปหาหมอ(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) หลังจากเรียนว่ายน้ำ หูของเด็กน้อยเริ่มมีอาการผิดปกติพวกเราไปโรงพยาบาลย่านพระรามสอง หลังจากแจ้งอาการที่เคาน์เตอร์เวชระเบียน เจ้าหน้าที่ให้ไปที่แผนกตา หู คอ จมูก พยาบาลชั่งน้ำหนักและวัดไข้ จากนั้นจึงเข้าไปพบหมอ (ทุกขั้นตอนไม่สามารถถ่ายรูปได้) หมอส่องดูหูของเด็กน้อย แล้วบอกว่าขี้หูเยอะมาก พอไปว่ายน้ำ น้ำเข้าหู เลยทำให้ขี้หูเปียก วิธีรักษาคือต้องดูดออก (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) มาหาหมอเพื่อดูดขี้หูออกพยาบาลจับเด็กน้อยหยอดยาที่หูทั้งสองข้างเพื่อให้ขี้หูนิ่มลง แล้วมัดเพื่อป้องกันไม่ให้ดิ้น เด็กน้อยนอนตะแคงทีละข้าง หมอใช้เครื่องดูดขี้หูออกมา ตอนดูดเห็นลูกทำหน้าจั๊กจี้ หมอใจดีโชว์สิ่งที่ดูดออกมาได้ให้พ่อแม่ดูด้วย สิ่งที่เห็นทำให้เรานึกในใจว่า “จะบ้าตาย ทำไมก้อนใหญ่จัง” หลังจากดูดขี้หูออกไปหมดแล้ว ลูกบอกว่า “โล่งมาก ได้ยินชัดขึ้นด้วย” เราคิด “หรือว่าที่ผ่านมาเวลาสอนอะไรไม่ค่อยฟัง เป็นเพราะขี้หูเยอะเลยไม่ค่อยได้ยินหรือเปล่านะ” หมอบอกว่ากลับบ้านได้เลย ไม่มีอะไรแล้ว และให้มาดูดออกทุกหกเดือน เพราะลูกเราขี้หูเยอะแต่หูโล่ง ๆ นี้ก็ต้องแลกด้วยค่าดูดที่แรงเอาเรื่อง นั่นก็คือพันต้น ๆ เรากลับมาหาข้อมูลเรื่องขี้หูตันต่อ เพื่อเอาไว้เป็นแนวทางรักษาในอนาคต ได้ความว่า หลังจากดูดขี้หูออกแล้ว ไม่ควรใช้ก้านสำลีปั่นหู และพยายามอย่าให้น้ำเข้าหู ในกรณีที่ต้องว่ายน้ำ แนะนำให้ใส่ที่อุดหูซึ่งหาซื้อได้ตามร้านขายอุปกรณ์กีฬา ถ้ามีขี้หูมาก สามารถใช้ยาละลายขี้หูหยอดสัปดาห์ละครั้ง แล้วจึงห่างออกไปเป็น 2-3 สัปดาห์ หยอดหนึ่งครั้ง (ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) หลังจากดูดขี้หู ไม่ควรใช้ก้านสำลีปั่นหู(ภาพถ่ายโดยผู้เขียน) ยาละลายขี้หูหูเป็นอวัยวะที่สำคัญ หากเกิดความผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยอาการและหาสาเหตุ อย่างกรณีของลูกเรา ถือว่าเราละเลยอาการขี้หูตันของเขามานานมาก พอมาคิด ๆ ดูก็รู้สึกว่าอาการน่าจะมีผลกับการได้ยินของเขาด้วย ขอให้เรื่องของเราเป็นกรณีศึกษาเพื่อให้คนอื่นได้ระวังและป้องกันไว้ก่อน