ตอนอายุ24-25เป็นวัยที่ร่างกายอุดมสมบูรณ์ แต่จิตใจกลับไม่คิดที่จะบำรุงร่างกาย รักษาร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรง แต่กลับใช้ชีวิตด้วยความชะล่าใจใช้ร่างกายในทางที่ผิดทั้งในเรื่องการกินชอบทานแต่ของไม่มีประโยชน์ น้ำอัดลม ของมัน ของทอด ปฎิเสธที่จะรับผักและผลไม้เข้าร่างกาย การใช้ชีวิตประจำวันรักที่จะนอนดูทีวีหลังเลิกงานมากกว่าที่จะไปเดินออกกำลังกาย รักที่จะนั่งร้านอาหารที่มีควันบุรีมากกว่าสวนสาธารณะที่ให้อากาศที่บริสุทธิ์ พอถึงจุดหนึ่งจุดที่เปลี่ยนแปลงชีวิตสาววัย30กลางๆหน้าตาที่เคยสดใสกลับเต็มไปด้วยริ้วรอยจุดด่างดำ แห้งกร้าน จากที่เคยเป็นสาวไซด์sก้กลับกลายเป็นสาวไซด์Lเสื้อผ้าที่เคยมีก็ไม่สามารถใส่ได้อีกต่อไปนอกจากซื้อใหม่ยกตู้ ไม่เคยต้องพึ่งเครื่องดื่มสุขภาพพื่อระบบขับถ่ายแต่วันนี้ก็ต้องซื้อมาดื่ม จากที่เคยหัวถึงหมอนก็หลับโดยง่ายดายก็กลายเป็นคนที่ต้องพยายามข่มตาถึงจะได้หลับในเวลากลางคืน นี่ร่างกายเราสามารถเปลี่ยนแปลงไปได้ขนาดนี้เลยหรอ นั่งคิดทบทวนพฤติกรรมที่ผ่านมาของตัวเอง ก็รับรู้ได้ว่าที่ผ่านมาเราชะล่าใจกับคำว่ายังไม่แก่ยังไม่จำเป็นต้องเยอะกับชีวิต เรื่องสุขภาพคงต้องเป็นคนแก่เท่านั้นหล่ะไม่ใช่เรา ใช่คะวันนั้นเราคิดผิดส่งผลให้เราต้องรับผิดชอบการกระทำที่ทำร้ายร่างกายของเนสด้วยตัวเราเอง วิ่ง.....สิ่งแรกที่คิดได้หลังจากอยากเริ่มต้นที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง ก็ใครๆเขาก็วิ่งกันหนิ อาจเป็นเพราะว่าวิ่งเป็นกีฬาชนิดหนึ่งที่ใช้ต้นทุนในการดูแลน้อยมากแค่มีสถานที่วิ่งที่เหมาะสม รองเท้า 1 คู่และใจที่พร้อมจะเริ่มวิ่งก็ออกวิ่งได้แล้ว แต่ประโยชน์หล่ะจะน้อยตามต้นทุนรึป่าว แรกๆมันไม่ได้เป็นอย่างที่คิดหรอกนะคะ มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เห็นดาราใครๆเขาก็วิ่งกันดาราบอบบางขนาดนั้นยังวิ่งได้ชาวบ้านเดินดินอย่างเราก็ไหวหล่ะ ช่วงสัปดาห์แรกวิ่งแค่ 1 กิโลเมตรก็เป็นเรื่องที่หนักหนามากแล้วคะ เหนื่อย ใจเต้นเร็ว หายใจไม่ทัน เหมือนจะเป็นลมอยู่ตลอดเส้นทาง เจ็บเล็บเท้า สาระพัดปัยหาพุ่งเข้ามาเอาซะแบบจะเลิกแล้วนะ แต่ด้วยร่างกายที่มันแย่จริงๆนะตอนนั้นมันทำให้ใจเราไม่ย่อท้อสัปดาห์แรกสิ่งที่เห็นผลได้ชัดเจนเลยก็คือหลับสบายขึ้นสามารถหลับได้เร็วและหลับสนิทตลอดทั้งคืนด้วยเวลาที่ผ่านไปเราก็ค่อยๆเพิ่มระยะทางการวิ่งในทุกๆวันจาก 1 เป็น 2 จาก 2 เป็น 3 จนทุกวันนี้จะวิ่งอยู่ที่วันละ 5 กิโลเมตรคะ ตลอดเส้นทางในการวิ่งเราใช้วิธีฟังเพลงคะอันนี้เป็นความคิดส่วนตัวนะ เวลาเราฟังเพลงเรารู้สึกเพลินไม่รู้สึกเบื่อตลอดเส้นทางจนทำให้สามารถวิ่งได้ 5กิโลเมตรในเส้นทางเดิมๆของทุกวัน บางคนอาจจะใช้วิธีเปลี่ยนสถานที่วิ่งบ้างก็ดีนะคะ แต่สำหรับเราเราเลือกที่เดิมตลอดเพราะเน้นความปลอดภัยคะ (ถนนในหมู่บ้านรถน้อยและบรรยากาศดี) ผลที่ได้ต่อมาจากการวิ่งก็คือผลดีด้านสุขภาพทั่วไป นอกจากทุกๆ วันที่เริ่มออกวิ่ง แรกๆก็ทำให้เราหลับสบายตื่นเช้ามาสดชื่นไม่ทำให้ร่างกายอ่อนเพลียในช่วงระหว่างวันแล้วนั้นจากที่เราวิ่งยิ่งวิ่งเรายิ่งดื่มน้ำสะอาดเข้าร่างกายเพิ่มมากขึ้น มันส่งผลให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น หน้าตาที่กร้านก็สดใสขึ้นอีกครั้งส่วนผลด้านอื่นๆก็คงเป็นด้านสุขภาพจิตและอารมณ์ การวิ่งช่วยทำให้อารมณ์และสุขภาพจิตดีขึ้น ช่วยทำให้การเครียดเหนื่อยล้าสมองจากการทำงานลดลง จากที่เคยอารมณ์หงุดหงิดง่ายทุกวันนี้กลายเป็นคนที่อารมณ์ดีคะอาจเป็นเพราะว่าหลังจากที่เราวิ่งเราได้ผ่อนคลายอารมณ์ลงบ้างทำให้ความเครียดสะสมในร่างกายเราจึงน้อยลง จนไม่น่าเชื่อว่า หมอ อยู่รอบๆตัวเรา เรานี่หล่ะที่สามารถช่วยรักษาร่างกายของเราได้ จากวันนั้นจนวันนี้ เพียงรองเท้า 1 คู่ หมวก 1 ใบ และใจที่พร้อม ก็สามารถรักษาตัวเองได้ ให้เป็นสาวที่มีสุขภาพดีแข็งแรง สดใสตลอดเวลาวิ่งเป็นกิจกรรมที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแต่ก็ควรทำอย่างใจเย็น ไม่ต้องเร่งหรือวิ่งให้เร็วตามใคร เป็นกำลังใจให้สาวๆที่กำลังเริ่มออกวิ่งนะคะ ขอขอบคุณแหล่งข้อมูล https://www.thaihealth.or.th/Content/39497-การวิ่งดีมีประโยชน์%20วิ่งอย่างไรไม่ทำร้ายสุขภาพ.html