เก้าอี้สำหรับออกกำลังกาย แบบไหนดี เหมาะสมน่าซื้อ | บทความโดย ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล ในปัจจุบันการออกกำลังกายไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่เพียงการเดิน การวิ่ง หรือการออกกำลังกายอย่างอื่นที่ไม่ได้ใช้อุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายแล้วค่ะ เพราะเราสามารถพบเห็นการออกกำลังกายที่หลากหลายมากขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกกำลังกายที่มีการใช้อุปกรณ์ และเก้าอี้สำหรับออกกำลังกาย เป็นอุปกรณ์ที่หลายคนต้องมีค่ะ เพราะสามารถนำมาช่วยให้ออกกำลังกายทำได้สนุกมากขึ้น ซึ่งเก้าอี้ที่จำเป็นต้องใช้ตอนออกกำลังกายมีหลายแบบค่ะ จึงทำให้หลายคนอาจตกอยู่ในอาการที่ว่า แล้วจะซื้อแบบไหนดีล่ะ? ดังนั้นในบทความนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับ แนวทางเลือกเก้าอี้สำหรับออกกำลังกาย ว่าแบบไหนดีสำหรับเรา แบบไหนน่าซื้อ แบบไหนมีคุณภาพดี และเหมาะสมกับการออกกำลังกายค่ะ ที่รับรองว่าสามารถมองเห็นภาพและตัดสินใจได้เลยว่า ต้องซื้อเก้าอี้ออกกำลังกายตัวไหนค่ะ ดังนั้นอย่าช้าที่จะอ่านให้จบ ดังข้อมูลต่อไปนี้ค่ะ 1. กำหนดวัตถุประสงค์ในการใช้งาน 1.1 เน้นบริหารกล้ามเนื้อส่วนบน เก้าอี้ที่มีที่วางแขน: เก้าอี้ประเภทนี้จะช่วยให้เราสามารถทำท่าบริหารกล้ามเนื้อส่วนบนได้หลากหลาย เก้าอี้ที่มีที่วางเท้า: ช่วยให้เราสามารถทำท่าบริหารกล้ามเนื้อหน้าท้อง และกล้ามเนื้อส่วนบนได้มากขึ้น เก้าอี้ที่มีความเสถียรสูง: เนื่องจากการบริหารกล้ามเนื้อส่วนบนมักจะต้องใช้แรงในการยกน้ำหนักค่อนข้างมาก เก้าอี้จึงต้องมีความแข็งแรงและเสถียร เพื่อป้องกันการบาดเจ็บ 1.2 เน้นบริหารกล้ามเนื้อส่วนล่าง เก้าอี้ปรับระดับได้หลายระดับ: เก้าอี้แบบนี้จะช่วยให้เราสามารถปรับเปลี่ยนมุมของเบาะนั่งและพนักพิงได้ตามต้องการ ทำให้คุณสามารถทำท่าบริหารกล้ามเนื้อส่วนล่างได้หลากหลาย เก้าอี้ที่มีที่วางขา: ช่วยให้เราสามารถทำท่าบริหารกล้ามเนื้อน่อง และกล้ามเนื้อหลังขาได้อย่างมีประสิทธิภาพ เก้าอี้ที่มีความแข็งแรง: เนื่องจากการบริหารกล้ามเนื้อส่วนล่างมักจะต้องใช้แรงในการดันหรือดึงค่อนข้างมาก เก้าอี้จึงต้องมีความแข็งแรงทนทาน 1.3 ความถี่ในการใช้งาน ใช้งานบ่อย: ควรเลือกเก้าอี้ที่ทำจากวัสดุที่มีคุณภาพสูง เช่น เหล็กกล้า หรือสแตนเลส เพื่อความแข็งแรงทนทาน และมีการเคลือบผิวเพื่อป้องกันสนิม เบาะ: ควรเลือกเบาะที่ทำจากวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี เช่น โฟมที่มีความหนาแน่นสูง หรือหนังสังเคราะห์ที่มีคุณภาพ เพื่อให้เรารู้สึกสบายขณะออกกำลังกาย โครงสร้าง: