ในวันที่เราต้องเจอกับเรื่องที่ทำให้เราทุกข์ใจ หากเราไม่สามารถจัดการกับอารมณ์ที่ไม่ดีได้ มันอาจทำให้เราไม่มีความสุขในวันนั้น จะดีกว่าไหมถ้าเรามี “วิธีที่ช่วยเยียวยาจิตใจให้ดีขึ้น” ได้ล่ะวันนี้เราจะมาแชร์ 9 ข้อคิดดี ๆ ที่ช่วยเพิ่มพลังบวก เมื่ออ่านแล้วจะได้รับกำลังใจอย่างแน่นอนก่อนอื่น เราขอบอกก่อนว่าข้อความทั้งหมดนี้เป็นข้อความที่เราฝึกเขียนสะท้อนความคิดและความรู้สึกของเราผ่านการเรียนรู้กับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ในวันที่เรารู้สึกไม่สบายใจ แล้วเราได้มาอ่านข้อความที่ช่วยเติมพลังใจให้เรา มันกลับทำให้เรายิ้มได้และรู้สึกสบายใจมาก ๆ เลย เราจึงอยากแบ่งปันข้อคิดดี ๆ ให้ผู้อื่นและตัวเองได้อ่านด้วย ดังนั้นเราอยากให้คุณหมั่นใช้คำพูดดี ๆ และใส่ใจกับตัวเองมาก ๆ นะ เพราะคงไม่มีอะไรสำคัญไปกว่า “การดูแลหัวใจของตัวเอง” อีกแล้ว หากคุณต้องการฟังในรูปแบบเสียงพอดแคสต์ สามารถกดที่วิดีโอด้านล่างนี้ได้เลยค่ะhttps://youtu.be/GRPIe-Ebs_c 1. ช่วงเวลาที่ดีที่สุด คือ “การอยู่กับปัจจุบันและการดื่มด่ำกับความสุขที่อยู่ตรงหน้า” เนื่องจากมันเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าและมีความหมาย: “การอยู่กับปัจจุบัน” จะทำให้เราได้โฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าในช่วงเวลานั้น แต่อาจเป็นสิ่งที่หลายคนมักมองข้ามไป เพราะมัวแต่จมอยู่กับอดีตและกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง ซึ่งเราก็เคยเป็นหนึ่งในนั้นโดยปล่อยให้สิ่งอื่นเข้ามารบกวนช่วงเวลาดี ๆ ในปัจจุบัน เมื่อเราได้มาอ่านข้อความนี้แล้ว จึงทำให้เราให้ความสำคัญกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้ามากขึ้น เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้วมักไม่หวนกลับคืนมา ช่วงเวลาในปัจจุบันจึงเป็นช่วงเวลาที่มีค่าสำหรับเรา 2. สิ่งที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้กับเรา คือ “การยิ้ม” เพียงแค่มอบรอยยิ้มและคำพูดดี ๆ ให้แก่กันในทุก ๆ วัน ก็ช่วยให้เราพัฒนาความสัมพันธ์กับคนรอบข้างไปในทิศทางที่ดีขึ้นได้: เราคิดว่าการยิ้มเป็นการส่งต่อพลังบวกให้ตัวเองและผู้อื่นได้ ทำให้ผู้ที่ได้รับรู้สึกดีและมีความสุขไปด้วย เวลาที่เราเห็นตัวเองยิ้ม เรารู้สึกมีความมั่นใจและมีอารมณ์ดีขึ้น เราจึงคิดว่าความสัมพันธ์ที่ดีจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อเราใช้คำพูดดี ๆ ในการพูดคุยกัน และใช้รอยยิ้มที่จริงใจมอบให้อีกฝ่าย เพียงเท่านี้ก็อาจทำให้พวกเขาเปิดหัวใจให้เรามากขึ้น 3. “จงฟังเสียงหัวใจตัวเองให้มาก ๆ” และให้รางวัลแก่ตัวเองเมื่อทำอะไรบางอย่างได้ดี: ในหลาย ๆ ครั้งที่เรามักฟังเสียงของคนอื่นมากกว่าเสียงในใจของเราเอง แต่ถ้าเรา “ฟังเสียงหัวใจตัวเอง” ให้มาก ๆ มันจะทำให้เราได้รู้ว่าเราต้องการที่จะทำอะไร และเราจะเป็นตัวเองในฉบับของเรามากขึ้น นอกจากนี้การชมเชยหรือ “การให้รางวัลแก่ตัวเอง” ก็ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะทำให้เราเห็นคุณค่าในตัวเองมากขึ้นด้วย 4. เราต้อง “ไม่หยุดอยู่ตรงที่เดิม” และ “ไม่จมอยู่กับอดีตนานเกินไป” แต่ควรเดินเข้าไปในพื้นที่ใหม่ ๆ เพราะพื้นที่นั้นอาจช่วยพัฒนาให้ชีวิตของเราก้าวหน้าขึ้นได้: ในมุมมองของเรา การจมปลักอยู่กับอดีตไม่ได้ช่วยพัฒนาให้ชีวิตของเราดีขึ้น แล้วยังทำให้เรารู้สึกไม่ดีในบางครั้งด้วย “การมูฟออน” จึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่ช่วยให้เราก้าวพ้นจากวันที่ไม่ดีไปได้ การออกไปเจอผู้คนใหม่ ๆ และการไปในสถานที่ที่ไม่เคยไป จะทำให้เราได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ กลับมาเสมอ 5. การที่ใครสักคนจะมองเห็นความงดงามของเรา “เราต้องมองเห็นคุณค่าในความงดงามของตัวเองก่อน” โดยมองความธรรมดาที่ธรรมชาติมอบให้ ให้เป็นสิ่งพิเศษ เราควรภูมิใจและเห็นคุณค่ากับสิ่งที่เรามีอยู่: การที่เราจะเห็นคุณค่าในความงดงามของตัวเอง เราต้องยอมรับตัวตนในแบบที่เราเป็นก่อน เราคิดว่าสิ่งหนึ่งที่ทุกคนควรมีคือ “การรักตัวเอง” แม้ในบางครั้งเราอาจไม่พอใจในตัวเอง แต่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องเห็นคุณค่าของตัวเองน้อยลง “เราทุกคนต่างมีความงดงามและมีความพิเศษในแบบของเราเอง” 6. สำหรับปัญหาและอุปสรรคต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต มันคือวันหนึ่งที่ฝนตกหนักมากกว่าวันปกติ “เพียงแค่เราต้องมีความสุขให้ได้ในวันที่ฝนตกหนักเท่านั้นเอง” เมื่อเวลาผ่านไปฝนก็ต้องหยุดตกอยู่ดี ฟ้าหลังฝนย่อมสดใสเสมอ ยิ้มเยอะ ๆ นะคนเก่ง แค่ยิ้มให้ตัวเองตอนเช้าก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นวันใหม่ที่ดีแล้ว :): เราขอเปรียบปัญหาและอุปสรรคเหมือนวันที่ฝนตกหนัก เพราะมันเป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ อย่างไรก็ตามปัญหามักมีทางออกเสมอ ก็เหมือนกับวันที่ฝนตกหนักเมื่อเวลาผ่านไปฝนก็ต้องหยุดตกอยู่ดี แล้วเรามักจะเห็นฟ้าที่สดใสหลังฝนตกไปแล้วเสมอ ก็เหมือนกับการที่เราเอาความทุกข์ออกไปจากใจเราได้ในวันที่เราสามารถฝ่าฟันอุปสรรคได้แล้วนั่นเอง 7. ไม่ใช่ทุกวันที่เราจะทุกข์ และไม่ใช่ทุกวันที่เราจะมีความสุข “เพียงแค่เราต้องไม่เก็บความรู้สึกที่ไม่ดีไว้ก็พอ”: ในแต่ละวันเราต้องเจอกับความทุกข์และความสุขสลับกันไป หากวันไหนที่เรารู้สึกไม่ดี เราก็ไม่ควรเก็บความรู้สึกนั้นไว้ เพราะมันอาจจะบั่นทอนจิตใจของเราได้ เราจึงเริ่มต้นวันใหม่โดยการไม่จมอยู่กับความรู้สึกในเมื่อวาน ซึ่งมันอาจไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำได้ แต่หากเราปล่อยวางความรู้สึกที่ไม่ดีไปได้ ใจของเราก็จะเบาสบายขึ้น 8. การตั้งเป้าหมายทำให้เรามีแพชชั่นในการใช้ชีวิต เวลาที่เราตั้งเป้าหมายที่จะทำอะไร ให้เชื่อมั่นว่า “เราสามารถทำได้” แม้ต้องเจอกับความล้มเหลว หากเรามีความพยายามไม่ยอมแพ้ เราจะลุกขึ้นสู้ใหม่ได้ตลอด เพียงแค่เราต้องเอาชนะความกลัวที่อยู่ในจิตใจเราให้ได้: การตั้งเป้าหมายก็เหมือนกับการที่เรามีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน เราจะมีแผนที่คอยนำทางเพื่อไม่ให้เราหลงทาง และหากวันไหนที่เราต้องเจอกับความล้มเหลว ก็ “จงอย่าหยุดที่จะยอมแพ้” ตราบเท่าที่พระอาทิตย์ยังส่องแสงสว่างในทุก ๆ เช้า นั่นเท่ากับว่าเรายังมีโอกาสให้เริ่มต้นใหม่ได้เสมอ 9. “ความเชื่อและความหวัง” เป็นสิ่งสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย ทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปได้ เพียงแค่ “ลงมือทำ”ความสำเร็จจะเป็นของเรา เพราะฉะนั้น “จงเชื่อมั่นในตัวเอง” ไม่ต้องรอให้ตัวเองพร้อม เราได้ลงมือทำแน่นอน: เราคิดว่า “การลงมือทำ” มีโอกาสที่เราจะประสบความสำเร็จ 50% ดีกว่าการไม่ลงมือทำอะไรเลย เพราะโอกาสที่จะสำเร็จเท่ากับศูนย์ ในอีก 10 ปีข้างหน้า หากเราย้อนกลับมามองตัวเอง เราจะไม่เสียดายเลยกับสิ่งที่เราได้ลงมือทำ เพราะมันจะทำให้เราได้เรียนรู้และเติบโตมากขึ้นกว่าเดิม หลังจากที่ได้อ่านข้อคิดดี ๆ ทั้งหมด 9 ข้อแล้ว รู้สึกอย่างไรกันบ้างคะทุกคน เราหวังว่าทุกคนจะได้รับมุมมองใหม่ ๆ และได้รับกำลังใจเพื่อพร้อมสู้กับอุปสรรคต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิต เราขอให้ทุก ๆ วันเป็นวันที่ดีสำหรับทุกคนนะคะ เครดิตภาพปก รูปภาพทั้งหมด และวิดีโอ โดยผู้เขียน (ถนอมหัวใจ)อัปเดตข่าวสาร และแหล่งเรียนรู้หลากหลายแบบไม่ตกเทรนด์ บน App TrueID โหลดเลย ฟรี !