กำลังพยายามลดน้ำหนักกันอยู่ไหม? กำลังมองหาวิธีลดน้ำหนัก หรือโปรแกรมลดน้ำหนักที่น่าสนใจกันอยู่หรือเปล่า เราเองก็เป็นอีกคนหนึ่งที่พยายามมองหาวิธีลดน้ำหนักมาปรับใช้กับตัวเองอยู่ตลอดเหมือนกันค่ะ เชื่อเหลือเกินว่าทุกคนก็อยากมีพฤติกรรมสุขภาพที่ดียิ่งขึ้น มีน้ำหนักตัวตามที่หวังและได้เป็นเจ้าของหุ่นที่ใฝ่ฝัน ในยุคนี้ที่มีสารพัดวิธีการลดน้ำหนักและมีโปรแกรมลดน้ำหนักออกมาให้เราได้ลองทำตามกันมากมาย แต่การจะหาวิธีที่ชอบ..เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ใช่นั่นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายสักเท่าไหร่เลย วันนี้เราเลยอยากมาแชร์วิธีลดน้ำหนักและโปรแกรมลดน้ำหนักที่เคยทำมาว่าแต่ละวิธีเห็นผลลัพธ์แบบไหน มีข้อดีและจุดที่ต้องระมัดระวังอย่างไร เพื่อให้การลดน้ำหนักของเราเห็นผลและปลอดภัยที่สุดวิธีลดน้ำหนัก โปรแกรมลดน้ำหนักที่น่าสนใจ ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างเห็นผลวิธีลดน้ำหนักด้วยการทำ IF 16/8ลดน้ำหนักด้วยการนับแคลอรีโปรแกรมลดน้ำหนัก Flexible Eating (Healthy and Me)ลดน้ำหนักด้วยการกินแบบ Low-carb การลดน้ำหนักด้วยการกิน Ketogenic การกินแบบ IF 16/8โปรแกรมลดน้ำหนักแบบ IF ที่หลักการสำคัญของวิธีนี้คือการกำหนดช่วงเวลาที่เราจะกิน (Feeding) และหยุดกิน (Fasting) ออกจากกันอย่างชัดเจนค่ะ โดยหลักการของการกินแบบ IF คือ การลดระดับอินซูลินในเลือดให้อยู่ในระดับน้อย ๆ ในช่วงของการอดอาหาร ซึ่งจะกระตุ้นให้ร่างกายดึงเอาพลังงานสะสมหรือไขมันในร่างกายมาใช้เป็นแหล่งพลังงานหลักแทน ลองคิดภาพตามว่าการกินแบบปกติทั่วไปของเรา เราจะกินไปเรื่อย กินทั้งวัน หิวเมื่อไหร่ก็กินทำให้ระดับอินซูลินในเลือดของเราสูงอยู่ตลอด โปรแกรมลดน้ำหนักแบบ IF จึงเข้ามาช่วยแก้จุดนี้แบบที่เราทำจะเป็นสูตรยอดนิยมคือ IF 16/8 หมายถึง กินได้ 8 ชั่วโมง ส่วนอีก 16 ชั่วโมงที่เหลือจะต้องงดอาหารทุกชนิด ดื่มได้แค่น้ำเปล่า ชา/กาแฟ(แบบไม่เติมน้ำตาล) โดยเราจะเริ่มต้นมื้อแรกประมาณ 9 โมงเช้าและไปจบมื้อสุดท้ายประมาณ 5 โมงเย็นค่ะ แน่นอนว่าอาหารที่เรากินในช่วง 8 ชั่วโมงก็จะต้องควบคุมแคลอรีเหมือนเดิม ถ้าเราจำกัดเวลาการกินแต่ไม่เลือกรูปแบบอาหารแบบนี้ก็ไม่ได้ผลเหมือนกัน ผลลัพธ์เรื่องการลดน้ำหนักส่วนตัวเราคิดว่าการลดน้ำหนักแบบ IF ช่วยในเรื่องการลดน้ำหนักตัวได้เหมือนกันค่ะ แต่จะไม่ได้ลดลงอย่างรวดเร็วแต่จะเป็นแบบค่อย ๆ เป็น ค่อย ๆ ไป ช่วยให้น้ำหนักตัวของเราคงที่เหมาะกับช่วงการรักษาน้ำหนักตัว (maintain)ข้อดีของวิธีลดน้ำหนักแบบ IFทำให้เรากินเป็นเวลา กินแค่ในช่วงที่กินได้ ลดการกินจุบจิบระหว่างมื้อส่วนตัวเรารู้สึกว่าช่วงที่หยุดกินสมองเราจะปลอดโปร่ง ตัวจะเบาสบายมากขึ้นค่ะ เพราะมันไม่หนักท้อง ตาไม่หย่อนจากอาหาร สามารถเลือกเวลาการกินและหยุดกินได้ตามสะดวก จะเริ่มกินกี่โมงก็ได้สามารถปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของเราได้เลยข้อควรระวังของโปรแกรมลดน้ำหนักแบบ IFอาจกินไม่เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ ตรงนี้ต้องคำนวณแคลอรีให้ดี แล้วแบ่งเป็นมื้อ ๆ ในช่วงของการ Feeding ถ้ากินน้อยเกินไปอาจเสี่ยงทำให้โยโย่ได้ค่ะไม่เหมาะกับคนที่มีปัญหาโรคกระเพาะอาหาร อาหารไม่ย่อย กรดไหลย้อน เพราะเป็นการจำกัดเวลาการกินให้สั้นลง อาจทำให้เกิดอาการจุกเสียดได้ไม่ควรทำช่วง Feeding ใกล้กับเวลาเข้านอน เพราะจะทำให้จุกเสียด นอนไม่หลับ หรือเป็นกรดไหลย้อนได้การทำ IF ให้เห็นผลจะต้องคุมอาหารไปด้วย ไม่ใช่ว่าจะกินกี่แคลอรีก็ได้สำหรับมือใหม่ไม่ควรเว้นช่วงอดอาหารนาน ให้เริ่มอดอาหารเท่าที่ไหวแล้วค่อย ๆ เพิ่มเวลาที่ต้องหยุดกินให้นานขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อป้องกันอาการตบะแตกจากการอดอาหารที่นานเกินไป การลดน้ำหนักแบบนับแคลอรีโปรแกรมลดน้ำหนัก วิธีลดน้ำหนักด้วยการนับแคลอรีเป็นวิธีที่เราทำค่อนข้างบ่อยเลยค่ะ เพราะหลายครั้งที่เราไม่สะดวกกับการกำหนดช่วงเวลาของการกิน (บางทีรู้สึกอยากกินไปเรื่อย 555+) และอยากกินอาหารในสัดส่วนธรรมดา ไม่ต้องมากดแป้งให้ต่ำเราก็จะเลือกลดน้ำหนักด้วยการนับแคลอรีแทน เมื่อเรารู้ว่าเราต้องกินวันละกี่แคลอรี (เท่ากับหรือต่ำกว่าค่า TDEE) เราก็จะคำนวณอาหารที่เรากินทุกมื้อว่ามีกี่แคลอรี มีสารอาหารเท่าไหร่ เช่น อกไก่ 100 กรัม ให้พลังงานประมาณ 120 kcal มีโปรตีนประมาณ 23 กรัม ไขมันประมาณ 2.5 กรัม แล้วก็ไปหักลบออกจากโควตาแคลอรีทั้งวันของเรา ซึ่งเราจะต้องนับแคลอรีทุกอย่างที่เรากินโดยจะเน้นกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพทั้งหมด งดขนม งดตามใจปากผลลัพธ์เรื่องการลดน้ำหนักแน่นอนว่าช่วยให้เราลดน้ำหนัก คุมน้ำหนักตัวได้ดีแน่นอนค่ะ เพราะเรากินพอดีกับที่ร่างกายต้องการ หรือถ้าเรากำหนดแคลอรีให้ต่ำกว่า TDEE น้ำหนักตัวเราก็จะลดลงแน่นอน (เพราะเราสั่งให้ตัวเองกินน้อยกว่าที่ใช้) เหมาะสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักหรือรักษาน้ำหนักตัวไว้ให้เท่าเดิมข้อควรระวังของโปรแกรมลดน้ำหนักด้วยการนับแคลอรีกำหนดแคลอรีตั้งต้นให้เหมาะสมกับความต้องการที่แท้จริงของร่างกาย คำนวณ TDEE มาให้ดีแบ่งสัดส่วนแคลอรีออกเป็นสารอาหารหลักที่ต้องกินให้ครบถ้วน ได้แก่ คาร์โบไฮเดรต โปรตีน