การลดน้ำหนักแบบ IF กำลังเป็นที่นิยมอยู่ในขณะนี้ และวิธีนี้ยังเป็นวิธีลดน้ำหนักที่คนทั่วโลกนิยมใช้กันอีกด้วย การกินอาหารแบบ IF คืออะไร? IF ย่อมาจาก Intermittent Fasting คือการลดน้ำหนักแบบจำกัดช่วงเวลาการกิน และที่นิยมคือกิน 8 ชั่วโมงและอดอาหาร 16 ชั่วโมง ซึ่งช่วงที่อดอาหารร่างกายจะดึงไขมันที่สะสมมาใช้ การลดน้ำหนักแบบ IF จะแบ่งเป็น 2 ช่วงเวลา ช่วงอดอาหาร (Fasting) 16 ชั่วโมง ช่วงกินอาหาร (Feeding) 8 ชั่วโมง โดยหลักการในการเผาผลาญ คือ เมื่อเราอดอาหารร่างกายจะปล่อยโกรทฮอร์โมนสูงขึ้น ระดับอินซูลินลดลง การอดอาหารระยะสั้นสลับกันไปแบบนี้จะช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญภายในร่างกายได้ 3.6-14% สามารถลดไขมันสะสมรอบเอวโดยเฉพาะไขมันไม่ดี ภาพถ่ายโดย Trang Doan จาก Pexels ประโยชน์ในการเลือกกินแบบ IF 1. ลดไขมันในเลือด คอลเลตเตอรอล คือไขมันชนิดหนึ่งที่สำคัญต่อร่างกาย แต่หากว่าสาว ๆ นั้นมีคอลเลตเตอรอลสะสมในร่างกายมากเกินไปอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดโรค เพราะคอลเลตเตอรอลไปเกาะบริเวณผนังหลอดเลือดทำให้เลือดไหลเวียนไม่สะดวก ทำให้เกิดไขมันอุดตันในเส้นเลือดนั้นเอง ดังนั้นจึงควรทานอาหารที่มีประโยชน์ อาหารที่สามารถลดการเกิดโรคไขมันในเส้นเลือดได้ เช่น อัลมอลด์,ชา,กระเทียม,พริกไทยดำ เป็นต้น 2. ภูมิคุ้มกันร่างกายดีขึ้น การกินอาหารมีผลอย่างมากต่อระบบภูมิคุ้มกันร่างกาย ถ้ากินอาหารที่ไม่ดีต่อร่างกายมาก ๆ สามารถส่งผลทำลายระบบภายในร่างกายในส่วนต่าง ๆ ดังนั้นการเลือกกินอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายจึงเป็นสิ่งสำคัญ ลดการกินไขมันทรานส์ เช่น เนยเทียม มาการีน เป็นต้น เพิ่มการทานไขมันดี เช่น น้ำมันมะกอก ปลาแซลมอน อะโวคาโด เป็นต้น ทานโปรตีนมาก ๆ กินแบคทีเรียที่ดีไปในร่างกาย ได้แก่ โยเกิร์ต,นมเปรี้ยว,กิมจิ เป็นต้น ทานอาหารให้ได้ 3 สีใน 1 มื้อ 3. ร่างกายนำไขมันที่สะสมไว้มาใช้ประโยชน์ เมื่อเราอดอาหารร่างกายจะนำเอาไขมันส่วนเกินเพื่อมาใช้ ทำให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันส่วนเกินออกไปได้ 4. ความจำดีขึ้น ป้องกันโรคอัลไซเมอร์ การกินอาหารออแกนิกสามารถป้องกันโรคอัลไซเมอร์ได้ หลีกเลี่ยงอาหารที่ผ่านการผลิตโดยใช้สารเคมีทำลายสมอง เช่น น้ำตาล,น้ำผลไม้ ที่มีส่วนผสมของน้ำตาลสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่มีไขมันทรานส์ รับประทานอาหารที่มีกรดโฟลิกสูง ทานผักและผลไม้มาก ๆ 5. ลดไตรกลีเซอไรด์ การกินอาหารที่สามารถลดไตรกลีเซอไรด์ โดยการเพิ่มการกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูงทดแทนแป้งและน้ำตาล ได้แก่ นมรสหวาน นมเปรี้ยว น้ำอัดลม โยเกิร์ตพร้อมดื่ม เป็นต้น และเลือกกินผลไม้สดหรือผลไม้ปั่น Photo by Brett Jordan from Pexels ควรเลือกการอดอาหารประเภทไหนดี ? 