ควรตรวจสอบรอยเชื่อมและสกรูให้แน่นหนา เพื่อความปลอดภัยค่ะ 2. งบประมาณ งบประมาณเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการเลือกซื้อเก้าอี้สำหรับออกกำลังกาย เนื่องจากเก้าอี้แต่ละรุ่นจะมีราคาแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิต คุณสมบัติพิเศษและแบรนด์ ดังนั้นการกำหนดงบประมาณที่เหมาะสม จะช่วยให้เราสามารถเลือกซื้อเก้าอี้ที่ตรงกับความต้องการ และงบประมาณของเราได้อย่างพอดี โดยงบประมาณแต่ละช่วงเหมาะกับเก้าอี้แบบไหนบ้าง มีดังนี้ค่ะ งบประมาณต่ำ (ต่ำกว่า 5,000 บาท): เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น หรือผู้ที่ต้องการเก้าอี้สำหรับใช้งานเบาๆ อาจเป็นเก้าอี้แบบพับเก็บได้ หรือเก้าอี้ที่มีฟังก์ชันการใช้งานพื้นฐาน งบประมาณกลาง (5,000 - 15,000 บาท): เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก้าอี้ที่มีคุณภาพดีขึ้น มีความแข็งแรงทนทาน และสามารถปรับระดับได้หลายระดับ อาจเป็นเก้าอี้สำหรับยกน้ำหนัก หรือเก้าอี้สำหรับบริหารกล้ามเนื้อส่วนล่าง งบประมาณสูง (15,000 บาทขึ้นไป): เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเก้าอี้ที่มีคุณภาพสูงสุด มีฟังก์ชันการใช้งานที่ครบครัน และออกแบบมาเพื่อการใช้งานหนัก สามารถปรับแต่งได้หลากหลายรูปแบบ 3. วัสดุที่ใช้การผลิต วัสดุที่ใช้ผลิตเก้าอี้สำหรับออกกำลังกายนั้นมีผลโดยตรงต่อความทนทาน ความปลอดภัย และอายุการใช้งานของเก้าอี้ ซึ่งจะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการออกกำลังกายของเราโดยตรง ดังนั้นการเลือกวัสดุที่เหมาะสมจึงเป็นสิ่งสำคัญมาก เหล็ก: เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการผลิตโครงสร้างของเก้าอี้สำหรับออกกำลังกาย เนื่องจากมีความแข็งแรง ทนทานต่อแรงกระแทก และสามารถรับน้ำหนักได้มาก สแตนเลส: มีความแข็งแรงทนทานต่อการกัดกร่อนและสนิม เหมาะสำหรับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่ชื้นหรือมีเหงื่อ สามารถทำความสะอาดได้ง่าย แต่มีราคาสูงกว่าเหล็ก อลูมิเนียม: มีน้ำหนักเบา แข็งแรง และทนทานต่อการกัดกร่อน เหมาะสำหรับเก้าอี้พกพาหรือเก้าอี้ที่มีการเคลื่อนย้ายบ่อย แต่มีความแข็งแรงน้อยกว่าเหล็กและสแตนเลส โฟม: เป็นวัสดุที่นิยมใช้ทำเบาะ เนื่องจากมีความนุ่ม สบาย และช่วยรองรับสรีระได้ดี ควรเลือกโฟมที่มีความหนาแน่นสูง เพื่อให้มีความทนทานและไม่ยุบตัวง่าย หนังสังเคราะห์: มีความทนทานต่อการขาด ฉีก และรอยเปื้อน ทำความสะอาดง่าย และมีให้เลือกหลายสีและลาย หนังแท้: มีความหรูหรา ทนทาน และระบายอากาศได้ดี แต่มีราคาสูง 4. น้ำหนักที่รับได้ น้ำหนักที่เก้าอี้สำหรับออกกำลังกายรับได้ เป็นปัจจัยสำคัญที่เราต้องพิจารณาอย่างละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อ เพราะหากเก้าอี้รับน้ำหนักไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดอันตรายได้ขณะออกกำลังกาย เก้าอี้ที่รับน้ำหนักได้ไม่เพียงพอ อาจทำให้โครงสร้างของเก้าอี้เสียหาย หรือเกิดการยุบตัวระหว่างการออกกำลังกาย ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ใช้ เก้าอี้ที่รับน้ำหนักได้ตามมาตรฐาน จะมีความแข็งแรงทนทาน สามารถใช้งานได้นาน และรองรับการออกกำลังกายที่หลากหลาย เมื่อเรามั่นใจว่าเก้าอี้สามารถรับน้ำหนักได้อย่างปลอดภัย เราจะสามารถโฟกัสกับการออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ และปัจจัยที่ส่งผลต่อน้ำหนักที่เก้าอี้รับได้ มีดังนี้ วัสดุที่ใช้ผลิต: เก้าอี้ที่ทำจากเหล็กหรือสแตนเลสโดยทั่วไปจะรับน้ำหนักได้มากกว่าเก้าอี้ที่ทำจากวัสดุอื่นๆ โครงสร้าง: การออกแบบโครงสร้างของเก้าอี้มีผลต่อความแข็งแรงและความสามารถในการรับน้ำหนัก ขนาดของเก้าอี้: เก้าอี้ที่มีขนาดใหญ่และฐานที่กว้าง มักจะรับน้ำหนักได้มากกว่าเก้าอี้ที่มีขนาดเล็ก การกระจายน้ำหนัก: การกระจายน้ำหนักขณะออกกำลังกายมีผลต่อความแข็งแรงของเก้าอี้ 5. ความสามารถในการปรับระดับ ความสามารถในการปรับระดับของเก้าอี้สำหรับออกกำลังกายเป็นฟังก์ชันที่สำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เราสามารถปรับแต่งเก้าอี้ให้เหมาะสมกับสรีระและท่าออกกำลังกายที่แตกต่างกันได้ ทำให้การออกกำลังกายของเราได้ผลลัพธ์ที่ดีขึ้น และลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ การปรับระดับเก้าอี้ให้เหมาะสมจะช่วยให้เราสามารถรักษาท่าทางที่ถูกต้องขณะออกกำลังกาย ซึ่งส่งผลต่อประสิทธิภาพและความปลอดภัย เก้าอี้ที่ปรับระดับได้จะช่วยให้เราสามารถทำท่าออกกำลังกายได้หลากหลายมากขึ้น การปรับระดับให้เหมาะสมจะช่วยให้เรารู้สึกสบายขณะออกกำลังกาย และสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้น ซึ่งส่วนที่สามารถปรับระดับได้ มีดังนี้ ความสูงของเบาะ: ช่วยให้เราปรับระดับความสูงของเบาะให้เหมาะสมกับความสูงของตัวเรา ทำให้เราสามารถรักษาท่าทางที่ถูกต้องขณะออกกำลังกาย องศาของพนักพิง: ช่วยให้เราปรับเปลี่ยนมุมของพนักพิงได้ตามต้องการ ทำให้เราสามารถทำท่าออกกำลังกายที่หลากหลาย ความสูงของที่วางเท้า: ช่วยให้เราปรับระดับความสูงของที่วางเท้าได้ ทำให้เราสามารถทำท่าบริหารกล้ามเนื้อส่วนล่างได้หลากหลายมากขึ้น 6. ขนาดและน้ำหนักของเก้าอี้ ขนาดและน้ำหนักของเก้าอี้สำหรับออกกำลังกายเป็นปัจจัยสำคัญที่เราควรพิจารณา