และไขมันดี อย่ากินแค่เพียงสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งจนเต็มแคลอรี เช่น บางคนเน้นกินแป้งจนเต็มโควตา แบบนี้ก็จะได้แป้งเยอะเกินไป ทำให้ได้รับโปรตีนและไขมันในปริมาณที่ไม่เพียงพอการกินแบบนับแคลอรีอาจทำให้เราเคร่งกับการนับแคลอรีมากเกินไป หมกมุ่นกับการตรวจเช็กแคลอรีทุกอย่างซึ่งอาจทำให้รู้สึกเครียดกับอาหารมากเกินไปได้ การกินแบบยืดหยุ่น โปรแกรมลดน้ำหนัก Flexible Eating จาก Healthy and Me พอได้ลองโปรแกรมลดน้ำหนัก/วิธีลดน้ำหนักมาหลายรูปแบบ บางครั้งวิธีที่มันเคร่งมากเกินไปก็จะทำให้ไดเอตเราพังไม่เป็นท่าเพราะเราจะรู้สึกว่าทุกอย่างมันยากไปหมด ต้องนับเลขทั้งวัน ต้องกดสารอาหารชนิดใดชนิดหนึ่งให้ต่ำมาก ๆ พอเราเครียดเกินไปก็อาจจะทำให้กลับมากินแก้เครียดจนทำให้การลดน้ำหนักไปไม่ถึงไหน โปรแกรมลดน้ำหนัก Flexible eating Healthy and Me คือคำตอบ!! โดยจะเป็นการใช้แผนควบคุมโภชนาการ หรือเรียกง่าย ๆ ก็คือ ควบคุมอาหารที่เรากินในแต่ละวันด้วยเทคนิค 80/20 นั่นหมายความว่า เราสามารถลดน้ำหนักได้โดยไม่ต้องตึงเครียดเกินไป ด้วยการกำหนดอาหารที่ดีต่อสุขภาพ/อาหารที่เราควรกินไว้ที่ 80% ของวัน เสริมด้วยอาหารที่เราชื่นชอบ ของที่ดีต่อใจของเราอีก 20% ของวัน โปรแกรมลดน้ำหนักแบบยืดหยุ่น (Flexible Eating) จะช่วยให้เราเอ็นจอยกับการลดน้ำหนักมากขึ้น เพราะไม่ต้องเข้มงวดกับช่วงเวลาการกิน รวมไปถึงไม่ต้องอดอาหารที่เราชอบไปทั้งหมด โปรแกรมลดน้ำหนักแบบ Flexible eating จาก Healthy and Me ที่ว่าดี..นั้นดีอย่างไร? แทนที่เราจะลดน้ำหนักด้วยการควบคุมอาหารอย่างเคร่งเครียด ลดแป้ง งดขนม เลี่ยงของที่เราชอบไปเลย โปรแกรมลดน้ำหนักนี้จะทำให้เรากินของที่เราชอบได้โดยที่ไม่ต้องอด! เพียงแค่เราต้องฝึกลิ้น ปรับความคุ้นชินเสียใหม่ ด้วยเทคนิคที่ดีต่อใจมากมาย เช่น การปรับสัดส่วนอาหารที่เรากินให้เหมาะสมมากขึ้น เช่น ลดแป้งในมื้อลงสักเล็กน้อย แล้วแทนที่ด้วยโปรตีนและผักเยอะ ๆ โดยที่ไม่จำเป็นต้องอดแป้งเมนูแลกเปลี่ยนอาหารที่เราชอบ เช่น เราชอบกินไอศกรีมมาก ก็เปลี่ยนมาเป็นไอศกรีมจากกรีกโยเกิร์ตที่ได้โปรตีนสูงแถมยังอ้วนน้อยกว่า เปลี่ยนจากการกิน Chips มันฝรั่งทอดกรอบ มาเป็นการกินผักอบกรอบ เปลี่ยนจากการกินช็อกโกแลตนมหวาน ๆ มาเป็นดาร์กช็อกโกแลตกับถั่วต่าง ๆ ซึ่งดีกับสุขภาพมากขึ้น เป็นต้น การกินรวบมื้อ เช่น เรามีขนมที่ชอบและอยากกิน ก็ให้กินพร้อมมื้ออาหารไปเลย เพื่อให้เราควบคุมปริมาณการกินได้ดีขึ้นเพราะว่าเรากินมื้อหลักไปก่อนแล้ว วิธีนี้จะช่วยให้เราได้กินของที่ชอบโดยที่ยังคุมปริมาณการกินได้อยู่ ทำให้ลดน้ำหนักต่อไปได้โดยไม่เครียดเพราะไม่ต้องอดอาหารผลลัพธ์เรื่องการลดน้ำหนักโปรแกรมลดน้ำหนักแบบ Flexible Eating ส่วนตัวเรามองว่าไม่ได้ทำให้เราลดน้ำหนักลงได้ไวมากเหมือนกับการลดแบบ Low-carb หรือการกินคีโต เพราะว่าเราไม่ได้คุมอาหารเข้มมากขนาดนั้น แต่วิธีการลดน้ำหนักแบบ Flexible Eating จะช่วยให้เราลดน้ำหนักและคุมน้ำหนักตัวได้ยาวนานต่อเนื่อง เพราะเราสามารถปรับวิธีนี้ให้กลายเป็นไลฟ์สไตล์ได้ไม่ยาก เราสามารถกินอาหารที่ชอบได้และลดน้ำหนักไปด้วย ภายใต้เทคนิคแบบ 80/20 ข้อดีของการกินแบบนี้คือเราจะไม่เครียด ไม่กดดันตัวเองมากจนเกินไป สามารถกินขนมหรือของที่เราชอบได้โดยไม่ต้องรู้สึกว่าทุกอย่างที่เราทำมามันพังหมดแล้วต้องเริ่มใหม่ ซึ่งเราว่ามันดีต่อใจมาก ๆข้อควรระวังของโปรแกรมลดน้ำหนักแบบ Flexible Eatingจุดเดียวที่ต้องระวังก็คือ การกำหนดสัดส่วน 80/20 ให้พอเหมาะค่ะ เรากินอาหารที่เราชอบได้แต่ให้เป็นสัดส่วน 20% ไม่เผลอกินมากจนเกินไป การลดน้ำหนักแบบ Low-carb โปรแกรมลดน้ำหนักนี้เราได้ลองทำในช่วงที่ต้องการลดไขมันสะสม (Fat) ในร่างกายให้น้อยลงค่ะ คือจะกินคาร์บประมาณ 100 กรัม/วัน (คือได้รับแคลอรีจากคาร์บมากที่สุดแค่ 400 kcal) ถ้าเป็นมือโปรจริง ๆ บางคนจะกดคาร์บให้เหลือที่ 50 กรัม แล้วไปเน้นที่โปรตีนกับกรดไขมันดีเป็นหลัก ผลลัพธ์เรื่องการลดน้ำหนักการกินแบบโลว์คาร์บน้ำหนักจะลดลงค่อนข้างเร็วเลยค่ะ ข้อแรกเลยเป็นเพราะคาร์โบไฮเดรตสามารถอุ้มน้ำได้ 3-4 เท่าของน้ำหนักตัว พอเรากินแป้งน้อย การอุ้มน้ำหรือการบวมน้ำในร่างกายก็จะน้อยลง ถัดมาคือไกลโคเจนและน้ำในร่างกายเราจะลดลงในช่วงแรก ๆ ของการลดน้ำหนัก ใครที่กำลังอยากลดน้ำหนักลงในช่วงเวลาสั้น ๆ การกินแบบโลว์คาร์บสามารถช่วยได้ สำหรับความเห็นส่วนตัวเราคือ ให้ทำโปรแกรมลดน้ำหนักนี้แค่ในช่วงสั้น ๆ จะเหมาะกว่าเพราะการลดคาร์บให้ต่ำเป็นเวลานานอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพได้ เช่น ทำให้เหนื่อยง่าย หมดแรงโดยเฉพาะช่วงท้ายของวัน มีอาการชาปลายมือปลายเท้า อารมณ์ฉุนเฉียว โมโหง่าย เป็นต้น ข้อควรระวังของการกิน Low-carb ต้องควบคุมปริมาณคาร์บให้อยู่ในช่วงที่กำหนดเสมอ ซึ่งนับรวมคาร์บจากทุกอย่างทั้งจากข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว นับรวมไปจนถึงคาร์บที่มาจากผักและผลไม้ที่เราจะต้องกินให้น้อยลงด้วย เช่น มันเทศ มันฝรั่ง ทุเรียน มังคุด ขนุน เป็นต้น รวมไปจนถึงอาหารที่มีน้ำตาลสูงทุกชนิดการกินคาร์บหรือแป้งน้อย ๆ อาจทำให้ท้องผูกได้ เพราะมวลน้ำหนักและเส้นใยอาหารจะน้อยลงโปรแกรมลดน้ำหนักแบบ Low-carb อาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องออกแรง