1. Lean Gains : การอดอาหาร 16 ชั่วโมงและกิน 8 ชั่วโมง สำหรับผู้หญิงแนะนำว่าช่วงแรก ๆ ควรอด 14 ชั่วโมง กิน 10 ชั่วโมงก่อน แล้วจึงค่อย ๆ ปรับเวลาลดลงทีละนิด โดยสาว ๆ สามารถเลือกเวลาเองตามที่เราสะดวกได้เลย 2. Fast5 : การอดอาหาร 14 ชั่วโมงและกินเพียง 5 ชั่วโมง วิธีนี้ถือเป็นการอดอาหารของคนที่ต้องการลดอาหารแบบเร่งด่วน และถือว่าโหดมากทีเดียว 3. 5:2 : โดยจะกินแบบปกติ 5 วัน กินแบบ Fast 2 วัน โดยจะทำติดต่อกัน 2 วันเลยหรือจะเว้นระยะก็ได้ โดยอัตราส่วนการกินของผู้หญิงและผู้ชาย คือ ผู้หญิงจะกิน 500 Kcal ผู้ชายจะกิน 600 Kcal 4. Eat Stop Eat : สำหรับการกินแบบนี้จะต้องอดอาหาร 24 ชั่วโมง 1-2 สัปดาห์ สำหรับวันที่อดก็สามารถกินอาหารได้ตามปกติตามที่ร่างกายนั้นต้องการ แต่วิธีนี้ไม่ค่อยเหมาะกับคนที่พึ่งเริ่มทำสักเท่าไหร่นัก Photo by Kaboompics .com from Pexels 5. Warrior Diet : เป็นการกินแบบอด 20 ชั่วโมงและกิน 4 ชั่วโมง หรือกินมื้อใหญ่มื้อเดียว โดยจะเน้นการกินโปรตีนและผักสด 6. ADF ( Alternate Day Fasting ) เป็นการอดอาหารแบบวันเว้นวัน ซึ่งเป็นวิธีการอดอาหารที่ค่อนข้างโหดมากที่สุดในทุกวิธี เพราะการอดข้าว 1 วันคงไม่ใช่เรื่องง่ายเท่าไหร่นัก สำหรับการลดน้ำหนักแบบ IF ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นวิธีที่ทำทางศาสนาโดยเป็นความเชื่อและวัฒนธรรมของชาวมุสลิม คือการถือศีลอด โดยจะเริ่มกินอาหารในช่วงพระอาทิตย์ตกแล้วเท่านั้นและจะอดอาหารและน้ำเมื่อพระอาทิตย์ขึ้น กระแสของการอดอาหารตามช่วงเวลา โดยรูปแบบของ Intermittent Fasting หรือเรียกสั้น ๆ ว่า IF เป็นเทรนด์การลดน้ำหนกที่ได้รับความนิยม และถือว่าไม่ได้เป็นเรื่องใหม่ในปัจจุบัน ถ้าสาว ๆ คนไหนต้องการที่จะลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้ควรจะเลือกวิธีที่เหมาะสมกับตัวเอง และไม่หักโหมในการลดน้ำหนักมากเกินไป ค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไปและลดน้ำหนักตามหลักการที่ถูกต้องและเหมาะสม การลดน้ำหนักไม่ว่าจะด้วยวิธีไหน ก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียทั้งนั้น ดังนั้นสาว ๆ ควรมีสติในการลดน้ำหนักเสมอ