เพราะจะส่งผลต่อการใช้งานและการจัดเก็บของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากคุณผู้อ่านมีพื้นที่จำกัด เก้าอี้ที่มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก อาจต้องใช้พื้นที่ในการจัดเก็บค่อนข้างมาก หากเรามีพื้นที่จำกัด อาจต้องพิจารณาเก้าอี้ที่สามารถพับเก็บได้ หรือมีขนาดกะทัดรัด เก้าอี้ที่มีน้ำหนักเบา จะช่วยให้เราสามารถเคลื่อนย้ายไปยังตำแหน่งที่ต้องการได้ง่ายขึ้น เก้าอี้ที่มีขนาดพอดีกับร่างกายของเรา จะช่วยให้เรารู้สึกสบายขณะออกกำลังกาย โดยขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสม มีดังนี้ เก้าอี้แบบพับเก็บได้: มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา เหมาะสำหรับผู้ที่มีพื้นที่จำกัด เก้าอี้แบบปรับระดับได้: มีขนาดใหญ่กว่าเก้าอี้แบบพับเก็บได้เล็กน้อย แต่มีฟังก์ชันการใช้งานที่หลากหลาย เก้าอี้แบบ Commercial: มีขนาดใหญ่และน้ำหนักมาก เหมาะสำหรับการใช้งานในโรงยิมหรือสตูดิโอออกกำลังกาย ดังนั้นให้วัดพื้นที่ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรวัดพื้นที่ที่จะวางเก้าอี้ เพื่อเลือกขนาดที่เหมาะสม พิจารณาความถี่ในการใช้งาน หากเราใช้เก้าอี้บ่อยๆ อาจเลือกเก้าอี้ที่มีขนาดใหญ่และแข็งแรงทนทานค่ะ 7. ความเสถียร ความเสถียรของเก้าอี้สำหรับออกกำลังกายเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพราะจะช่วยให้เรามั่นใจในการออกกำลังกาย และลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บ หากเก้าอี้ไม่มั่นคง อาจทำให้เราเสียหลักล้มขณะยกน้ำหนัก หรือทำท่าออกกำลังกายที่ต้องใช้แรงมาก เก้าอี้ที่ไม่เสถียรอาจทำให้เราเสียหลักล้ม ซึ่งอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บร้ายแรงได้ เมื่อเรามั่นใจว่าเก้าอี้มีความเสถียร เราจะสามารถโฟกัสกับการออกกำลังกายได้อย่างเต็มที่ เก้าอี้ที่มั่นคงจะช่วยให้เราสามารถทำท่าออกกำลังกายได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากขึ้น และวิธีตรวจสอบความเสถียรของเก้าอี้ มีดังนี้ เขย่าเก้าอี้เบาๆ: ลองเขย่าเก้าอี้เบาๆ เพื่อดูว่ามีความมั่นคงหรือไม่ ขึ้นนั่งบนเก้าอี้: ลองขึ้นนั่งบนเก้าอี้และโยกตัวเบาๆ เพื่อดูว่าเก้าอี้มีการโยกเยกหรือไม่ ตรวจสอบขาของเก้าอี้: ตรวจสอบว่าขาของเก้าอี้ติดตั้งอย่างแน่นหนาและไม่มีส่วนใดที่หลวม ตรวจสอบพื้นผิวที่วาง: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นผิวที่วางเก้าอี้เรียบและแข็งแรง 8. ความสะดวกสบาย ความสะดวกสบายของเบาะนั่งและพนักพิงเป็นสิ่งสำคัญมากในการเลือกเก้าอี้สำหรับออกกำลังกาย เพราะจะส่งผลโดยตรงต่อประสบการณ์การใช้งานของเรา หากเบาะและพนักพิงไม่สบาย อาจทำให้เรารู้สึกปวดเมื่อย