ใช้แรงในการออกกำลังกายหรือทำงานหนัก ๆ อาจเสี่ยงต่อการเกิดภาวะขาดสารอาหาร ถ้าเรากินโปรตีนกับไขมันที่ต้องกินไม่พอผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิต คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มการกินแบบ Low-carb เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ การลดน้ำหนักด้วยการกิน Ketogenicวิธีนี้เป็นขั้นกว่าของการกินแบบ Low-carb ค่ะ เราได้ลองทำวิธีนี้ในช่วงเวลาหนึ่งอยู่เหมือนกัน โดยจะพยายามกินคาร์บให้อยู่ในช่วง 50 กรัมต่อวัน เน้นอาหารกลุ่มไขมันดีเป็นหลักและตามมาด้วยโปรตีน หลักการของการลดน้ำหนักแบบคีโต คือ การเปลี่ยนให้ร่างกายเข้าสู่สภาวะ Ketosis เพื่อให้ร่างกายดึงไขมันมาใช้เป็นพลังงานหลักแทน เมื่อไขมันถูกถึงมาใช้มากขึ้น ไขมันสะสมในร่างกายของเราก็จะน้อยลงและทำให้น้ำหนักตัวของเราลดลงได้ วิธีนี้จะตอบโจทย์สำหรับคนที่ชอบกินอาหารจำพวกไขมันสูง แต่ย้ำว่าต้องเป็นไขมันที่ดีกับร่างกาย โดยเราจะเลือกกินเป็นไขมันจากสัตว์ เนื้อปลาแซลมอน ถั่ว น้ำมันมะพร้าว นมและผลิตภัณฑ์จากนม ชีส ครีมชีส เลี่ยงไขมันทรานส์และอาหารแปรรูปทุกชนิด อาหารที่เรากินได้น้อยมากและควรเลี่ยงไปเลยในช่วงที่กินคีโต คือ ข้าวและผลิตภัณฑ์จากข้าว / ของหวาน น้ำตาล น้ำหวาน / ผักและผลไม้ที่มีแป้งและน้ำตาลสูง ผลลัพธ์เรื่องการลดน้ำหนักการกินคีโตช่วยให้น้ำหนักตัวลงได้ไวและลงได้ดีตั้งแต่ช่วงที่เริ่มทำค่ะ ใครที่ต้องการลดน้ำหนักที่เห็นผลไวเราว่าการกินคีโตก็ตอบโจทย์เหมือนกัน แต่สำหรับเรานั้นแอบมองว่าเหมาะกับการลดหุ่น ลดน้ำหนักในช่วงสั้น ๆ เพราะเป็นวิธีที่ค่อนข้างเข้มงวด กินแป้งน้อยมาก (น้อยกว่าการกินแบบ Low-carb) ตรงนี้อาจจะไม่เหมาะกับสภาวะสุขภาพของหลาย ๆ คนได้ข้อควรระวังของการลดน้ำหนักด้วยการกินคีโตเจนิคเข้มงวดกับการเลือกทานชนิดของอาหารมาก ๆ ก่อนเริ่มกินจะต้องศึกษาให้ละเอียดว่าอาหารแบบไหนบ้างที่กินได้หรือไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ซอส น้ำจิ้ม หรือสารให้ความหวานแทนน้ำตาล ที่จะต้องเลือกสูตรที่คีโตกินได้เท่านั้นการกินคาร์บหรือแป้งน้อย ๆ อาจทำให้ท้องผูกได้ เพราะมวลน้ำหนักและเส้นใยอาหารจะน้อยลงอาจไม่เหมาะกับคนที่ต้องออกแรง ใช้แรงในการออกกำลังกายหรือทำงานหนัก ๆ ใครที่กินของมันเยอะ ๆ ไม่ได้ การลดน้ำหนักด้วยการกินแบบคีโตเจนิคอาจไม่เหมาะ เพราะสัดส่วนอาหารในกลุ่มไขมันจะสูงมากผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิต คุณแม่ที่กำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนเริ่มการกินแบบ Ketogenic เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ สรุปเทียบวิธีลดน้ำหนัก โปรแกรมลดน้ำหนักแต่ละแบบสำหรับประสบการณ์ส่วนตัวของเราที่ลองทำโปรแกรมลดน้ำหนักมาหลากหลายวิธี พบว่าทุกวิธีสามารถช่วยทำให้เราลดน้ำหนักลงได้หมด แต่ทั้งนี้เราจะต้องเลือกวิธีที่เหมาะกับไลฟ์สไตล์ของตัวเองและเป็นวิธีที่เราทำได้อย่างต่อเนื่องเพราะการลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาการทำ IF เป็นไดเอตที่จำกัดเวลาทานอาหาร ทำให้เรากินเป็นเวลา ไม่กินจุบจิบ ทั้งนี้ก็ต้องระมัดระวังเรื่องการกินให้เพียงพอกับที่ร่างกายต้องการ ไม่กินน้อยจนเกินไป การนับแคลอรี เป็นวิธีการลดน้ำหนักแบบค่อยเป็นค่อยไป ข้อดีคือทำให้เราควบคุมแคลอรีได้อย่างถูกต้อง ช่วยให้เราเลือกอาหารที่จะกินได้ดีมากขึ้นเพราะเรามองสารอาหารออก แต่ทั้งนี้ก็จะมีหลายครั้งที่เราไม่สามารถนับแคลอรีได้จากทุกมื้ออาหาร หรือบางครั้งการนับแคลอรีจะทำให้เราใส่ใจกับตัวเลขแคลอรีมากเกินไปจนทำให้รู้สึกเครียดได้ โปรแกรมลดน้ำหนัก Flexible eating สำหรับเรามองว่าโปรแกรมการลดน้ำหนักนี้ช่วยให้เราลดน้ำหนักได้โดยไม่เครียด เพราะตลอดโปรแกรมจะเป็นการกินแบบยืดหยุ่นด้วยเทคนิค 80/20 ด้วยการเลือกกินอาหารที่ดีต่อสุขภาพให้ได้ 80% ผสมเข้ากับอาหารที่เราชื่นชอบ ขนมที่ชุบชูจิตใจเราไม่ให้เครียดได้อีก 20% โปรแกรมลดน้ำหนัก Flexible Eating นี้จะช่วยให้เรามองอาหารเป็นแหล่งพลังงาน เราสามารถกินได้ทุกอย่างแต่ต้องจำกัดปริมาณให้เหมาะสม เมื่อ Mindset ในการกินของเราดีขึ้นก็จะทำให้เราสามารถลดน้ำหนักและดูแลสุขภาพได้อย่างยั่งยืน การลดน้ำหนักแบบ Low-carb / Ketogenic เป็นวิธีการลดน้ำหนักที่เห็นผลได้ไว แต่ไม่เหมาะมากนักสำหรับการทำในระยะยาว เพราะเราคิดว่าอย่างไรร่างกายของเราก็จะต้องได้รับคาร์โบไฮเดรตเป็นแหล่งพลังงานในปริมาณที่เหมาะสม อีกทั้งการเลือกอาหารที่กินก็ทำได้ค่อนข้างยาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Ketogenic ที่จะต้องจำกัดอาหารอย่างเคร่งครัด ต้องจำกัดแป้ง ผัก และผลไม้ ทั้งยังมีการกินไขมันสูง หากเราศึกษาข้อมูลไม่ดีพอก็อาจจะส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ป่วยเป็นโรคประจำตัวยิ่งต้องระมัดระวังมากเป็นพิเศษภาพหน้าปก โดย ผู้เขียนภาพในเนื้อหา : ภาพที1 โดย Изображения пользователя Kim Tatiana ภาพที2 โดย Mizina ภาพที่4 โดย Iurii Maksymiv ภาพที5 โดย armano777 ภาพที่6 โดย Dzevoniia จาก canva / ภาพที3 โดย Healthy&Me / ภาพที7 โดย ผู้เขียนเปิดประสบการณ์ความบันเทิงที่หลากหลายสุดปัง บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !