ปัจจุบันปริมาณผู้ป่วยจากโรคจิตเวชเริ่มเยอะขึ้นทุกๆ ปี ที่ไม่กล่าวถึงคงจะไม่ได้สำหรับ โรคซึมเศร้า ในสังคมที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ความกดดันที่สูงขึ้นเรื่อยๆ ครอบครัว สภาพสังคม ที่ทำงาน คนรัก ปัญหาที่เข้ามาในชีวิต ล้วนแล้วแต่เป็นสาเหตุให้กลายเป็นโรคซึมเศร้าโดยไม่รู้ตัว บางคนป่วยจริงๆ แต่ไม่ยอมรับว่าป่วย ขณะที่บางคนคิดว่าตัวเองป่วยทั้งๆที่ปกติดี บางคนก็มองเป็นโรคฮิตที่แค่ร้องไห้เสียใจก็คิดว่าป่วยเป็นโรคซึมเศร้า อาการโดยทั่วไปของผู้ป่วยโรคซึมเศร้า เช่น มีความคิดทำร้ายร่างกายตนเอง คิดฆ่าตัวตาย ไม่ชอบเข้าสังคม มองว่าตัวเองไม่มีคุณค่า คิดว่าหายไปจากโลกใบนี้คงดีเสียกว่า โดยจะต้องมีอาการเหล่านี้ติดกันเกินกว่า 14 วันขึ้นไป บางคนอาจกำลังป่วยด้วยโรคนี้อยู่ หรือมีคนในครอบครัว คนที่คุณรักกำลังป่วย ได้โปรดอย่ามองข้ามพวกเขาพวกเขาต้องการความช่วยเหลือจากคุณ และคนรอบข้าง ผู้เขียนได้มีโอกาสแชร์ประสบการณ์กับผู้ป่วยรายหนึ่ง อาการป่วยโรคซึมเศร้าระดับรุนแรง เคยลงมือทำร้ายตัวเองมาแล้วหลายครั้ง ผู้ป่วยรายนี้ มีอดีตเกี่ยวกับบุคคลในครอบครัวซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่คนในครอบครัวเอง ก็ไม่ได้มีเจตนาจะพูดออกมา " มึงไม่น่าเกิดเป็นลูกกูเลย " ด้วยสภาวะที่ตอนนั้นผู้ป่วยรายนี้ยังไม่ทราบว่าตนเองป่วยก็มีอาการเสียใจ และคิดที่จะหนีออกจากบ้าน รวมถึงในครอบครัวผู้ป่วยเองมีบุคคลซึ่งเป็นคนมองโลกในแง่ร้าย ทำให้ผู้ป่วยซึมซับความคิดนั้นมาโดยที่ตนเองไม่รู้ตัว ต่อมาจะพยายามสลัดความคิดนี้ไปจากหัวก็สายเกินไปเสียแล้ว ความคิดที่โลกใบนี้ใจร้าย โลกใบนี้มีแต่สิ่งแย่ๆ จนทำให้เกิดความรู้สึกแย่กับตัวเอง การที่มองว่าตนเองไม่มีความเชื่อมั่นนั้น ทำให้การใช้ชีวิตและการเข้าสังคมเป็นสิ่งที่ยากหรือเกินตัว ทั้งๆที่เป็นสิ่งปกติโดยธรรมชาติของมนุษย์ ผู้ป่วยเคสนี้กล่าวกับผู้เขียนว่า เขาไม่รู้และไม่มั่นใจในความรักที่ครอบครัวมีให้เขา การได้ยินประโยคนั้นจากผู้เป็นพ่อแม่ ทำให้ยิ่งรู้สึกว่าเขาอาจไม่ควรเกิดมา และขาดความมั่นใจในการเข้าสังคม เนื่องจากมีความคิดว่า ขนาดพ่อแม่ยังไม่ต้องการ แล้วใครล่ะที่จะต้องการเขา ผู้ป่วยรายนี้รู้สึกไม่ปลอดภัยในการใช้ชีวิตกับสถาบันครอบครัวที่ควรจะเป็น Save Zone ให้กับเขา และมีสภาพจิตใจเป็นสีเดียวคือสีดำ ด้วยเหตุการณ์ฝังใจ และความคิดที่โลกใบนี้มันมีแต่คนใจร้าย คำพูดร้ายๆ พฤติกรรมแย่ๆ โลกที่ใจร้ายกับเขาไปเสียทุกอย่าง ทำให้เขารู้สึกโดดเดี่ยว และมองไม่เห็นจุดหมายของชีวิต สำหรับผู้เขียน ผู้ป่วยรายนี้ถูกบังคับให้สวมใส่แว่นตาสีดำที่มืดสนิท มืดเสียจนมองไม่เห็นความหวัง หรือจุดหมายในชีวิตอีกต่อไป ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับความคิดเรื่องสีสันบนโลกที่ต่างออกไปผ่านการมองจากความรู้สึกของผู้ป่วยบางราย หากเปรียบเทียบชีวิตที่สนุกสนาน การได้ใช้ชีวิตเต็มที่อย่างที่ตนต้องการ หรือที่เรียกกันว่าสีสันของชีวิตนั้น ผู้ป่วยบางรายอาจไม่ได้มองสิ่งเหล่านี้มีสีสันที่ต่างกันออกไป พวกเขาอาจมองมันเป็นสีดำทั้งหมดเนื่องจากแว่นสีดำที่ถูกตรึงเอาไว้กับร่างกายจนยากที่จะดึงออก ทำให้หมดแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิต ไม่รู้สึกท้าทาย ไม่รู้สึกสนุกสนานกับสิ่งที่เคยทำแล้วมีความสุข รู้สึกเฉย และชินชากับสิ่งที่ทำแล้วเคยยิ้มได้ รู้สึกเบื่อ และท้อแท้กับการพยายามมองหาความสุขอีกครั้ง ส่วนหนึ่งเพราะสารเคมีในสมองแตกต่างจากคนปกติทั่วไป และบางส่วนเป็นเหตุผล หรือเหตุการณ์ที่ฝังใจ ทำให้ไม่ว่าโลกนั้นจะมีสีสันที่สวยงามเพียงใด ในสายตาผู้ป่วยซึมเศร้าบางรายทุกอย่างคือสิ่งที่พวกเขามองแล้วรู้สึกเฉยชา ผู้ป่วยซึมเศร้าบางรายไม่มีความมั่นใจในตนเอง มันไม่ใช่เพราะเขาไม่กล้าแสดงออก หรือไม่ใช่เพราะเขาขี้กลัว แต่เป็นเพราะเขามองว่าตนเองนั้นไม่มีคุณค่าพอ มองตนเองต่ำต้อยด้อยคุณค่า ถึงแม้ว่าคนรอบข้างจะไม่มีใครแสดงออกแบบนั้นก็ตาม ความวิตกกังวลที่มากเกินคนปกติ และการรู้สึกเสียใจมากกว่าคนปกติ ทำให้บางครั้งพวกเขาต้องปกป้องตัวเองด้วยวิธีการไม่เอาตัวเขาไปอยู่ท่ามกลางความเสี่ยง จากการโดนเมินเฉย จากคำติ จากการถูกวิจารณ์ จากบุคคลที่มีทัศนคติในแง่ร้าย หรือถ้อยคำที่กระทบต่อจิตใจอย่างรุนแรงจากสังคมรอบข้าง หากคุณคือผู้ป่วย โรคซึมเศร้า ไม่ว่าคุณจะรักษามานานเท่าไหร่ ได้โปรดเลือกที่จะอดทนพบกับจิตแพทย์ ทานยาให้ครบทุกวัน และรับรู้ว่าคนที่จะอยู่ข้างคุณได้ตลอดเวลาที่คุณรู้สึกดาวน์ คือตัวคุณเอง จงมองที่กระจกเเล้วยิ้มให้กับตนเองทุกเช้า ก่อนออกจากบ้าน ให้กำลังใจตัวคุณเองว่าวันนี้คุณเก่งมากแค่ไหนที่เดินมาได้ไกลขนาดนี้ และยังมีอีกหลายโอกาสที่รอคุณอยู่ข้างหน้า หากวันนี้คุณมองว่าไม่มีใครรักคุณ แล้วคุณมีคำตอบในใจหรือไม่ ว่าคุณกำลังรักใคร หากคุณคิดว่าวันนี้ไม่มีใครเข้าใจคุณ ผู้เขียนเองขอเป็นกำลังใจให้คุณในฐานะเพื่อน ถึงเเม้ว่าเราจะไม่เคยได้พบกัน ไม่เคยรู้จักกัน แต่อยากขอให้สู้ จนกว่าจะสู้ไม่ไหว ทุกๆอย่างจะดีขึ้นเมื่อถึงเวลาของมัน หากวันนี้โลกกำลังใจร้ายกับคุณ ได้โปรดอย่ามองว่าโลกจะใจร้ายกับคุณตลอดไป ยังมีผู้ป่วย โรคซึมเศร้า อีกหลายล้านคนบนโลกที่พร้อมและเข้าใจในความรู้สึกของกันและกัน หากคุณไม่เคยบอก หรือเล่าเรื่องอาการของคุณให้ใครฟัง การพบจิตแพทย์ ถือเป็นสิ่งที่ทำให้คุณได้ระบายสิ่งแย่ๆ ทิ้งออกไปจากจิตใจได้บางส่วน ถึงแม้จะไม่ทั้งหมดแต่มันจะเบาบางลง การให้ความหวังกับตัวเอง อาจต้องแลกมาด้วยความผิดหวัง ขอให้มองมันเป็นสิ่งธรรมดา โลกใบนี้ไม่ได้ใจดีกับเรา แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายจนเกินไป ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีเหตุผลในตัวมันเอง ผู้เขียนไม่ใช่คนที่เชื่อเรื่องความรักบนโลกนี้สักเท่าไหร่ แต่หากมีพรสัก 1 ข้อ ก็จะขอให้ผู้อ่านกลับมามีชีวิต ที่มองเห็นสีสันและรู้สึก รับรู้ สัมผัสได้ถึงความสุขบนโลกนี้อีกครั้ง และเชื่อเถอะคุณไม่ได้เป็นภาระของใคร ผู้ป่วยซึมเศร้าทุกคนมีสิ่งพิเศษในตัวคุณ อย่างน้อยคุณจะเป็นคนที่เข้าใจ และให้กำลังใจที่ดีกับคนรอบข้างในชีวิตที่กำลังมีความทุกข์ได้อย่างดี คุณจะกลายเป็นกำลังใจที่มีค่าให้ใครอีกหลายๆ คนบนโลกที่อาจกำลังนั่งร้องไห้ เพราะคุณทราบดีว่าเวลาที่เสียใจที่สุดนั้นรู้สึกอย่างไร และประโยคไหนที่ไม่ควรจะพูดออกไป ผู้เขียนเชื่อว่าผู้ป่วยซึมเศร้าทุกคนต้องพบเจอกับคนที่ไม่เข้าใจในอาการของโรคนี้ และใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสม คุณต้องอดทนที่จะรับฟังมันอย่างอึดอัด แต่เวลา และวินัยในการรักษา ประสบการณ์ ร่องรอยของน้ำตา ทุกอย่างที่ทำร้ายคุณ วันหนึ่งมันจะกลายเป็นภูมิคุ้มกันที่ดีที่สุดให้คุณ ขอเพียงคุณยังยืนอยู่ข้างตัวคุณเอง ได้โปรดอย่าเลือกที่จะหนีไป อีกไม่นานคุณจะได้ชีวิตคุณกลับคืนมาจากโลกที่คุณมองว่าใจร้ายใบนี้ และเลือกที่จะยิ้มให้กับมันอีกครั้ง ในอีก 5 ปีข้างหน้า คุณจะเป็นผู้ใหญ่และรู้สึกภูมิใจในตัวเองที่สุด ที่ผ่านเรื่องนี้มาได้อย่างกล้าหาญ รูปภาพทั้งหมด : จากผู้เขียน เครดิต ภาพประกอบที่ 2🗺 แชร์ที่เที่ยวใหม่ๆ ไม่ว่าจะเที่ยวสายไหนก็มาแวะแชร์กับทรูไอดีคอมมูนิตี้ “เที่ยวไปให้สุด”