และไม่อยากออกกำลังกายต่อเนื่อง เมื่อเรารู้สึกสบายขณะออกกำลังกาย เราจะสามารถออกกำลังกายได้นานขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้น เบาะและพนักพิงที่ออกแบบมาอย่างดีจะช่วยรองรับสรีระของเราได้อย่างเหมาะสม ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่เกิดจากการออกกำลังกาย การออกกำลังกายบนเก้าอี้ที่สบายจะช่วยเพิ่มแรงจูงใจให้เราอยากออกกำลังกายเป็นประจำ และเคล็ดลับในการเลือกเบาะและพนักพิงที่สบาย ได้แก่ ทดลองนั่ง: ก่อนตัดสินใจซื้อ ควรลองนั่งบนเก้าอี้เพื่อดูว่ารู้สึกสบายหรือไม่ ตรวจสอบความหนาแน่นของโฟม: โฟมที่มีความหนาแน่นสูงจะไม่ยุบตัวง่าย และมีความทนทานมากกว่า ตรวจสอบตะเข็บ: ตะเข็บต้องแข็งแรงและเรียบร้อย เพื่อป้องกันการฉีกขาด เลือกวัสดุที่ระบายอากาศได้ดี: เพื่อป้องกันการอับชื้นและเกิดกลิ่น และนั่นคือแนวทางสำหรับเลือกเก้าอี้สำหรับออกกำลังกายค่ะ โดยสำหรับผู้เขียนเป็นผู้เริ่มต้นสำหรับออกกำลังกายที่ต้องใช้เก้าอี้ จึงเลือกซื้อเก้าอี้ที่มีราคาประมาณ 1,500 บาทค่ะ ด้วยการสั่งออนไลน์ค่ะ ที่ต้องบอกว่าเก้าอี้ราคาเพียงเท่านี้ ก็มีความเสถียรมากค่ะ สามารถรองรับน้ำหนักได้ดี เพราะรองให้หลานสามคนขึ้นไปยืนพร้อมกัน เก้าอี้ออกกำลังกายที่ผู้เขียนซื้อมาก็ยังนิ่งและทำหน้าที่ได้ดีค่ะ เบาะไม่แข็งมาก ทำความสะอาดได้ง่ายและเคลื่อนย้ายสะดวก น้ำหนักเบาค่ะ ตอนประกอบก็ง่ายมากค่ะ ยังไงนั้นคุณผู้อ่านลองนำเทคนิคเหล่านี้ไปใช้เป็นข้อมูลในการประกอบการตัดสินใจได้ค่ะ เพราะอย่างน้อยๆ ก็จะได้แนวทางและทำให้มองเห็นภาพออกบ้าง และผู้เขียนหวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์กับคุณผู้อ่านไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง หากชอบบทความแบบนี้อีก ก็อย่าลืมกดติดตามหรือกดบุ๊กมาร์กหน้าโปรไฟล์ไว้นะคะ เพราะจะได้ไม่พลาดบทความใหม่ๆ ที่จะได้นำมาเผยแพร่ในเร็วๆ นี้ค่ะ เครดิตภาพประกอบบทความ ภาพหน้าปก โดย Klaus Nielsen จาก Pexels ภาพประกอบเนื้อหาโดยผู้เขียน ออกแบบภาพหน้าปกโดยผู้เขียนใน Canva เกี่ยวกับผู้เขียน ภัคฒ์ชาลิสา จำปามูล จบการศึกษา: พยาบาลศาสตรบัณฑิต จากวิทยาลัยพยาบาลศรีมหาสารคาม กระทรวงสาธารณสุข และสาธารณสุขศาสตรมหาบัณฑิต (อนามัยสิ่งแวดล้อม) จากมหาวิทยาลัยขอนแก่น มีความสนใจและประสบการณ์เกี่ยวกับ: สุขภาพ จิตวิทยาเชิงบวก การจัดการน้ำเสียและสิ่งปฏิกูล บทความอื่นที่น่าสนใจโดยผู้เขียน https://women.trueid.net/detail/G6R49DqzeGVp https://women.trueid.net/detail/07x4GpZnX037 https://women.trueid.net/detail/Nk0DKNoKKBRk เปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !